ตอนที่ 570 ค่ำคืนที่ยากจะข่มตาหลับของเซวี๋ยติ้งชาน
ชายหนุ่มพวกนั้นจะร้องเพลงได้ไพเราะสักเท่าใดกันเชียว เป็นไปมิได้หรอก
ทว่าเสียงเพลงนี้กลับดึงดูดทหารในเมืองเจี้ยนเหมินได้อย่างล้นหลาม เนื่องจากนี่คือทำนองเพลงที่พวกเขารู้จักกันดี
โต้วโค่ว เชียนฟูจ่างแห่งกองพันเหมิงหู่ตะวันตก กำลังนั่งกินข้าวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่ไร้เจ้าของพร้อมกับทหารใต้บัญชา เสียงเพลงได้ลอยมาตามสายลมเข้าสู่หูของพวกเขา
โต้วโค่วชะงักลงทันพลัน ตะเกียบในมือพลันร่วงหล่นลงกลางอากาศ สองคิ้วขมวดเข้าหากัน ผ่านไปชั่วครู่จึงได้ลงมือกินข้าวต่อ
เขามาจากฉู่ตี้ เมืองตันหยาง เหล่าทหารกองพันเหมิงหู่ส่วนมากก็มาจากตันหยาง รั่วตู เฉินตู และโซ่วชุน
อันที่จริงทหารจำนวน 150,000 นายนี้ มีอยู่ถึง 100,000 นายที่มาจากฉู่ตี้
ที่เรียกว่าฉู่ตี้นั้น เป็นชื่อเรียกในสมัยก่อน ที่แห่งนั้นมีอาณาเขตกว้างขวาง บัดนี้ได้กลายเป็นพื้นที่ของราชวงศ์หยูที่ครอบคลุมไปหลายมณฑล
ฉู่ตี้อันกว้างขวางถูกแบ่งออก ทว่าประเพณีที่สืบทอดกันมากว่าพันปียังมิแปรเปลี่ยนไป และกวีฉู่ฉือที่สืบทอดกันมาถือเป็นเครื่องยืนยันของวัฒนธรรมนี้ โดยมากเพลงฉู่ก็มาจากกวีฉู่ฉือ
บัดนี้ ณ ด้านนอกกำแพง ได้ปรากฏเสียงเพลง ‘เสียงไก่ขัน’ ดังขึ้น
ดวงอาทิตย์ค่อยขึ้นสู่ขอบฟ้าสว่างไสว เสียงไก่ขันเรียก ณ หรู่หนาน
เสียงเพลงสุดท้ายก้องดังแว่ว จันทร์สกาวพราวแพรวเริ่มเลือนราง
ได้ยินเสียงผู้คนนับพันหมื่นไขกลอนประตู สาลิกาบินขึ้นสู่พระราชวัง
……
เสียงในโรงเตี๊ยมสงบลงทันใด
โต้วโค่วสอดส่ายสายตามอง พบว่าเหล่าทหารที่นั่งกินข้าวอยู่หลายร้อยนายได้พากันมองไปทางเสียงเพลงนั่น
เขาขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วเบิกตากว้าง จากนั้นก็ตะคอกเสียงดังว่า “กินข้าว ! ”
ทหารทุกนายได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ แต่ทว่าภาพตรงหน้ากลับทำให้โต้วโค่วทำหน้ามุ่ยอีกครา เนื่องจากทหารเหล่านี้ทำท่าทางกินข้าวราวกับสตรีที่กำลังปักผ้า
ทหารที่แข็งแกร่งมิได้เป็นเช่นนี้ หากปฏิบัติมิดีล่ะก็ ควรระวังเอาไว้ให้ดี !
โต้วโค่วละสายตาจากพวกเขา มิได้มองไปยังทหารเหล่านั้นอีก เขากินอาหารต่ออย่างเอร็ดอร่อย แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้รู้ตัวว่าท่าทางการกินของตนนั้นก็ได้อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
ณ กองพันเชอฉี ที่อยู่บริเวณใกล้กับประตูเมืองทางเหนือก็กำลังกินข้าวอยู่เช่นกัน พอได้ยินเสียงเพลงนั้นดังขึ้น เหล่าทหารของกองพันเชอฉีหลายพันนายก็ได้ลุกขึ้นยืน จังเจิ้งตง เชียนฟูจ่างแห่งกองพันเชอฉี เพียงแค่เงยหน้ามอง ทว่ามิได้เอ่ยอันใดออกมา แม้สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเล็กน้อยก็ตาม
ในราตรีนั้น ทหารของเฟ่ยอันนับหมื่นนายร้องเพลงอยู่นอกเมืองเจี้ยนเหมินจนถึงยามจื่อ แน่นอนว่าเหล่าทหารจำนวน 150,000 นายในเมืองเจี้ยนเหมินล้วนได้ยินเพลงนี้
ทหารจากฉู่ตี้จำนวน 100,000 นายเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองพันอินทรี เนื่องจากวันนี้ที่ท่านแม่ทัพใหญ่ชักดาบฆ่าฟันทหารจำนวน 12 นายที่หอสังเกตการณ์ ล้วนเป็นทหารจากกองพันอินทรีทั้งสิ้น !
กองพันอินทรีมีจำนวน 3,800 นาย มี 3,000 นายมาจากรั่วตู และช่างบังเอิญเสียจริงว่าทหารที่ถูกเซวี๋ยติ้งชานสังหารล้วนมาจากรั่วตูทั้งสิ้น
พวกเขารู้จักกันมานานหลายปี จนกลายเป็นกลุ่มก้อนของคนบ้านเดียวกันและมีวัฒนธรรมเดียวกัน บัดนี้พี่น้องทหารทั้งสิบสองนายกลับถูกสังหารโดยไร้เหตุผล !
เดิมทีพวกเขาก็เต็มไปด้วยความโมโหเดือดดาล เพราะติดตามท่านแม่ทัพใหญ่มานานหลายปี ในวันที่ท่านแม่ทัพใหญ่ก่อกบฏ บุกตีเมืองจากตะวันตกมาจนถึงที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยพอใจแต่ก็ยังติดตามมาโดยตลอด
วันนี้พวกเขาเพียงแค่กล่าวหยอกล้อด้วยกันไม่กี่ประโยค แต่ท่านแม่ทัพกลับชักดาบออกมาสังหารทิ้ง !
“จากที่ข้ามอง ท่านแม่ทัพใหญ่สูญเสียฮูหยินไป ทั้งยังถูกปิดล้อมไว้ในเมืองเจี้ยนเหมิน ข้าเกรงว่าเขาจะบ้าไปแล้ว ! ”
“เหลยต้าพ่าว อย่าได้กล่าวสุ่มสี่สุ่มห้าไป ! ”
“ท่านหัวหน้า ท่านคิดว่าสิ่งที่ข้ากล่าวไร้สาระเยี่ยงนั้นหรือ ? เสี่ยวเจ๋อ โก่วจือ พวกเจ้าคิดว่าข้ากล่าวไร้สาระหรือไม่ ? ” เหลยต้าพ่าวสูดหายใจเข้าลึก มือที่กำมีดเอาไว้ ได้ตบลงไปบนโต๊ะแล้วนั่งลง “ข้ามิพอใจแล้วจะทำไมเล่า พวกที่ตายด้วยน้ำมือของศัตรูก็ถือว่าคุ้มค่ากับชีวิต แต่คนที่ตายด้วยน้ำมือของแม่ทัพฝ่ายตน มันหมายความว่าเยี่ยงไร ? ”
“ต้าพ่าว เจ้าหุบปากประเดี๋ยวนี้ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)