รัชสมัยเซวียนลี่ที่เก้า เดือนสิบสอง วันที่ยี่สิบเก้า ยามค่ำ
ท้องฟ้ามืดครึ้ม มองดูแล้วช่างน่ากลัวยิ่ง ก้อนเมฆสีเทาลอยปกคลุมเหนือเมืองจินหลิงแต่กลับมิมีลม ราวกับว่ามันกำลังจะกลืนกินที่แห่งนี้
ณ ริมฝั่งแม่น้ำฉินหวาย
เยียนเหลียงเจ๋อยืนมองผิวน้ำแล้วหลับตาลงช้า ๆ
นับจากคืนนั้นจวบจนบัดนี้ก็ย่างเข้าสี่วันแล้วที่แม่น้ำฉินหวายไร้ซึ่งหงซิ่วจาวตั้งอยู่ ส่วนศพของเปียนหรงเอ๋อยังคงอยู่ที่โรงเตี๊ยม
ร่างของนางถูกเผาเสียจนมอดไหม้ มองมิเห็นหน้าตา มีเพียงกำไลหยกบนข้อมือเท่านั้นที่บ่งบอกถึงตัวตนของนาง
คืนนั้น มีผู้คนอีกมากมายที่ต้องจบชีวิตลง เหลือเพียงคนสมควรตายผู้นั้นที่สามารถรอดไปได้ !
คาดว่าถงเหยียนเองก็ตกตายไปในสนามต่อสู้นั้นเช่นกัน
หรือจะเป็นดั่งที่ชาวบ้านกล่าวกันว่าสวรรค์เบื้องบนคอยปกป้องคนสมควรตายผู้นั้นเอาไว้ ?
เยียนเหลียงเจ๋อรู้สึกว่านี่เป็นความต้องการของสวรรค์ มิเช่นนั้นแล้ว การที่ตนตั้งใจจะเอาชีวิตของฟู่เสี่ยวกวนอยู่หลายครา เหตุใดเขาถึงยังสามารถรอดปลอดภัยไปได้กัน ?
เมื่อคืน ตนได้รับราชสาส์นลับจากเสด็จพ่อ เนื้อความช่างง่ายดายมากยิ่งนัก ระบุไว้เพียงประโยคเดียวว่า “ใจข้า…ผิดหวังยิ่ง ! ”
สิ่งนี้เปรียบเสมือนค้อนเหล็กอันใหญ่ทุบลงที่กลางทรวงอก นอกจากนี้ยังมีรายงานลับอีกหนึ่งฉบับ กล่าวว่าบัดนี้ทหารชายแดนตะวันออกได้รวมทัพขึ้นมาอีกครา และยังมีปืนใหญ่หงอีกว่าสี่ร้อยกระบอก
อีกทั้งได้มีการนำปืนใหญ่หงอี 100 กระบอกไปตั้งไว้ที่หัวเมืองต้าชิว !
หยูเวิ่นเทียนนำทหารกว่าหนึ่งแสนนายพร้อมด้วยปืนใหญ่หงอี 300 กระบอกมุ่งหน้าไปยังด่านจินหยาง
เยียนเหลียงเจ๋อสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หากทหารของราชวงศ์หยูตีด่านจินหยางแตก และข้ามภูเขาจินหยางมาได้ ด้านหลังนั้นคือว่อเฟิงหยวนที่ราบกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต และเป็นคลังเสบียงที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นอี๋ !
หากดำเนินมาถึงขั้นนี้ หมายความว่าพวกเขาสามารถครอบครองพื้นที่แคว้นอี๋ไปได้กว่าสามส่วน มิน่าเล่าเสด็จพ่อถึงกังวลมากยิ่งนัก!
เจ้าฟู่เสี่ยวกวนได้เงินทองไปตั้งมากมาย แต่บัดนี้ ก็ยังมิเอ่ยถึงเรื่องการเจรจาออกมาเลย !
เยียนเหลียงเจ๋อเข้าใจได้ทันทีว่าฟู่เสี่ยวกวนกำลังเล่นงานตน และตนก็กำลังไร้หนทางที่จะรับมือ
ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยูมิเปิดโอกาสให้เขาได้เข้าเฝ้า แม้แต่กรมพิธีการอย่างหงหลูซื่อก็มิให้เข้าพบ คนพวกนั้นกล่าวเพียงว่า การเจรจาครานี้ให้ทำตามที่ใต้เท้ากวนตัดสินใจ
เมื่อเป็นเช่นนี้ หมายความว่าหากฟู่เสี่ยวกวนอยากจะเจรจาเมื่อใด ถึงจะได้เริ่มการเจรจา
ทำเช่นนี้เพราะต้องการกักตัวตนไว้ที่นี่ เพื่อให้ทหารชายแดนตะวันออกเดินหน้าบุกยึดว่อเฟิงหยวนเยี่ยงนั้นหรือ ?
เขาถอนหายใจออกมา เจ้าหมอนี่จิตใจโหดเหี้ยมสิ้นดี แม้แต่ทหารหงหลิงที่แข็งแกร่งของแคว้นอี๋ กลับแพ้อย่างราบคาบเมื่ออยู่ต่อหน้าปืนใหญ่หงอี
วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันที่สามสิบแล้ว
หากเอ่ยถึงหลายปีที่ผ่านมานี้ ตอนนี้ตนควรจะประทับอยู่ในตำหนักบูรพาที่แสนอบอุ่น รอรับของขวัญที่เหล่าขุนนางนำมาถวายอย่างสำราญใจ
แต่ทว่าบัดนี้ กลับต้องมานั่งกินลมหนาวอยู่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำฉินหวาย !
ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะฟู่เสี่ยวกวน !
นัยน์ตาของเยียนเหลียงเจ๋อปรากฏความอาฆาตแค้นขึ้นมา รอให้ข้ากลับไปถึงแคว้นอี๋ก่อนเถิด ข้าจะให้องค์จักรพรรดิส่งกองทัพมาเอาคืนให้จนได้ !
มิเพียงแต่นำอาณาเขตที่ถูกยึดกลับคืนมาเท่านั้น อีกทั้งจะบุกเข้ามาในวังหลวงเพื่อนำศีรษะของฟู่เสี่ยวกวนกลับไปให้จงได้ !
หากเสด็จพ่อมิเห็นด้วย…เช่นนั้น ข้าคงต้องกระทำการบางอย่างเสียแล้ว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)