ตอนที่ 665 ต้มสุรา( 2 )
สวี่ซินเหยียนจ้องมองจางเพ่ยเอ๋อร์ด้วยแววตาลึกซึ้ง
ส่วนฟู่เสี่ยวกวนลูบจมูกแก้เก้อแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากให้ข้าตายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”
ด้วยคำถามนี้จึงทำให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ของจางเพ่ยเอ๋อร์ไหลรินลงมาทันใด “เจ้าก็รู้ว่าตอนนั้นข้าอยู่ที่อำเภอผิงหลิง แล้วเหตุใดจึงมิยอมพบข้ากัน ? ”
น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยอารมณ์และภายในอกเปี่ยมไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ส่วนร่างกายของนางเริ่มสั่นสะท้านเล็กน้อย นางกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยว่า
“ข้าตามเจ้าจากอำเภอผิงหลิงจนมาถึงเมืองจินหลิง แต่ทว่าข่าวที่ได้รับก็คือเจ้ากำลังเข้าพิธีสมรสในวันที่สิบแปด เดือนสิบเอ็ด ! ข้าลงมาจากป่ากระบี่ก็เพื่อสังหารเจ้า เรื่องนี้เจ้ารู้บ้างหรือไม่ ? ”
“เจ้ามิเคยรู้ว่า… แท้จริงแล้วข้ามิอาจลงมือต่อเจ้าได้เลยสักครา”
“ข้าทานอาหารในงานเลี้ยงหนึ่งโต๊ะ ฮึ ! ทานจนอิ่มแปล้เลยล่ะ ทั้งที่ข้าทานอาหารไปตั้งมากมาย แต่ข้ากลับมิสามารถรับรู้รสชาติของอาหารได้เลยด้วยซ้ำ”
นางยกชายแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหยาดน้ำตา แล้วอ้าปากพ่นลมแห่งความขุ่นมัวออกมา
“หากเจ้าตายให้เร็วกว่านี้ก็คงจะไร้หัวขโมยเช่นข้าในวันนี้ ! ”
สวี่ซินเหยียนหันไปมองจางเพ่ยเอ๋อร์อีกครา จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา พบว่าสตรีนางนี้ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน
ทว่าฟู่เสี่ยวกวนยิ้มขึ้นมาในทันใด “เจ้าช่างปากมิตรงกับใจ หากต้องการให้ข้าตายจริง ๆ ตัวเจ้าคงมิรีบมาแจ้งข่าวนี้แก่ข้าในสภาพอิดโรยเช่นนี้หรอก… เพ่ยเอ๋อร์ ข้าขอโทษจากใจจริง”
จางเพ่ยเอ๋อร์กัดริมฝีปากแล้วถลึงตาใส่ฟู่เสี่ยวกวน “ข้ามิขอพบเจ้าอีกชั่วชีวิต ! ”
ตอนที่นางจากเมืองจินหลิงไปด้วยความรู้สึกหม่นหมองเมื่อปีก่อน เดิมทีได้วางแผนว่าจะอยู่ในป่ากระบี่ไปชั่วชีวิต แต่ทว่าก็เกิดเรื่องมิคาดคิดขึ้นมาเสียก่อน ท่านอาจารย์ได้ส่งนางออกมาและกำชับให้นางนำข่าวนี้มาบอกแก่ฟู่เสี่ยวกวน
นางครุ่นคิดมาตลอดการเดินทางว่า ต้องเข้มแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาให้ได้ ต้องแสร้งทำเป็นมิแยแสและแสร้งทำเหมือนว่ามิเคยรู้จักกับเขามาก่อน
แต่นางเองก็คาดมิถึงว่าหลังจากที่ได้พบฟู่เสี่ยวกวนแล้ว กำแพงที่นางก่อขึ้นมากีดขวางความอ่อนแอได้พังทลายลงมิเหลือชิ้นดี
บุรุษผู้นี้คือคนที่นางเริ่มชมชอบมาตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี !
ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงคุณชายตระกูลเศรษฐีที่ดินและเป็นอันธพาลที่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมิเว้นแต่ละวัน แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นนางก็รู้สึกชอบเขาจากใจจริง
และก็เป็นบุรุษผู้นี้อีกนั่นเองที่อยู่ ๆ ก็เหมือนกับตรัสรู้บางอย่างได้ภายในวันเดียว จากนั้นเขาจึงกลายเป็นอัจฉริยะแห่งเมืองหลินเจียง
นางจึงทวีความชอบพอในตัวเขามากขึ้นไปอีก เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะถูกหญิงอื่นแย่งไปเสียก่อนเพราะตอนนั้นนางยังอายุมิครบ 15 ปี นางจึงได้ไหว้วานให้บิดาเชิญแม่สื่อมาทำให้ดวงชะตาด้านคู่ครองของเขาและนางผูกติดกันเสีย
แต่นางกลับถูกเขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ด้วยเหตุผลที่ว่านางยังเด็กจนเกินไป !
หลังจากนั้นนางจึงตัดสินใจทำเรื่องเหลวไหล ซึ่งแท้จริงแล้วก็ทำไปเพื่อดึงดูดความสนใจของเขาเท่านั้นเอง
แต่ทว่าเขามิเคยคิดจะเปลี่ยนใจเลย หรือกล่าวได้ว่าเขามิเคยมีความรู้สึกในด้านนั้นต่อนางเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นจึงเป็นความรู้สึกแต่เพียงข้างเดียวของนาง
ในคืนที่นางอายุครบ 15 ปี ได้บังเกิดความรู้สึกวู่วามขึ้นมา จึงตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำ
นางรู้สึกเกลียดเขาเยี่ยงนั้นหรือ ?
จางเพ่ยเอ๋อร์กลับค้นพบได้ในทันใดว่า นางมิได้รู้สึกเกลียดชังต่อเขาเลยสักนิด ตรงกันข้ามหลังจากที่นางได้ทราบข่าวว่าเขาตกตายไปแล้ว นางก็รู้สึกเจ็บปวดไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ
นางมีโอกาสได้พบกับต่งชูหลานที่หอหลินเจียง นางรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมากแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกลายเป็นหม้ายแล้วก็ตาม เพราะอย่างน้อยต่งชูหลานก็เคยได้ครอบครองเขา ผิดจากตัวนางที่…มิเคยได้สัมผัสเลยสักอย่าง
ตอนที่ได้พบกับฟู่เสี่ยวกวนที่อำเภอผิงหลิงนั้น นางก็เกิดความปลื้มปีติขึ้นมาทันพลันถึงขนาดที่ว่าแอบตามฟู่เสี่ยวกวนมาจนถึงเมืองหลวง แต่ท้ายที่สุดกลับได้ข่าวว่าเขากำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)