ตอนที่ 714 สุขใจในวันเก็บเกี่ยว
มิว่าเยี่ยงไรก็ตามคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนเมื่อครู่ก็ได้ทำให้จัวตงหลายและพวกพ้องบังเกิดความคิดถึงบ้านขึ้นมาอย่างจับใจ
พวกเขากำลังรอคอยองค์จักรพรรดิที่ยังหนุ่มยังแน่นผู้นี้กลับไปขึ้นครองบัลลังก์ แล้วพาพวกเขาปีนป่ายขึ้นไปบนจุดสูงสุดของยอดเขาเพื่อชมหมู่เขาที่ต่ำกว่า
นี่คือความหวัง
ฟู่เสี่ยวกวนได้กลบฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังเอาไว้ในใจของพวกเขา ในท้ายที่สุดเมล็ดพันธุ์นั้นจะสามารถผลิดอกออกผลได้หรือไม่ ฟู่เสี่ยวกวนมิได้คิดไปไกลถึงเพียงนั้น
เนื่องจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้นมิได้ง่ายดายเหมือนการปอกกล้วยเข้าปาก
การวิจัยเครื่องจักรไอน้ำที่ศูนย์วิจัยซีซานเป็นไปอย่างเชื่องช้า ฉินเฉิงเย่ได้กล่าวไว้ในจดหมายว่าเนื่องจากข้อจำกัดทางวัสดุจึงทำให้กระบอกสูบ ฟันเฟือง รวมไปถึงการขับเคลื่อนยังมิเป็นไปตามที่ฟู่เสี่ยวกวนต้องการ
ช่างตีเหล็กหนึ่งเดียวที่เข้าใจวิธีการหลอมเหล็กอย่างแท้จริงคือโจวเถียเจี้ยง ที่บัดนี้ได้ถูกฟู่เสี่ยวกวนส่งไปยังราชวงศ์อู๋แล้ว
การที่ศูนย์วิจัยซีซานมิอาจสร้างเครื่องจักรไอน้ำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น ก็เป็นความตั้งใจของฟู่เสี่ยวกวนเฉกเช่นเดียวกัน
แต่ในศูนย์วิจัยของราชวงศ์อู๋สามารถสร้างขึ้นมาได้
การปฏิวัติอุตสาหกรรมต้องเริ่มจากราชวงศ์อู๋เท่านั้น
หลังจากได้เปิดอกสนทนากับเยี่ยนเป่ยซีเมื่อหลายเดือนก่อนนั้น เขาจึงได้วางแผนไว้เช่นนี้
เมื่อโจวเถียเจี้ยงได้ก่อสร้างโรงงานหลอมเหล็กในราชวงศ์อู๋เสร็จแล้ว หากเขาสามารถผลิตวัสดุที่ทำจากเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการทดลองผสมโลหะขึ้นมาเมื่อใด ฟู่เสี่ยวกวนถึงจะส่งแบบพิมพ์เขียวของเครื่องจักรไอน้ำไปยังราชวงศ์อู๋
และในตอนนั้นการปฏิวัติอุตสาหกรรมคราแรกจึงจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
เมื่อมีเครื่องจักรไอน้ำใช้ในโรงงาน เมื่อนั้นความสามารถในการผลิตสินค้าย่อมสูงขึ้น หากนำไปใช้กับสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานต่าง ๆ ก็จะสามารถทำรางรถไฟและผลิตรถไฟขึ้นมาได้ หากนำไปใช้ในการทหารก็จะสามารถนำไปสร้างเรือรบที่ล้ำสมัยได้ !
ทั้งหมดนี้ฟู่เสี่ยวกวนมิเคยปริปากเล่าให้ผู้ใดฟังมาก่อน แม้แต่บิดาอ้วนเองก็ตาม
……
……
วันไหว้พระจันทร์ปีนี้ไร้วี่แววของจันทรา มิหนำซ้ำยังมีฝนเม็ดหนาโปรยลงมาอีกต่างหาก ส่งผลให้ผู้คนรู้สึกว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงเต็มตัวแล้ว ความหนาวเย็นได้คืบคลานเข้ามามากยิ่งขึ้น
บัดนี้ในหอสุ่ยหยุนกำลังมีการร่ำสุราเฉลิมฉลอง ฟู่เสี่ยวกวนร่วมดื่มอยู่กับผู้อื่นอย่างสนุกสนาน
ราตรีนี้เขาได้เชิญหลายคนมาร่วมโต๊ะด้วย
ในจำนวนนั้นมีขุนนางของเมืองว่อเฟิง มีจัวตงหลายและพรรคพวกทั้งเก้าคนมาร่วมด้วย อีกทั้งยังมีพ่อค้าในเมืองว่อเฟิงอีกสิบกว่าคน
จังเหวินฮุยแห่งหอเสียงไท่และคนอื่น ๆ ก็ถูกเชื้อเชิญมาเช่นกัน อีกทั้งจังเหวินฮุยยังได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนพ่อค้าแห่งเมืองว่อเฟิงมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับฟู่เสี่ยวกวน
บัดนี้หนิงหยู่ชุนได้ยกจอกสุราแล้วยืนขึ้น จากนั้นห้องโถงขนาดใหญ่ก็พลันเงียบสงัดลงทันใด
ในตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงเรื่อด้วยฤทธิ์สุรา แต่ทว่าเขามีความสุขเสียจนมิอาจควบคุมตนเองได้
“ทุกท่าน ข้าขอประกาศข่าวดีให้ทุกท่านได้ทราบ ณ ที่แห่งนี้ ! ”
สายตาของคนทั้งห้องจับจ้องมายังเขาทันทีที่ได้เปิดปากขึ้นมา
“เมื่อวานนี้ ทางอำเภอซิ่วสุ่ยเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว และได้รายงานผลการเก็บเกี่ยวต่อหนึ่งหมู่มายังที่ว่าการจังหวัดเรียบร้อยแล้วด้วย”
หนึ่งในพวกเขาเหล่านั้นมีโจ่งจี้ถังและหวังฉาวเฟิงที่รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมา เนื่องจากพวกเขาเคยเดิมพันกันเรื่องปริมาณข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ต่อที่ดิน 1 หมู่ของอำเภอซิ่วสุ่ย แน่นอนว่าเงินเดิมพันครานี้สูงถึง 5,000 ตำลึง !
แม้แต่จังชีเยวี่ยก็หันไปมองโต๊ะนั้นในฐานะพยาน นางเผยรอยยิ้มเฉิดฉายออกมา
โจ่งจี้ถังพนันว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ 700 ชั่งต่อที่นา 1 หมู่ ส่วนหวังฉาวเฟิง ซือหม่าเทา และหยูซิ๋งเจี่ยนคิดว่าคงเก็บเกี่ยวมิได้มากถึงเพียงนั้นอย่างแน่นอน
เช่นนั้นแล้วผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะกัน ?
หนิงหยู่ชุนเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “ฟู่ซานต้ายที่ปลูกในอำเภอซิ่วสุ่ยให้ผลผลิตมากถึง…760 ชั่งต่อที่ดิน 1 หมู่ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)