นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 678

ตอนที่ 678 หุ้นส่วนบริษัทเต้าเฉียว

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ เดือนห้า ได้เกิดเรื่องราวขึ้นมามากมาย

บังเกิดการจัดสอบเอินเคอคราแรกตั้งแต่ฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ในรอบสิบปี การสอบนี้ถูกจัดขึ้นในเดือนห้าและมีปัญญาชนกว่าหนึ่งพันคนที่ได้คะแนนโดดเด่นจึงถูกติ้งอันป๋อแต่งตั้งเป็นขุนนาง ณ ห้องประชุมใหญ่ของสำนักศึกษาจี้เซี่ย เพื่อส่งไปรับหน้าที่ยังว่อเฟิงเต้า

กรมการค้าแห่งราชวงศ์หยูได้ออกพระราชบัญญัติการค้าขึ้นมา 3 ฉบับในเดือนห้า และหนึ่งในนั้นคือกฎหมายภาษีเงินได้ที่ได้รับความสนใจจากเหล่าพ่อค้ามากที่สุด

นี่คือกฎหมายที่มิเคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์และในนั้นก็ได้ปรากฏคำศัพท์ใหม่ ๆ ขึ้นมากมาย อาทิเช่น ผู้จ่ายภาษี การจัดเก็บภาษี ประเภทของภาษีที่มีรายละเอียดยิบย่อยและอัตราภาษี เป็นต้น

ด้านยุทธภพก็เกิดเรื่องราวขึ้นมามากมายเช่นกัน

ป่ากระบี่ถูกปรมาจารย์สำนักเต๋ากำราบจนสูญสิ้นในช่วงพลบค่ำของวันหนึ่ง ส่วนสำนักภูเขาดาบก็อันตรธานภายในราตรีเดียว

ข่าวลือแพร่กระจายในยุทธภพ ว่าเกิดการรวมตัวของชาวยุทธ์ฝีมือชั้นยอด จากนั้นก็เข้าโจมตีสำนักเต๋า เหล่าชาวยุทธ์ทั้งหลายถูกสังหารและหลงเหลือไว้เพียงคราบโลหิตสีแดงที่คอยแต่งแต้มทางเดินหินสีน้ำเงินของสำนักเต๋าเท่านั้น

ตามมาด้วยการก่อตั้งอย่างเป็นทางการของสำนักมือปราบหกประตูโดยมีศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยแห่งสำนักเต๋าขึ้นรับตำแหน่งเจ้าสำนักคนแรก และมีลูกน้องใต้บัญชาเป็นศิษย์น้องทั้งหกจากสำนักเต๋านั่นเอง

การก่อตั้งสำนักมือปราบหกประตูนี้ ฮ่องเต้ทรงประกาศพระราชโองการให้ทราบโดยทั่วกันแล้วว่า เหล่าชาวยุทธต้องมาขึ้นทะเบียนกับทางสำนักก่อนวันที่ 15 เดือน 7 เพื่อถือครองบัตรที่สามารถเดินทางไปได้ทั่วยุทธภพ มิเช่นนั้นแล้ว…จะถูกมองว่าเป็นปรปักษ์กับสำนักมือปราบหกประตูและจะถูกล้อมสังหาร !

ส่วนเรื่องที่วัดฟูจื่อถูกระเบิดนั้น เนื่องจากเหล่าตาสีตาสามิรู้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ ฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้เหล่าเสนาบดีปิดปากเงียบจนเป็นเหตุให้เรื่องขุมทรัพย์ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยนั้น มิได้ถูกเผยแพร่ออกไปยังสาธารณชน

ทางราชสำนักได้ส่งมือปราบออกไปลาดตระเวนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำแยงซีซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างลับ ๆ แต่ทว่ามิเคยได้เบาะแสหรือข่าวคราวใดกลับมาเลย

ขุมทรัพย์กองเท่าภูเขาเลากานั้นราวกับหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วจริง ๆ

สถานการณ์ดำเนินอยู่เช่นนี้ บัดนี้เวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึงรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ เดือนหก

ในวันนี้ผู้คนในเมืองหลวงต่างวิ่งเต้นกระจายข่าวกันอย่างเบิกบานราวกับวันขึ้นปีใหม่ได้มาเยือน… บริษัทว่อเฟิงเต้าเต้าเฉียวจำกัดมหาชน ได้ขึ้นทะเบียนกับทางกรมการค้าภายใต้การนำของติ้งอันป๋อ และได้ขายหลักทรัพย์กับธนาคารซื่อทงแล้วในวันนี้ !

การจะเป็นหุ้นส่วนของบริษัทเต้าเฉียวนั้นเกิดการแข่งขันอย่างดุเดือด หนังสือประกาศขายหลักทรัพย์อย่างละเอียดถูกติดประกาศไว้ตามถนนเส้นทางที่คึกคักในเมืองหลวง และที่โดนใจชาวเมืองก็คือการประกาศรวบรวมจำนวนเงินมาเป็นทุน

ตั้ง 50 ล้านตำลึงเชียว !

1 ตำลึงเท่ากับ 1 หุ้นและประกาศขายหุ้นทั้งหมด 50 ล้านหุ้น !

จำนวนในการรวบรวมเงินทุนนั้นมากกว่าหุ้นซีซานเมื่อปีกลายกว่าหกเท่าตัว !

การขายหุ้นครานี้มีจุดประสงค์เพื่อตัดถนนที่ว่อเฟิงเต้า จุดประสงค์นี้ทำให้เหล่าขุนนางทุกแขนงเลือกที่จะมิเหลียวแล แต่ทว่าเหล่าประชาชนในเมืองหลวงกลับมิเป็นเช่นนั้น…

“ตัดถนนแล้วเยี่ยงไร ? ติ้งอันป๋อตัดถนนแน่นอนว่าถนนเส้นนั้นต้องเป็นถนนทองคำ ! ข้าซื้อ ! ”

“เอ่ยได้มีเหตุผลเพราะติ้งอันป๋อเคยกล่าวเอาไว้ว่า อยากมั่งคั่งก็ต้องเริ่มจากการตัดถนนเสียก่อน ในความเห็นของข้า หุ้นนี้เป็นหุ้นที่ถือได้ในระยะยาว อนาคตย่อมมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ! ”

“ติ้งอันป๋อนั้นมิเหมือนผู้ใด เขาใช้วิธีเก็บค่าผ่านทาง…เงินทุนตั้ง 50 ล้านตำลึงเชียวนะ จะได้คืนในปีรัชสมัยใดกัน ? ”

“เจ้ามันวิสัยทัศน์คับแคบ ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าว่อเฟิงเต้าจะพัฒนาได้เร็วเพียงใดภายใต้การนำของติ้งอันป๋อ ? ว่ากันว่าที่นั่นคือจุดทดลองทางการค้า เมื่อติ้งอันป๋อลงไปจัดการที่นั่นด้วยตนเอง แน่นอนว่าย่อมมิได้เป็นเพียงแค่จุดทดลองเท่านั้นอย่างแน่นอน จะต้องมีการทำสิ่งต่าง ๆ ในแขนงใหญ่ ! นโยบายยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้นข้าคิดว่าเหล่าพ่อค้าที่มีกำลังสูงทั่วราชอาณาจักร จะต้องไปที่นั่นอย่างแน่นอน ข้าจะบอกอันใดให้เมื่อถึงตอนนั้นที่ว่อเฟิงเต้าคงมีการสัญจรอย่างคับคั่ง แม้แต่เจ้าเองก็ยังจินตนาการมิถึงเลยล่ะ ! ”

“อือ…ก็มีเหตุผลดีนะ อย่าว่าแต่ตระกูลพ่อค้าใหญ่ทั้งห้าที่จะวิ่งแจ้นไปอยู่ว่อเฟิงเต้าเลย แม้แต่ญาติห่าง ๆ ของเมียข้าก็ย้ายไปที่นั่นแล้วเช่นกัน เขาเป็นคนเพาะพันธุ์สุกรตัดสินใจไปลงหลักปักฐานอยู่ที่ว่อเฟิงเต้า การเลี้ยงสัตว์ปีกก็ย่อมได้รับการส่งเสริมขนานใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน และที่นั่นคงต้องการเนื้อสุกรในปริมาณมาก ข้าคิดว่าเขาจะต้องสร้างโรงเพาะพันธุ์สุกรขึ้นมาที่นั่นอย่างแน่นอน”

“แบบนี้ก็ได้หรือ ? ”

“ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ว่า วิถีของโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว วันเวลาต่อจากนี้คนกล้าหาญย่อมหาเงินได้มากกว่า ในภายภาคหน้าเมื่อการค้ามีครบทุกแขนงก็เกรงว่าจะไร้โอกาสอันงดงามเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว”

“นี่หมายความว่า…หุ้นนี้ก็เช่นกันหรือ ? ”

“ถูกต้อง”

“เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นข้าจะไปซื้อ 200 หุ้น ! ”

“ข้าไปด้วย ข้าจะซื้อ 1,000 หุ้น ! ”

“ได้ยินมาว่าทั้งห้าตระกูลพ่อค้าใหญ่กำลังยื่นขอกรมการค้าเพื่อจดทะเบียนบริษัทอยู่เช่นกัน ทางธนาคารซื่อทงได้ส่งคนไปตรวจสอบความสามารถของพวกเขาแล้ว เกรงว่าต่อไปคงจะมีการประกาศขายหุ้นอีกมากโข”

“มิรงมิรอแล้ว ต้องมาทางติ้งอันป๋อจึงจะมั่นคง ! ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)