นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 665

สรุปบท ตอนที่ 665 ต้มสุรา( 2 ): นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอนที่ 665 ต้มสุรา( 2 ) – ตอนที่ต้องอ่านของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอนนี้ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 665 ต้มสุรา( 2 ) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 665 ต้มสุรา( 2 )

สวี่ซินเหยียนจ้องมองจางเพ่ยเอ๋อร์ด้วยแววตาลึกซึ้ง

ส่วนฟู่เสี่ยวกวนลูบจมูกแก้เก้อแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากให้ข้าตายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”

ด้วยคำถามนี้จึงทำให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ของจางเพ่ยเอ๋อร์ไหลรินลงมาทันใด “เจ้าก็รู้ว่าตอนนั้นข้าอยู่ที่อำเภอผิงหลิง แล้วเหตุใดจึงมิยอมพบข้ากัน ? ”

น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยอารมณ์และภายในอกเปี่ยมไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ส่วนร่างกายของนางเริ่มสั่นสะท้านเล็กน้อย นางกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยว่า

“ข้าตามเจ้าจากอำเภอผิงหลิงจนมาถึงเมืองจินหลิง แต่ทว่าข่าวที่ได้รับก็คือเจ้ากำลังเข้าพิธีสมรสในวันที่สิบแปด เดือนสิบเอ็ด ! ข้าลงมาจากป่ากระบี่ก็เพื่อสังหารเจ้า เรื่องนี้เจ้ารู้บ้างหรือไม่ ? ”

“เจ้ามิเคยรู้ว่า… แท้จริงแล้วข้ามิอาจลงมือต่อเจ้าได้เลยสักครา”

“ข้าทานอาหารในงานเลี้ยงหนึ่งโต๊ะ ฮึ ! ทานจนอิ่มแปล้เลยล่ะ ทั้งที่ข้าทานอาหารไปตั้งมากมาย แต่ข้ากลับมิสามารถรับรู้รสชาติของอาหารได้เลยด้วยซ้ำ”

นางยกชายแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหยาดน้ำตา แล้วอ้าปากพ่นลมแห่งความขุ่นมัวออกมา

“หากเจ้าตายให้เร็วกว่านี้ก็คงจะไร้หัวขโมยเช่นข้าในวันนี้ ! ”

สวี่ซินเหยียนหันไปมองจางเพ่ยเอ๋อร์อีกครา จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา พบว่าสตรีนางนี้ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน

ทว่าฟู่เสี่ยวกวนยิ้มขึ้นมาในทันใด “เจ้าช่างปากมิตรงกับใจ หากต้องการให้ข้าตายจริง ๆ ตัวเจ้าคงมิรีบมาแจ้งข่าวนี้แก่ข้าในสภาพอิดโรยเช่นนี้หรอก… เพ่ยเอ๋อร์ ข้าขอโทษจากใจจริง”

จางเพ่ยเอ๋อร์กัดริมฝีปากแล้วถลึงตาใส่ฟู่เสี่ยวกวน “ข้ามิขอพบเจ้าอีกชั่วชีวิต ! ”

ตอนที่นางจากเมืองจินหลิงไปด้วยความรู้สึกหม่นหมองเมื่อปีก่อน เดิมทีได้วางแผนว่าจะอยู่ในป่ากระบี่ไปชั่วชีวิต แต่ทว่าก็เกิดเรื่องมิคาดคิดขึ้นมาเสียก่อน ท่านอาจารย์ได้ส่งนางออกมาและกำชับให้นางนำข่าวนี้มาบอกแก่ฟู่เสี่ยวกวน

นางครุ่นคิดมาตลอดการเดินทางว่า ต้องเข้มแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาให้ได้ ต้องแสร้งทำเป็นมิแยแสและแสร้งทำเหมือนว่ามิเคยรู้จักกับเขามาก่อน

แต่นางเองก็คาดมิถึงว่าหลังจากที่ได้พบฟู่เสี่ยวกวนแล้ว กำแพงที่นางก่อขึ้นมากีดขวางความอ่อนแอได้พังทลายลงมิเหลือชิ้นดี

บุรุษผู้นี้คือคนที่นางเริ่มชมชอบมาตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี !

ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงคุณชายตระกูลเศรษฐีที่ดินและเป็นอันธพาลที่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมิเว้นแต่ละวัน แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นนางก็รู้สึกชอบเขาจากใจจริง

และก็เป็นบุรุษผู้นี้อีกนั่นเองที่อยู่ ๆ ก็เหมือนกับตรัสรู้บางอย่างได้ภายในวันเดียว จากนั้นเขาจึงกลายเป็นอัจฉริยะแห่งเมืองหลินเจียง

นางจึงทวีความชอบพอในตัวเขามากขึ้นไปอีก เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะถูกหญิงอื่นแย่งไปเสียก่อนเพราะตอนนั้นนางยังอายุมิครบ 15 ปี นางจึงได้ไหว้วานให้บิดาเชิญแม่สื่อมาทำให้ดวงชะตาด้านคู่ครองของเขาและนางผูกติดกันเสีย

แต่นางกลับถูกเขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ด้วยเหตุผลที่ว่านางยังเด็กจนเกินไป !

หลังจากนั้นนางจึงตัดสินใจทำเรื่องเหลวไหล ซึ่งแท้จริงแล้วก็ทำไปเพื่อดึงดูดความสนใจของเขาเท่านั้นเอง

แต่ทว่าเขามิเคยคิดจะเปลี่ยนใจเลย หรือกล่าวได้ว่าเขามิเคยมีความรู้สึกในด้านนั้นต่อนางเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นจึงเป็นความรู้สึกแต่เพียงข้างเดียวของนาง

ในคืนที่นางอายุครบ 15 ปี ได้บังเกิดความรู้สึกวู่วามขึ้นมา จึงตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำ

นางรู้สึกเกลียดเขาเยี่ยงนั้นหรือ ?

จางเพ่ยเอ๋อร์กลับค้นพบได้ในทันใดว่า นางมิได้รู้สึกเกลียดชังต่อเขาเลยสักนิด ตรงกันข้ามหลังจากที่นางได้ทราบข่าวว่าเขาตกตายไปแล้ว นางก็รู้สึกเจ็บปวดไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ

นางมีโอกาสได้พบกับต่งชูหลานที่หอหลินเจียง นางรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมากแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกลายเป็นหม้ายแล้วก็ตาม เพราะอย่างน้อยต่งชูหลานก็เคยได้ครอบครองเขา ผิดจากตัวนางที่…มิเคยได้สัมผัสเลยสักอย่าง

ตอนที่ได้พบกับฟู่เสี่ยวกวนที่อำเภอผิงหลิงนั้น นางก็เกิดความปลื้มปีติขึ้นมาทันพลันถึงขนาดที่ว่าแอบตามฟู่เสี่ยวกวนมาจนถึงเมืองหลวง แต่ท้ายที่สุดกลับได้ข่าวว่าเขากำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรส

ขันทีเจี่ยส่ายศีรษะไปมา “ซ่งชิงเถียน เจ้ามิรู้จริงหรือว่าเฉินจาวจวินคู่สมรสของเจ้าเป็นผู้ใด ? ”

ซ่งชิงเถียนบังเกิดความตระหนกขึ้นมาทันพลัน ดวงตาทั้งคู่มองไปยังขันทีเจี่ยอย่างพยาบาท

ขันทีเจี่ยเพียงยกยิ้มออกมาเล็กน้อย “ในปีไท่เหอที่ห้าสิบ ฤดูใบไม้ร่วง ฟู่ต้ากวนได้ออกเดินทางจากเมืองหลินเจียงไปยังวัดฟูจื่อและได้สังหารเฉินจาวจวินภรรยาของเจ้า แน่นอนว่าฟู่ต้ากวนมิได้คาดคิดว่า ในจังหวะที่เขามิได้อยู่ในเมืองจินหลิงก็ได้มีสตรีโง่เขลาชาวราชวงศ์อู๋ผู้หนึ่งลอบวางยาพิษสวี่หยุนชิง”

“เจ้ารู้ความลับของลัทธิจันทราตั้งมากมายแต่กลับมิรู้ว่าขุมทรัพย์ของราชวงศ์เฉินอยู่ที่ใด และเจ้าเองก็มิได้รับกุญแจที่สามารถเข้าถึงขุมทรัพย์จากมือของเฉินจาวจวิน ดังนั้นเจ้าจึงหนีไปยังภูเขาดาบเพื่อออกเที่ยวเตร่ไปวัน ๆ ก็เท่านั้น”

“เจ้าได้สังหารคนไป 2 คน แม้วิชาที่ติดกายของเจ้าจะสูงส่งเพียงใด แต่ก็มิอาจปกปิดสายตาข้าได้อยู่ดี”

“ติ้งอันป๋อได้นำศพของปู้เนี่ยนชือไท่กลับมา ส่วนศพของเฉินจั่วจวินโดนสายลับของหอชิงเฟิงซี่หยู่นำกลับมาได้ ช่างบังเอิญว่าข้าได้ประจักษ์ด้วยสายตาแล้วว่าวิชาเด็ดใบดอกปลิวนั้นเป็นกระบวนท่าของศาสตร์มืดที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่เจ้ากลับทำให้เป็นวิชาดาบไปเสียได้ ! ”

“นั่นคือกระบวนท่าสามดาบ ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนท่าสุดท้ายที่ปู้เนี่ยนชือไท่ได้รับนั้นช่างงดงามเหนือคำบรรยาย มิต่างจากตอนที่เจ้าชักดาบขึ้นมาฟันสายน้ำเลยสักนิด เจ้าอาจจะเคยโดนกระสุนของติ้งอันป๋อทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน ต่อให้เจ้าได้พักรักษาตัวแต่ก็คงจะรักษาได้มิหายดี ดังนั้นเจ้าจึงมิเคยได้ชักดาบนี้ขึ้นมาอีกเลยเพราะความจริงคือเจ้า…ขี้ขลาด ! ”

ขันทีเจี่ยมองใบหน้าของซ่งชิงเถียนที่แปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมได้อย่างหน้าตาเฉยแล้วยังสามารถยิ้มออกมาได้อีกด้วย “เช่นนี้แล้ว การที่ข้าด่าเจ้าเป็นเจ้างั่งก็เพราะเจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าข้าจะมาและการปล้นครานี้ย่อมมิสำเร็จ แต่เจ้าก็มิรีบหนีไปเสีย ตรงกันข้าม เจ้ายังหลงคิดว่าหากข้าได้ยินว่าพวกคนโง่เขลาแห่งป่ากระบี่บุกเข้าไปในพระราชวังแล้ว ข้าจะรีบกลับไปในทันที”

“พวกโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนั้นคาดว่าบัดนี้คงตกตายจนหมดสิ้นแล้ว มิหนำซ้ำเจ้ายังชักใยให้คนเบาปัญญาแห่งป่ากระบี่เดินทางไปยังภูเขาหยุนอีก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” ขันทีเจี่ยเค้นเสียงหัวเราะขึ้นมาราวกับเสียงนกฮูก

“ฝึกฝนจิตใจและร่างกาย ผ่านการเจริญศีลภาวนาในป่ามาเนิ่นนาน สุดท้ายกลับกระทำเหิมเกริมดั่งผู้โง่เขลา ผู้ใดกันที่ประทานความกล้าหาญนี้ให้เจ้าไปรบรากับดาบของเจ้าแห่งสำนักเต๋า ? ”

“คนโง่เขลาเยี่ยงเจ้าอยู่บนโลกนี้ก็เปลืองอาหารเสียเปล่า กล้าดีถึงขั้นเหยียดหยามดูแคลนสติปัญญาของปรมาจารย์”

“เจ้าจงตายเสียเถิด ! ”

เอวของขันทีเจี่ยได้เหยียดตรงขึ้นทันใด

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น จากนั้นก็ปล่อยหมัดโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)