สรุปตอน ตอนที่ 616 ชาหนึ่งกาและคำหนึ่งคำ – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
ตอน ตอนที่ 616 ชาหนึ่งกาและคำหนึ่งคำ ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
สำนักอัครมหาเสนาบดี
เมื่อฟู่เสี่ยวกวนก้าวเข้าสู่ธรณีประตูของสำนักอัครมหาเสนาบดี ห้องโถงขนาดใหญ่ก็ได้บังเกิดเสียงดังขึ้นมาทันที
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคนยืนขึ้นแล้วทำความเคารพโดยนำมือทั้งสองข้างประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอก !
“คารวะติ้งอันป๋อ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มขึ้น นำมือทั้งสองข้างประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอก “คารวะทุกท่าน ! ขอเอ่ยถามสักหน่อยขอรับ…ท่านอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนอยู่ที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อัครมหาเสนาบดีเยี่ยนอยู่ที่เรือนซีขอรับ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเคารพอีกคราก่อนจะเดินไปที่เรือนซี คนอื่น ๆ เห็นเงาของเขาจากไปแล้ว รอจนแน่ใจว่าเขาจากไปไกลแล้ว จากนั้นจึงได้ถอนหายใจออกมา สายตาที่มองมีทั้งที่อาลัยอาวรณ์ มีทั้งสายตาอิจฉา บางทีพวกเขาก็รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นโชคชะตา
ในที่นี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสขั้นสี่ทั้งนั้น แต่มิมีผู้ใดคาดคิดเลยว่าฟู่เสี่ยวกวนจะได้ขึ้นมาเร็วถึงเพียงนี้
ถ้าคำนวณจากที่ฟู่เสี่ยวกวนมาเมืองหลวงเป็นคราแรก เหมือนพึ่งจะผ่านไปเพียงแค่หนึ่งปีครึ่งเท่านั้นเองนี่
ในระยะเวลาหนึ่งปีครึ่งนั้น เขาได้เดินทางจากหลิงเจียงเข้ามาในเมืองหลวง ตัดสินใจเดินเข้ามาในท้องพระโรง จากคนที่มิมีชื่อเสียง แต่บัดนี้ได้กลายเป็นคนที่ใคร ๆ ก็ต้องเอ่ยถึง
เขาเพิ่งอายุ 18 ปีเท่านั้น !
ทว่ามันมีผลต่อความก้าวหน้าของราชวงศ์หยู และเป็นโชคชะตาของผู้คนในใต้หล้า !
นี่ยิ่งใหญ่เพียงใดกัน !
เป็นเยาวชนของราชวงศ์หยูอย่างแท้จริง !
ฟู่เสี่ยวกวนมาถึงเรือนซี ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป แต่ก็ต้องตื่นตกใจเพราะมิเห็นผู้ใดอยู่เลย
เขาเคยมาที่นี่บ่อยครั้ง อีกทั้งรู้จักอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนเป็นอย่างดี จึงเดินไปที่โต๊ะน้ำชาและเหลือบมองไปยังกล่องหนังสือ
ในกล่องหนังสือมีกระดาษหนึ่งแผ่น มีตัวอักษรที่น้ำหมึกยังไม่แห้งและคำที่ยังเขียนไม่เสร็จอยู่
‘สีอ่อนเหมือนน้ำในฤดูใบไม้ร่วง’
ฟู่เสี่ยวกวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันขึ้นมา เหตุใดถึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมาได้กัน ?
หรือว่าสิ่งนี้จะเป็นความคิดของผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงมาเป็นเวลานาน ?
หรือเขากำลังจะเกษียณกัน ?
ท่านอัครมหาเสนาบดีจะเกษียณในเวลานี้มิได้ ข้าจะไปยังว่อเฟิงเต้า ท่านต้องอยู่ที่นี่เพื่อคอยช่วยเหลือข้าสิ
ฟู่เสี่ยวกวนรู้ดีว่าหากตนไปที่ว่อเฟิงเต้าเพื่อดำเนินการตามนโยบายใหม่ การสนับสนุนของส่วนกลางนั้นสำคัญเพียงใด ดังนั้นเขาจึงคิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ เขานั่งลงที่ข้างโต๊ะหนังสือ หยิบพู่กันขึ้นมาแล้วจุ่มหมึกพลางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เขียนเพิ่มอีกหนึ่งประโยค
‘เหมือนดั่งสายลมหยุดพัดอยู่ที่ฤดูใบไม้ผลิ ! ’
เขาหยิบกระดาษแผ่นนี้ขึ้นมาดูความถูกต้องอีกครา อืม… รูปแบบการเขียนที่แตกต่างกันสองแบบ
หนึ่งคือ ลอยล่องเหมือนดั่งหงส์ สองเหมือนหนอนฤดูใบไม้ผลิและงูในปลายฤดูใบไม้ร่วง… ช่างเติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างแท้จริง
เขาวางกระดาษลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ค่อย ๆ นั่งลงที่โต๊ะน้ำชา แล้วชงชาหนึ่งกาโดยลำพัง
เมื่อควันเริ่มพวยพุ่งออกจากกาน้ำเหมือนน้ำกำลังเดือดและเริ่มมีกลิ่นชาออกมา ทันใดนั้นเยี่ยนเป่ยซีก็ได้เดินเข้ามา พอเห็นว่ามีคนอยู่จึงทำให้เขาตื่นตกใจเสียจนชะงักไปชั่วครู่ “เจ้ามิรู้จักคำว่าเกรงใจเลยเยี่ยงนั้นหรือ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นจากการต้มน้ำชาแล้วหัวเราะร่า “อยู่ต่อหน้าท่าน มิจำเป็นต้องแสร้งเกรงใจอันใดหรอก เชิญนั่ง ดื่มชาเถอะ ! ”
เยี่ยนเป่ยซีนั่งลงตรงข้ามฟู่เสี่ยวกวน “วันนี้ สิ่งที่เจ้าได้สอนสั่งในสำนักศึกษาจี้เซี่ยส่งผลออกไปอย่างกว้างไกล และทางสำนักศึกษาได้เอาการบรรยายของเจ้าไปติดไว้ที่หอหลานถิงแล้ว ว่ากันว่าที่หอหลานถิงนั้นเต็มไปด้วยผู้คน แออัดจนเกิดการต่อสู้ขึ้นมาถึง 2 ครา…”
“ข้าอยากจะถามเจ้าว่า เจ้าคิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้เยี่ยงไร ? ”
“แม้จะเป็นขุนนางผู้โดดเดี่ยวก็ต้องการผู้ช่วยเช่นกัน หรือท่านคิดว่าข้าเป็นผู้ที่เก่งเหนือมนุษย์ มีความสามารถที่จะจัดการกับว่อเฟิงเต้าเพียงลำพังได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นมา “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” เยี่ยนเป่ยซีหัวเราะอย่างร่าเริง เขาค่อย ๆ ลูบเคราจากนั้นก็ถือกาน้ำชาแล้วเทให้กับฟู่เสี่ยวกวนหนึ่งถ้วย “เจ้าช่างเป็นคนฉลาดมากยิ่งนัก”
“จะสิ้นสุดปลายฤดูใบไม้ผลิแล้ว ที่ดินในจวนหลังเก่าของท่านควรต้องทำการกำจัดวัชพืชแล้วล่ะ ตอนนี้สามารถโรยเมล็ดพันธุ์ได้แล้วด้วย”
เยี่ยนเป่ยซีมองฟู่เสี่ยวกวนราวกับต้องการจะสื่อความหมายบางอย่าง “ประตูหลักทั้งหกในเมืองหลวง บัดนี้เหลือเพียงข้าผู้เดียว พอเอ่ยถึงแล้วข้าอยากจะขอบคุณสำหรับคำเอ่ยของเจ้าในวันนั้น แต่บัดนี้ข้ามิสนใจเรื่องเลื่อนขั้นอันใดอีกต่อไปแล้ว ได้ปล่อยวางลงบ้างก็มิเลวเลยทีเดียว”
“หากต้องการใครสักคน ข้ามีอยู่คนหนึ่ง เหยียนซีไป๋ รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่แปด เขาในฐานะผู้บัญชาการได้ตรวจสอบกรณีการทุจริตบรรเทาสาธารณภัยในจังหวัดเหอหนาน เมื่อกลับมาเขาก็ได้อยู่ในกรมขุนนาง คนผู้นี้ใช้งานในตำแหน่งสำคัญได้ ! ”
“คนเช่นนี้จะตัดใจยกให้ข้าเช่นนั้นหรือ?”
“ถือว่าเจ้าติดค้างข้าก็แล้วกัน มีปัญหาอันใดอีกหรือไม่ ? ”
“ฉินฮุ่ยจือผู้นั้นโดนยึดทรัพย์ ส่วนฉินโม่เหวินเป็นบุตรชายของเขา และเป็นสหายของข้า ฉินโม่เหวินได้ไปรับตำแหน่งที่กวนซีเต้าก็ถือว่าเหมาะสมกับความฉลาดแล้ว”
เยี่ยนเป่ยซีมิได้กล่าวอันใดอีก เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นและยกให้ฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นก็ดื่มจนหมดถ้วย
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มอย่างรู้ทัน ดื่มน้ำชาไปหนึ่งถ้วยหลังจากนั้นก็เคารพไปหนึ่งทีแล้วขอตัวลา
เยี่ยนเป่ยซีส่ายศีรษะอย่างรู้ทัน เด็กเจ้าเล่ห์นี่มีวิธีการทำงานแปลกไปหน่อย
เมื่อเดินไปถึงโต๊ะข้าง ๆ ก็ได้เห็นตัวอักษรที่ทำให้เขาต้องแปลกใจ
กลิ่นน้ำหมึกราวกับเพิ่งจะเขียนลงไป
เหมือนดั่งสายลมหยุดพัดอยู่ที่ฤดูใบไม้ผลิ !
เขามองตามไปที่ประตูอย่างครุ่นคิด เด็กเจ้าเล่ห์คนนี้นี่… ข้าเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีเชียวนะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)