ตอนที่ 667 หมอกทึบ – ตอนที่ต้องอ่านของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)
ตอนนี้ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 667 หมอกทึบ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 667 หมอกทึบ
เป็นฟู่เสี่ยวกวนตัวจริงเสียงจริง !
สิ่งที่หวงจ้งคาดการณ์ไว้ก็เป็นจริงในตอนนี้นี่เอง แน่นอนว่ายิ่งทำให้เขารู้สึกหมดอาลัยตายอยากอย่างหนัก
เขาลุกพรวดขึ้นมาโดยมีฟางติดอยู่ตามร่างกาย
ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนยังคงเปื้อนยิ้มแต่ทว่าระหว่างคิ้วทั้งสองข้างกลับขมวดมุ่น “ใต้เท้าหวง ท่านเป็นถึงผู้ตรวจราชการถือเป็นคนมีการศึกษา แต่ดูสารรูปของท่านตอนนี้สิ ยังเหลือท่าทีของคนมีการศึกษาอยู่หรือไม่ ? คัมภีร์หลักคำสอนขงจื้อที่ร่ำเรียนมามิได้เป็นประโยชน์อันใดเลยหรือ ? ”
“โดนพิพากษาโทษแค่นี้จะเป็นอันใดไป ? เกียรติของการเป็นผู้มีการศึกษายิ่งใหญ่คับฟ้า ! ต่อให้ศีรษะหลุดออกจากบ่าก็ต้องยืนหยัดโต้เถียงกับข้าจึงจะถูกต้อง”
หวงจ้งจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่ากำลังมองวิญญาณชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัวก็มิปาน
วันเวลาที่ติดอยู่ในคุกแห่งนี้ เขาได้นึกถึงสารพัดเรื่องราวเกี่ยวกับฟู่เสี่ยวกวนพบว่าชายหนุ่มเยาว์วัยเบื้องหน้าที่ดูไร้พิษภัยนี้ แท้จริงแล้วคนที่ต้องจบชีวิตภายใต้เงื้อมมือของอีกฝ่ายมีมากมายจนนับมิถ้วน !
บุรุษผู้นี้คือปิศาจร้าย !
หากผู้ใดทำให้พิโรธ คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นวิญญาณที่ตกลงไปในนรกขุมสุดท้ายทันที !
เมื่อเผชิญหน้ากับฟู่เสี่ยวกวนปิศาจร้ายตนนี้ หวงจ้งย่อมไร้กะจิตกะใจมาพะวงเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้มีการศึกษา หวังเพียงแค่ว่าจะได้ต่อลมหายใจไปอีกสักหน่อย ขอเพียงแค่ได้มีชีวิตอยู่ต่อก็เพียงพอแล้ว
เขาจึงล้มลงแล้วคุกเข่าลงเบื้องหน้าของฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญว่า
“ข้าน้อยช่างตาบอดเสียจริง ข้าน้อยมิควรทำให้ติ้งอันป๋อมีโทสะ…” ราวกับว่าเขาได้โอกาสคว้าความหวังสุดท้ายไว้อย่างคงมั่นแล้ว ใช้สองเข่าเดินมายังด้านหน้าสองก้าวจากนั้นก็คว้าท่อนขาของฟู่เสี่ยวกวนไปกอดเอาไว้ ทำให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกตื่นตกใจ
ฟู่เสี่ยวกวนสะบัดขาออกจนทำให้เขาล้มลงไปบนพื้น แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังลุกขึ้นมาอีกครา แล้วนั่งในท่าคุกเข่า “ข้าน้อยจะฟ้องร้องต่อศาล ขอติ้งอันป๋อได้โปรดประทานชีวิตให้ข้าน้อยด้วยเถิด ! ข้าน้อยจะสำนึกในบุญคุณของติ้งอันป๋อไปชั่วชีวิต ! ”
เขาโขกศีรษะลงกับพื้นเสียงดัง ‘ปึก ปึก ปึก’ สามครา ตอนที่เงยหน้าขึ้นมานั้นหน้าผากก็ได้มีเลือดไหลออกมา
ใต้หล้านี้ไร้ซึ่งคนที่มิเกรงกลัวต่อความตาย
ฟู่เสี่ยวกวนนำเก้าอี้มานั่งลงเบื้องหน้าของหวงจ้ง “ลองเอ่ยมาสิว่าท่านต้องการฟ้องร้องผู้ใด ? ”
“ฉินฮุ่ยจือ ข้าน้อยต้องการฟ้องฉินฮุ่ยจือ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนขมวคคิ้วเนื่องจากทุกวันนี้ฉินฮุ่ยจือยังคงถูกคุมขังอยู่ในคุกของศาลต้าหลี่ ซูชานเยวี่ยบอกว่าการสอบสวนยังไร้ความคืบหน้าเพราะจำเป็นต้องทราบคำให้การที่เกี่ยวโยงกันจากปากของหยูเวิ่นชูด้วย แต่ทว่าฝ่าบาทมิมีพระราชโองการให้กระทำเช่นนั้น ส่งผลให้ตอนนี้ก็ยังมิสามารถไต่ถามองค์ชายสี่ได้
“จงเล่าให้ข้าฟังทั้งหมด”
……
……
ผู้ที่ดูน่าสงสารย่อมมีจุดที่น่ารังเกียจในเวลาเดียวกัน !
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกว่าใต้เท้าหวงผู้นี้ไร้ความน่าเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย เขาได้เล่าเรื่องที่ฟังมาให้ซูชานเยวี่ยฟังคร่าว ๆ หลังจากนั้นก็ออกจากวังหลวงแล้วกลับไปยังจวนฟู่
ในตอนนั้นเอง ศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยก็ได้มาถึงจวนของศิษย์น้องในสภาพเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
ณ ศาลาเถาหราน
ซูเจวี๋ยยื่นสมุดรายชื่อให้กับฟู่เสี่ยวกวนทันทีโดยมิได้พักหายใจหายคอ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาแต่ทว่าเคร่งขรึม
“ศิษย์น้องเล็ก นี่เป็นสิ่งที่ได้มาจากห้องลับในแท่นบูชาของลัทธิจันทราและถือเป็นเรื่องใหญ่ ข้าและซูม่อคิดมิออกว่าจะจัดการเยี่ยงไรดี จึงทำได้เพียงแค่นำมาให้เจ้าดู”
ฟู่เสี่ยวกวนเปิดสมุดรายชื่อนั้นดูอย่างคร่าว ๆ ซูเจวี๋ยคิดว่าฟู่เสี่ยวกวนจะต้องจ้องสมุดเล่นนั้นด้วยความตื่นตระหนกตกใจเป็นแน่ แต่คาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะมองรายชื่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยเสียอย่างนั้น
“ศิษย์พี่ใหญ่ลำบากมาตลอดทางแล้ว จงไปอาบน้ำอาบท่าจากนั้นก็ไปหาศิษย์พี่สามเถิด”
“…ประเดี๋ยวก่อนศิษย์น้องเล็ก ในสมุดเล่มนี้ได้เขียนว่าท่านอาจารย์คือเช่อเหมิน ! ส่วนฮองเฮาซั่งคือรองเช่อเหมิน ! ”
“ข้ารู้แล้ว เกรงว่าข่าวนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่วหล้าแล้วเช่นกัน”
ซูเจวี๋ยหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินอาย จากนั้นก็เดินหายไปยังเรือนด้านข้าง
ฟู่เสี่ยวกวนยกสมุดรายชื่อมาส่องท่ามกลางแสงสุริยาอีกครา แล้วจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่เนิ่นนาน
เฉินจาวจวินสิ้นลมเมื่อปีไท่เหอที่ห้าสิบ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ห่างจากตอนนี้เป็นเวลา 12 ปีแล้ว แต่ทว่าลัทธิจันทรากลับยังมิได้เลือกผู้อาวุโสเช่อเหมินคนต่อไป
ชื่อของซูฉางเซิงสามตัวอักษรนี้เป็นชื่อที่ถูกแปะติดเข้าไปจริง ๆ แต่ทว่ามิใช่ชื่อที่เพิ่งแปะเข้าไปเมื่อมินานมานี้ ยามที่นำไปส่องแสงสุริยาก็จะเห็นได้ว่ากระดาษเริ่มเป็นสีเหลืองแล้วซึ่งหมายความว่าสามตัวอักษรนี้ถูกติดมาช้านานแล้วนั่นเอง
สมุดรายชื่อเล่มนี้มีความเกี่ยวข้องกับลัทธิจันทรา แม้แต่สตรีผู้เป็นหนึ่งในเช่อเหมินเองก็มิรู้ว่าลัทธินี้ประกอบไปด้วยผู้ใดบ้าง หมายความว่ามีน้อยคนนักที่จะได้ย่างกรายเข้าไปในห้องลับแห่งนั้น
ดังนั้น อาจบอกได้ว่ามีคนเจตนาปลอมแปลงชื่อของซูฉางเซิงเข้าไปเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ทว่าฟู่เสี่ยวกวนมิค่อยปักใจเชื่อมากนัก
หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าประตูของห้องลับนั้น เดิมทีก็มีเพียงแค่เจ้าลัทธิเท่านั้นที่สามารถเปิดได้
สมมุติฐานนี้อาจจะมีความเป็นไปได้ เช่นนี้ก่อนที่เฉินจาวจวินจะตายก็เป็นไปได้ ว่านางเคยกลับไปยังแท่นบูชาแล้วใส่ชื่อของซูฉางเซิงผู้นี้ลงไป
หมายความว่าในตอนนั้นเฉินจาวจวินได้ส่งมอบตำแหน่งเช่อเหมินให้ซูฉางเซิง แต่ทว่าเหตุใดนางถึงมิใช้พู่กันขีดฆ่ารายชื่อ แต่กลับใช้การติดเข้าไปแทน ?
บิดาอ้วนเป็นศิษย์น้องของซูฉางเซิง แล้วเหตุใดเขาถึงสังหารเฉินจาวจวิน ? อีกทั้งยังสังหารที่วัดฟูจื่ออีกด้วย ?
ฟู่เสี่ยวกวนเก็บสมุดรายชื่อเล่มนี้เอาไว้ ระหว่างคิ้วขมวดเป็นปมด้วยความที่มิอาจไขปริศนานี้ได้
ที่สามารถมั่นใจได้ก็คือคนของลัทธิจันทราคนอื่น ๆ ย่อมมิเคยพบเห็นสมุดรายชื่อเล่มนี้อย่างแน่นอน มิเช่นนั้นแล้วก่อนที่เซวี๋ยติ้งชานจะลุกฮือขึ้นมา ข่าวของฮองเฮาซั่งเป็นรองอาวุโสลัทธิจันทราคงได้แพร่ไปทั่วและทำให้ราชสำนักเกิดความระส่ำระส่ายขึ้นมาแล้วเป็นแน่
ในจังหวะที่ฟู่เสี่ยวกวนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ฮั่วหวยจิ่นก็ได้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ระเบิดและสารก่อระเบิดเหล่านั้นถูกจัดวางยังพื้นที่ที่เหมาะสมแล้ว มิทราบว่าจะให้ระเบิดเมื่อใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เมื่อฟู่เสี่ยวกวนได้ยินดังนั้นก็ได้โยนเรื่องของลัทธิจันทราทิ้งไปยังดินแดนอันไกลโพ้น
เขาลุกพรวดขึ้นมาแล้วถูฝ่ามือทั้งสองข้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สมบัติของราชวงศ์เฉินมิรู้ว่าจะมีจำนวนมากมายมหาศาลเพียงใด !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)