สรุปเนื้อหา ตอนที่ 568 ล้อมเมือง – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บท ตอนที่ 568 ล้อมเมือง ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 568 ล้อมเมือง
กองทัพทั้ง 150,000 นายของเซวี๋ยติ้งชานบุกเข้าไปในเมืองเจี้ยนเหมิน
ทว่ามิเพียงมิถูกสกัดกั้นเอาไว้เท่านั้น จวบจนกระทั่งบัดนี้ยังมิพบมนุษย์แม้แต่คนเดียว !
ให้ตายเถอะ สุนัขสักตัวก็ยังมิมี !
มันน่าประหลาดใจยิ่ง
ในที่สุดเซวี๋ยติ้งชานก็สงบจิตใจลงได้ นี่คืออุบายของผู้ใดกัน ?
เหตุใดจึงให้ทหารมายึดครองเมืองอันไร้ผู้คนเช่นนี้ ?
คงต้องการให้ข้าถูกกักขังไว้ในนี้เป็นแน่ !
ยามนั้นเซวี๋ยติ้งชานถึงตั้งสติขึ้นมาได้ ในใจรู้สึกลนลานขึ้นมาทันที หลุมพรางที่ชัดเจนถึงเพียงนี้ ตนกลับกระโดดลงมาโดยง่าย สมควรตายมากยิ่งนัก !
บัดนี้ภรรยาได้ตายจากไปแล้ว นั่นหมายความว่ากองทัพย่อมถูกทำลายไปด้วยและด่านชีผานก็คงรักษาเอาไว้มิได้แล้วอย่างแน่นอน แต่ทว่าบัดนี้จะไปที่ใดได้บ้างเล่า ? เขายังจะไปที่ใดได้อีกกัน ?
เซวี๋ยติ้งชานหลับตาลงอย่างช้า ๆ แล้วถอนหายใจออกมาเสียยาวเหยียด
การก่อกบฏในครานี้มิเหลือคนเก่าแล้วอีกทั้งยังไร้คนใหม่เข้ามา จบสิ้นแล้วครานี้
พวกเขาเคลื่อนพลออกมาจากค่ายทหารตะวันตก ตลอดการเดินทางได้เร่งฝีเท้าจนกระทั่งยึดครองด่านชีผานเอาไว้ได้ เดิมทีควรจะใช้เส้นทางสายเก่าจินหนิวเพื่อออกจากฉินหลิง เวลานี้ทหารทั้งหลายควรไปถึงป่าไป๋หลี่ชุนชวนแล้วด้วยซ้ำ
ช่างน่าขันยิ่ง พวกเขาวกไปวนมา ยังมิทันเดินทางไปถึงครึ่งทางสายเก่าจินหนิวก็ได้ย้อนกลับมาเสียแล้ว !
นี่พวกเรากำลังทำสิ่งใดกันอยู่ ?
นี่คือการสูญเสียทั้งฮูหยิน เสียทั้งขุนพลอย่างแท้จริง !
ก่อกบฏมิสำเร็จ ทหารจำนวน 300,000 นายที่เดินทางมาจากกองทัพชายแดนตะวันตก บัดนี้เหลือเพียง 150,000 นายอยู่ข้างกาย อีกทั้งทหาร 150,000 นายที่เหลืออยู่นี้ก็มีความรู้สึกไม่พอใจอยู่มากมาย หากยังจะเดินหน้าต่อไป…แล้วจะไปที่ใดได้กันเล่า ?
ใต้หล้าอันกว้างใหญ่นี้ เซวี๋ยติ้งชานกลับพบว่าตนเองไม่มีที่ให้ไป !
จะไปยังที่ราบเฉิงตูดีหรือไม่ ?
แต่ทว่าที่เจี้ยนหนานตงเต้านั้นโจมตียากเสียทีเดียว เจ้าเฟ่ยอันต้องกัดมิปล่อยเหมือนหมาบ้าเป็นแน่ ในเมื่อมิอาจโจมตีเมืองเฉิงตูได้ พื้นที่ราบชังซีก็มิค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก เนื่องจากไร้พื้นที่สำหรับกำบังทหาร จึงทำได้เพียงต่อสู้กับเฟ่ยอันเท่านั้น
เมื่อถึงเวลานั้น หากเหล่าทหารเริ่มเหนื่อยล้า แล้วจะเอาแรงที่ใดไปต่อสู้กัน ?
เกรงว่าจะถูกเฟ่ยอันเขมือบเข้าจนเต็มคำ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นเสียเปล่า ๆ
ในขณะที่เซวี๋ยติ้งชานกำลังตกอยู่ในความวิตกกังวล ก็ได้มีทหารนายหนึ่งเข้ามารายงานว่า ที่เมืองเจี้ยนเหมินมีอาหารอยู่มากมาย อีกทั้งหลายครอบครัวยังทิ้งทรัพย์สินเอาไว้มิน้อย
มองดูแล้วผู้คนเหล่านี้ได้จากไปอย่างเร่งรีบ นับว่าเป็นข่าวดีมากเสียทีเดียว
เซวี๋ยติ้งชานจึงตัดสินใจหลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักว่าเหนื่อยล้าเหลือเกิน…ข้ามิอยากเดินทางต่อแล้ว ! อาศัยอยู่ในเมืองเจี้ยนเหมินก่อนก็แล้วกัน รอจนกระทั่งทหารของเฟ่ยอันค่อย ๆ ถดถอย แล้วค่อยคิดวางแผนใหม่ !
จากเสบียงที่เหลืออยู่ในเมืองเจี้ยนเหมิน เพียงพอสำหรับทหารจำนวน 150,000 นายให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ถึงครึ่งปี อยากให้ข้าติดอยู่ที่นี่มิใช่หรือ ? ทหารของพวกเจ้ามีจำนวนถึง 400,000 นาย ต้องการอาหารมากกว่าข้าหลายเท่านัก แล้วมาดูกันว่าผู้ใดจะอดทนได้นานกว่ากัน
ดังนั้นเซวี๋ยติ้งชานจึงออกคำสั่งว่า “จงปิดประตูเมือง ให้ทหารจำนวน 50,000 นายคอยปกป้องกำเเพงเมืองเอาไว้ ส่วนที่เหลือหลังจากกินอิ่มแล้วก็นอนหลับพักผ่อนได้ ! ”
นี่คือข่าวดีสำหรับเหล่าทหารที่แสนจะเหนื่อยล้า
อ่า… เจ้าฟู่เสี่ยวกวนมีวิธีจัดการกับปัญหาต่าง ๆ แปลกประหลาดยิ่ง มองจากภายนอกอาจจะเห็นว่ามิสมเหตุสมผล แต่ท้ายที่สุดผลที่ออกมามักจะถูกต้องเสมอ
แผนการร้องเพลงนี้… อยู่ ๆ เขาก็คลายความกังวลลงแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่า ๆ ๆ ! เยี่ยม ! ยอดเยี่ยมเสียทีเดียว ! เจ้าหมอนี่เก่งกาจอย่างแท้จริง แต่เมื่อมีความช่วยเหลือจากกองกำลังดาบเทวะ ข้าคิดว่าแผนการนี้จะสามารถทำให้พวกเราชนะได้โดยมิต้องสูญเสียทหารไปแม้แต่นายเดียว ! ”
เฮ้อซานเตาไม่เข้าใจสถานการณ์ที่ปรากฏตรงหน้า แต่คำว่ากองกำลังดาบเทวะนั้นเขารู้จักดี จากนั้นก็ได้ตกตะลึงขึ้นมาทันที “กองกำลังดาบเทวะ ? ” เขามองไปทางซูม่อ “ท่านคือหนึ่งในทหารดาบเทวะเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ใช่ ! ข้า ซูม่อ ทหารดาบเทวะกองพลที่สาม ท่านคือ… ? ”
“อ่า… ข้าน้อย เฮ้อซานเตา เป็นทหารคุ้มกันของท่านแม่ทัพเฟ่ย ข้ากำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นเชียนฮู่ ขุนนางระดับห้า… ทหารดาบเทวะของท่านยังต้องการคนอยู่อีกหรือไม่ ? เช่นคนเยี่ยงข้า”
เฟ่ยอันรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เจ้าเป็นทหารของข้า เเต่กลับกล่าวว่าจะไปเป็นทหารดาบเทวะ ทั้งที่อยู่ต่อหน้าข้า มิไว้หน้ากันเลยหรือเยี่ยงไร ?
เฮ้อซานเตาไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้มากนัก เขาเป็นเพียงพ่อค้าที่ดินธรรมดา เดิมทีก็มิได้มีความคุ้นเคยกับมารยาทเหล่านี้อยู่แล้ว บัดนี้เขาได้มองไปทางซูม่อพร้อมด้วยแววตารุ่มร้อน และรู้สึกกังวลว่าซูม่อจะมิยอมรับตน ดังนั้นเขาจึงเอ่ยเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า “ท่านฟู่เจวี๋ยเยเป็นแบบอย่างของข้า ขอบอกท่านตามตรงว่าฟู่เจวี๋ยเยก็เคยเป็นพ่อค้าที่ดินในหลินเจียงมาก่อน ข้าน้อยเองก็เป็นพ่อข้าที่ดินเช่นกัน ท่านดูสิ พวกเราล้วนเป็นพ่อค้าที่ดินเหมือนกัน ถือเป็นโชคชะตาอย่างแท้จริง”
ซูม่อเมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา เจ้าหมอนี่น่าสนใจเสียทีเดียว แต่การเป็นทหารมิใช่เรื่องของโชคชะตาหรอก
“การคัดเลือกเข้าเป็นทหารดาบเทวะนั้นยากมากยิ่งนัก การฝึกฝนก็เหน็ดเหนื่อยยิ่ง คนธรรมดาทั่วไปมิอาจทนได้… อีกอย่างมิว่าก่อนหน้านี้จะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใด หากเข้าร่วมกองกำลังดาบเทวะแล้ว จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่ทหารขั้นต้น นั่นหมายความว่าตำแหน่งเชียนฮู่ของท่านไร้ความหมายอย่างแท้จริง”
ประโยคนี้ทำให้เฮ้อซานเตาชะงักลงชั่วครู่ เขาครุ่นคิดอยู่ในใจว่าตนปลิดชีพผู้คนไปนับร้อยที่ท่าชุนเฟิง จึงได้เข้าตาท่านแม่ทัพเฟ่ยอัน และได้ตำแหน่งเชียนฮู่มาครอบครอง หากเข้าร่วมกองกำลังดาบเทวะก็จะได้เป็นเพียงทหารขั้นต้น !
แต่ทว่าชื่อเสียงของกองกำลังดาบเทวะโด่งดังขจรไกล และเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ยกย่องนับถือกองกำลังดาบเทวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจ่งหยู คุณหนูหกแห่งตระกูลโจ่ง คู่หมั้นแสนอำมหิตของเขา นางมักจะเอ่ยถึงกองกำลังดาบเทวะอยู่เป็นประจำ แววตาของนางเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชมอย่างมิอาจปิดกั้นได้
หากตนได้เป็นทหารดาบเทวะ คู่หมั้น…หึ ๆ เขาจะขี่นางเหมือนม้าก็ย่อมได้มิใช่หรือ ?
เฮ้อซานเตาหัวเราะขึ้นมาทื่อ ๆ ดวงตาของเขาส่องประกายเเวววาวออกมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)