ตอนที่ 674 ท่านเป็นคนเยี่ยงไร ?
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์…ท่านเป็นคนเยี่ยงไร ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนกำลังต้มชาหนึ่งกา จากนั้นก็เอ่ยถามไปตามอารมณ์
ซูเจวี๋ยชะงักไร้อารมณ์ความรู้สึกไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ท่านเป็นผู้สูงส่งและไร้มลทิน”
“หมายความว่าเยี่ยงไร ? ”
“ท่านอาจารย์เติบใหญ่ที่สำนักเต๋า มีชื่อเสียงเมื่อสี่สิบปีก่อนและในทุก ๆ 3 ปีท่านจะเดินทางไปทั่วหล้าแล้วนำตัวศิษย์กลับมาด้วย 1 คน แน่นอนว่าศิษย์คนนั้นจะต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านวรยุทธอีกทั้งยังเป็นเด็กกำพร้าอีกด้วย”
ฟู่เสี่ยวกวนรินชาให้ซูเจวี๋ยหนึ่งถ้วยแล้วเอ่ยถามต่อว่า “เช่นนี้แล้ว… หมายความว่าท่านอาจารย์บรรลุระดับปรมาจารย์เมื่อสี่สิบปีก่อนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ซูเจวี๋ยพยักหน้าแล้วจัดระเบียบหมวกของตน สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและแววตายังเต็มไปด้วยความเคารพนับถืออย่างเปี่ยมล้น “ทุกวันนี้ทั่วทั้งยุทธภพมี 4 สำนักใหญ่ด้วยกัน แต่ทว่าอาจารย์ได้รับการยอมรับให้เป็นที่หนึ่งเหนือทั้งปวง”
ท่านอาจารย์ที่มิเคยได้พบพานแม้แต่คราเดียวฟังดูแล้วเก่งใช้ได้ !
หรือว่าที่เขาเดินทางข้ามเวลามาได้ เพราะมีความหลงใหลในด้านวรยุทธกัน ?
เวลานั้นเอง ซูซูและสวี่ซินเหยียนก็ได้เดินเข้ามาแล้วนั่งร่วมโต๊ะ
“ศิษย์พี่สามเล่า ? ” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถาม
“ศิษย์พี่สามเป็นคนไล่ข้าออกมา เพราะนางกำลังเล่นไพ่นกกระจอกกับฮูหยินทั้งสามของท่านอยู่” ซูซูตอบพร้อมกับเบ้ปาก
ฟู่เสี่ยวกวนจึงหัวเราะออกมา ด้านซูเจวี๋ยได้โพล่งถามว่า “เรื่องที่วัดฟูจื่อเมื่อยามอู่วันนี้…ข้าได้ตามไปเห็นในภายหลังแล้ว เกิดเรื่องอันใดขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เดิมทีที่นั่นเป็นที่ซ่อนขุมทรัพย์ของราชวงศ์เฉิน เล่าลือกันว่ามากมายมหาศาลถึงขั้นขนานนามว่าเป็นภูเขาทองคำได้เลย แต่พวกเรามิเจอสมบัติที่ว่านั่น”
ซูเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น “หายไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มแล้วตอบว่า “มิอาจทราบได้ แต่ทว่าย่อมถูกขโมยไปล่วงหน้าอย่างแน่นอน”
ทันใดนั้นซูเจวี๋ยก็หวนนึกถึงบทสนทนาที่ฟู่เสี่ยวกวนถามถึงท่านอาจารย์ เขาหันไปมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างวิตกกังวลแล้วเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่เจ้าบอกแล้วนี่ว่าท่านอาจารย์มิใช่เช่อเหมิน ! ”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมีลายมือของท่านอาจารย์หรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ตอบซูเจวี๋ย แต่กลับเอ่ยถามเพื่อที่จะได้บรรลุจุดประสงค์
ซูเจวี๋ยรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มิชอบมาพากล แต่ทว่าเขามิได้มีของสิ่งนั้นติดตัวมาจึงส่ายศีรษะ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ในแต่ละวันที่สำนักเต๋ามีค่าใช้จ่ายมากล้น เช่นนั้นแหล่งรายได้ของสำนักมาจากที่ใดกัน ? ”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา แม้แต่สีหน้าของซูซูก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“สำนักเต๋ามีศิษย์มากถึง 3,000 คน ค่าใช้จ่ายทั้งปวงคงมาจากค่าเล่าเรียนของศิษย์เหล่านั้น” ซูเจวี๋ยตอบ
เขาทำท่าครุ่นคิดแล้วกล่าวเสริมอีกหนึ่งข้อว่า “เหล่าชาวยุทธทั่วทั้งผืนปฐพีให้ความเคารพสำนักเต๋ามากยิ่งนัก ผู้ที่ประสงค์จะเข้ามาเป็นศิษย์ของสำนักเต๋าย่อมมีมากโข แต่ทว่าสำนักสามารถรับคนได้เพียงน้อยนิด อีกทั้งยังมีกฎอีก 1 ข้อด้วย”
“กฎใดหรือ ? ”
“ผู้ใดมีเงินมากมายมหาศาล ผู้นั้นถึงจะสามารถฝากตัวเป็นศิษย์ของสำนักเต๋าได้ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนผงะเพราะกฎข้อนี้ตนมิเคยคาดคิดมาก่อน
ในเมื่อรับศิษย์แม้จะเป็นศิษย์นอกกุฏิก็ตาม ควรยึดพรสวรรค์ทางด้านวรยุทธเป็นหลักมิใช่หรือ ?
แต่ทว่าสำนักเต๋ากลับให้ความสำคัญต่อเงินมากกว่า !
“ผู้ใดที่ออกกฎข้อนี้กัน ? ”
“เป็นท่านอาจารย์ที่ออกกฎข้อนี้ เพราะท่านได้เอ่ยว่าสำนักเต๋ามีความเป็นอยู่แร้นแค้น เช่นนั้นก็ต้องปรับปรุงแก้ไขจึงตั้งกฎแบบนี้ขึ้นมา ตั้งแต่มีกฎข้อนี้ออกมาสำนักเต๋าก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมากโข”
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มเพราะอย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้แล้วว่า ท่านอาจารย์คือผู้เดินทางข้ามกาลเวลามา
มิเช่นนั้นผู้ใดจะคิดเรื่องแบบนี้ได้กัน ?
หากนำไปผนวกกับคำบอกเล่าของซูเจวี๋ยที่ว่าในทุก ๆ 3 ปีท่านอาจารย์จะเดินทางไปทั่วหล้า นั่นก็หมายความว่าซูเจวี๋ยและศิษย์น้องแห่งสำนักเต๋ามิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าแท้จริงแล้วท่านไปที่ใดกันแน่
หากว่าท่านร่วมมือกับลัทธิจันทราและยังเป็นผู้อาวุโสเช่อเหมิน เฉินจาวจวิน ผู้อาวุโสเช่อเหมินคนก่อนย่อมส่งมอบกุญแจขุมทรัพย์ให้แก่ท่าน แต่ท่านกลับสั่งให้ฟู่ต้ากวนสังหารเฉินจาวจวินที่วัดฟูจื่อ หากเป็นเช่นนี้บนผืนปฐพีก็เห็นทีจะมีเพียงท่านอาจารย์เท่านั้น ที่รู้ว่าขุมทรัพย์นั่นอยู่แห่งหนใดและเขาคือผู้ที่ครอบครองกุญแจนั่นเอาไว้ในมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)