ตอนที่ 763 เดินหมาก ( 1 )
ท้ายที่สุดฟู่เสี่ยวกวนก็เดินออกมาจากศาลาชิงซิน
เขายืนยืดเส้นยืดสายอยู่ด้านนอกศาลาชิงซิน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องนภายามราตรีอันแสนมืดมิดพบว่ามีเกล็ดหิมะร่วงหล่นลงมาโปรยปราย
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อให้ความสับสนในสมองค่อย ๆ โล่งขึ้น ส่วนเรื่องของสวี่หยุนชิงเขาได้ทิ้งเอาไว้ข้างหลังแล้ว…
สุดท้ายก็เป็นตนเองที่คิดไปเรื่อยเปื่อย หากต้องการหาคำตอบของเรื่องนี้ เยี่ยงไรก็ต้องรอให้ตนกลับไปยังราชวงศ์อู๋และสนทนากับชายอ้วนเสียก่อน ส่วนตอนนี้สิ่งสำคัญคือการเผชิญหน้ากับวันรุ่งขึ้น
พรุ่งนี้เขาต้องออกเดินทางอีกแล้ว แต่คืนนี้ยังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่ยังต้องจัดการ ซึ่งนั่นก็คือการปลอมตัว
ยังมิทันได้ก้าวเท้าออกไปก็เห็นเจี่ยหนานซิงพาคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา
ฟู่เสี่ยวกวนหรี่ตามอง จากนั้นจึงมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
คนผู้นี้คือเป่ยหวังฉวน เทพธนูเป่ยหวังฉวน !
เป่ยหวังฉวนยังคงสะพายธนูสุริยะพินาศไว้ที่หลัง แต่ทว่าตรงช่วงเอวมีปืนคาบศิลา 2 กระบอกเหน็บเอาไว้อยู่
เขาเดินมาถึงเบื้องหน้าของฟู่เสี่ยวกวนพร้อมกับจดจ้องชายหนุ่มที่เคยลั่นไกใส่ตนอย่างตั้งใจ จากนั้นจึงโค้งคำนับ
“ถวายพระพรองค์ชาย ! ”
“คารวะท่านเป่ย…เชิญ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเชิญเป่ยหวังฉวนเข้ามาในศาลาชิงซินอีกครา แต่ครานี้เจี่ยหนานซิงมิได้ผละออกไป เขาเดินตามมาด้านในด้วยเช่นกัน
“ทูลองค์ชาย เมื่อกระหม่อมได้รับบัญชาจากฝ่าบาท จึงรีบมาที่นี่เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยขององค์ชายทันทีเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“มิใช่ว่าท่านคอยคุ้มกันคฤหาสน์จิ้งหูอยู่หรอกหรือ ? ” ฟู่เสี่ยวกวนต้มชา พลางเอ่ยถามออกไป
“ทูลองค์ชาย ตอนนี้มิจำเป็นต้องคอยเฝ้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นมา ในแววตาเผยประกายงุนงง เป่ยหวังฉวนจึงทูลต่ออีกว่า “ทูลองค์ชาย คุณหนูหลิงเอ๋อร์ได้ออกจากคฤหาสน์จิ้งหูเพื่อไล่ตามกองทัพทหารดาบเทวะกองที่สองพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของฟู่เสี่ยวกวนเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงงัน เป่ยหวังฉวนหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “นางเอ่ยว่า… องค์ชายจะต้องไปที่สนามรบด้วยตนเองเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงอยากไปพบสามีพ่ะย่ะค่ะ”
หญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงและควบอาชาสีแดงได้ปรากฏขึ้นมาในภาพจำของฟู่เสี่ยวกวนอีกครา รูปลักษณ์ของหญิงสาวบนโลกใบนี้ส่วนมากจะอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง แต่เห็นได้ชัดว่าอู๋หลิงเอ๋อร์นั่นเป็นข้อยกเว้น
นางกล้าที่จะบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ กล้าที่จะขึ้นครองบัลลังก์ ดังนั้นจึงมิใช่เรื่องน่าตื่นตกใจแต่อย่างใดที่นางจะไปยังสนามรบเพื่อตามหาสามี
ฟู่เสี่ยวกวนส่ายหน้าไปมา ยกยิ้มแล้วเอ่ยถามว่า “แล้วลูกชายเล่า ? ”
ใบหน้าของเป่ยหวังฉวนปรากฏความสดใสขึ้นมาทันใด “ทูลองค์ชาย ตอนที่กระหม่อมออกมาพบว่าองค์ชายน้อยกำลังดึงเคราขององค์จักรพรรดิเล่นพ่ะย่ะค่ะ เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิเข้ากับเด็กได้เป็นอย่างดี พระราชนัดดาเล่นอย่างมีความสุข ส่วนฝ่าบาทก็ทรงแย้มพระโอษฐ์พร้อมดวงพักตร์ที่อาบไปด้วยน้ำพระเนตร”
“……”
ภาพนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวา ฟู่เสี่ยวกวนแสดงความเห็นใจต่อชายอ้วนจากก้นบึ้งของหัวใจเลยทีเดียว
“ฝ่าบาทตรัสว่าองค์ชายจะเสด็จกลับราชวงศ์อู๋หลังจากจบศึกครานี้ คำสั่งที่ฝ่าบาทประทานให้แก่กระหม่อมก็คือ จนกว่าองค์ชายจะเสด็จกลับไปยังราชวงศ์อู๋ กระหม่อมจะต้องคอยปกปักษ์อยู่ข้างพระวรกายขององค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าเล็กน้อยและมิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
หากมีเป่ยหวังฉวนคอยปกป้องอยู่ข้างกาย เจี่ยหนานซิงก็จะสามารถเฝ้าอยู่ที่จวนได้ เช่นนี้เขาก็จะสบายใจมากยิ่งขึ้น
ราตรีที่แสนมืดมิดนี้ ฟู่เสี่ยวกวนยังมีเรื่องสำคัญให้ต้องจัดการอีกหนึ่งเรื่อง
เขาให้เจี่ยหนานซิงพาเป่ยหวังฉวนไปพักผ่อนยังห้องรับรอง ส่วนตนก็ไปยังเรือนหลักเพื่อชี้แจงต่อเหล่าภรรยา เสร็จแล้วจึงไปยังเรือนรอง
……
……
ราตรีนี้ฟู่เสี่ยวกวนมิอาจข่มตาหลับได้
เขานอนอยู่บนเตียงหลังหนึ่งในเรือนรอง ภายในใจยังคงครุ่นคิดถึงจดหมายที่สวี่หยุนชิงทิ้งเอาไว้
ผู้ที่นอนอยู่เคียงข้างกลับมิใช่ภรรยาคนใดคนหนึ่ง แต่กลับเป็นหนิงซือเหยียน
ในยามนี้สวี่ซินเหยียนกำลังแสดงวิชาปลอมตัว และแปลงโฉมหน้าให้พวกเขาทั้งสอง
พู่กันในมือของนางจุ่มลงในน้ำหมึกที่ทำขึ้นมาพิเศษ จากนั้นก็วาดลงบนใบหน้าของหนิงซือเหยียนอย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)