ตอนที่ 758 พบเยี่ยนเป่ยซีอีกครา
รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนผ่านเมืองจินหลิงไปอย่างเชื่องช้า
บัดนี้เป็นวันที่ยี่สิบเก้า เดือนสิบสอง อากาศแจ่มใสและในปีนี้ผู้คนในเมืองจินหลิงเหมือนจะมีรายรับเพิ่มมากขึ้น ตามตรอกซอกซอยล้วนเต็มไปด้วยผู้คนและรถม้า มองดูแล้วช่างครึกครื้นมากยิ่งนัก
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เอื้อมมือไปเปิดม่านหน้าต่างรถม้าออกดู เขาเพียงได้ยินเสียงรถม้าวิ่งผ่านไปมาและเสียงผู้คนสนทนากันจอแจ แต่ทว่าสีหน้าของเขากลับราบเรียบมิต่างอันใดกับจิตใจที่สงบนิ่งของเขาเลยสักนิด
เขามิได้เมินเฉยต่อการป้องกันตัวของฮ่องเต้แม้แต่น้อย ส่วนคำเตือนต่าง ๆ ที่ฮองเฮาซั่งได้ตรัสออกมาเพราะหวังดี เขาก็ได้รับฟังเอาไว้ แต่มิได้เปิดเผยแผนการของตนออกมาก็เท่านั้น
ดั่งที่ฮองเฮาซั่งเอ่ยว่าแทนที่จะเผชิญหน้ากับราชวงศ์อู๋ที่กำลังจะเจริญเติบโต ก็สู้ทำลายความหวังของราชวงศ์อู๋เสียตั้งแต่บัดนี้มิดีกว่าหรือ ถึงแม้จะต้องเปิดศึกสงครามก็ตาม…
ในปีนี้ราชวงศ์หยูได้รับเงินชดเชยจากแคว้นอี๋มาเป็นจำนวน 180 ล้านตำลึง ดังนั้นราชวงศ์หยูจึงมีเสบียงกักตุนมากมาย ทหารทั้งสี่ทิศก็มีมากเกินพอ หากต้องเผชิญหน้ากับราชวงศ์อู๋ก็ย่อมมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อกร
แต่ในอนาคตอาจจะมิแน่นอนเช่นนี้แล้ว
หากฟู่เสี่ยวกวนเดินทางกลับไปยังราชวงศ์อู๋และขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิก็สามารถคาดเดาได้เลยว่าราชวงศ์อู๋จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเยี่ยงไร
มิว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจหรือการทหาร !
ในอนาคตอันใกล้นี้ราชวงศ์หยูจะสูญเสียความแข็งแกร่งในการต่อกรกับราชวงศ์อู๋อย่างสิ้นเชิง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งต้นเหตุที่ว่านั้นก็คือฟู่เสี่ยวกวน
ฟู่เสี่ยวกวนฉีกยิ้มออกมา นี่เท่ากับการยกก้อนหินแล้วทุ่มลงเท้าตนเองหรือไม่ ?
เขาเสียใจหรือไม่ ?
แน่นอนว่าเขามิได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย
นี่คือกระดานหมากและนับจากราตรีที่ได้สนทนากับเยี่ยนเป่ยซีในครานั้น เขาก็ได้เปลี่ยนมุมมองในทันที…เขาควรใช้วิธีคิดเยี่ยงคนในยุคนี้เพื่อจัดการปัญหาของที่นี่ !
แน่นอนว่ากระดานหมากรุกนี้เพิ่งจะเริ่มเดินเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่าก็ตกอยู่ในช่วงเวลาสำคัญยิ่งที่จะส่งผลต่อการเดินหมากตัวต่อไป
หากฮ่องเต้ยอมเดินตามหมากนี้… อยู่ ๆ ฟู่เสี่ยวกวนก็ยกยิ้มขึ้นมา เพียงแต่รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
“หยูเวิ่นเต้า…เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าข้ามิอาจจะเป็นน้องเขยที่ดีของเจ้าได้อีกต่อไป ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเมื่อคิดได้ดังนั้น จึงเอื้อมมือไปเปิดม่านด้านหน้า จากนั้นเอ่ยกับสวี่ซินเหยียนที่บังคับรถม้าว่า “ไปจวนอัครมหาเสนาบดีเยี่ยน”
“อืม…ได้”
……
……
อัครมหาเสนาบดีเยี่ยนกำลังฮัมเพลงและถือจอบขุดดินอยู่ในลานกว้าง !
พื้นธรณีบริเวณที่ถูกหิมะปกคลุมบัดนี้ถูกเขาพลิกหน้าดินเรียบร้อยแล้ว หิมะขาวโพลนจึงถูกกลบเอาไว้ใต้ดินและปรากฏเพียงดินสีดำเข้ามาแทนที่
ฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่ด้านหลังของอัครมหาเสนาบดีเยี่ยน เขามิคิดจะยื่นมือเข้าไปช่วยแต่อย่างใด
“ท่าน…ตั้งใจทำการเพาะปลูกหลังเกษียณเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เยี่ยนเป่ยซียืดกายขึ้นตรง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าเหี่ยวย่นออกมา
เขากำจอบเอาไว้ในมือแน่น จากนั้นก็หันหน้ามามองฟู่เสี่ยวกวน “บัดนี้ข้า…อายุอานามก็ 80 ปีแล้ว ! หากรอให้ฝ่าบาทปลดลงจากตำแหน่งจะมิดูแย่ไปหน่อยหรือ ? เหตุใดถึงมิลาออกด้วยตนเองแล้วมาทำการเพาะปลูกเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อหาความสุขกันล่ะ”
“ท่านหมายถึงหลีกทางให้ฉินฮุ่ยจือเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ดวงตาของเยี่ยนเป่ยซีหรี่ลง “ข้อมูลของเจ้าช่างว่องไวดีแท้ ไปเถิด พวกเราเข้าไปดื่มชากัน…” เมื่อเอ่ยจบเขาก็หันไปกำชับผู้ดูแลจวน “จงไปบอกให้พ่อครัวทำอาหารรสเลิศมาสักสองสามอย่าง เมื่อเสร็จแล้วให้ยกไปให้ข้าที่ห้องหนังสือ”
เขาแบกจอบเดินออกมาจากลานกว้าง ถูโคลนที่ติดพื้นรองเท้ากับก้อนหินด้านข้าง จากนั้นก็วางจอบลงและไปล้างมือที่ข้างลานให้สะอาดสะอ้าน จากนั้นถึงพาฟู่เสี่ยวกวนกับสวี่ซินเหยียนเข้าไปในห้องหนังสือ
“ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)