ตอนที่ 770 บุกด่าน (1) – ตอนที่ต้องอ่านของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)
ตอนนี้ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 770 บุกด่าน (1) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 770 บุกด่าน (1)
ณ พื้นที่รกร้างว่างเปล่า
สายลมเย็นประดุจคมดาบ หิมะถูกลมพัดปลิวไปทั่วท้องนภา
ท่ามกลางหิมะขาวโพลนนี้ ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งกำลังเดินทางอย่างสงบ
บัดนี้เป็นวันที่ยี่สิบสามเดือนหนึ่ง รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบเอ็ด พวกเขาอยู่ห่างจากภูเขาผิงหลิงราว 800 ลี้ และห่างจากวันที่ฟู่เสี่ยวกวนกำหนดว่าต้องถึงปลายทางในอีก 7 วัน !
ทว่าจะคิดเช่นนี้มิได้ เนื่องจากควรเดินทางไปถึงก่อนหน้าอย่างน้อย 2 วัน เพราะกองทัพจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อน
เช่นนั้นก็เหลือเวลาเพียงแค่ 5 วันแล้ว ระยะทางแปดร้อยลี้มิใช่ปัญหา แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าตนจะได้เผชิญกับพายุหิมะเช่นนี้
“ให้ตายเถิดอากาศช่างหนาวเหน็บยิ่ง ! ”
กวนเสี่ยวซีสบถออกมาเสียงดัง จากนั้นก็หันหลังไปกำชับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาว่า “พี่น้องทั้งหลาย พวกเราต้องเร่งฝีเท้าหน่อยแล้ว ! ”
แม้ว่าเสียงจะถูกส่งผ่านไปได้มิไกลนัก แต่เขาก็เห็นได้ชัดว่าขบวนทัพขยับเดินหน้าเร็วขึ้นกว่าเดิมมากโขเลยทีเดียว
ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บเช่นนี้ อาชาศึกก็มิอาจวิ่งได้เร็วเช่นกัน
กวนเสี่ยวซีรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันใด จากนั้นก็พบว่ามีผู้ใดบางคนกำลังตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“กวนเสี่ยวซี พวกเจ้ามิได้ทานข้าวทานปลากันหรือ ? เหตุใดถึงได้เชื่องช้ากันเยี่ยงนี้ ? หลีกทางให้กองพลน้อยที่สามของข้านำรบมิดีกว่าหรือ ? ”
เฮ้อซานเตา !
เจ้าหมอนี่ เหตุใดจึงตายยากเสียจริง ?
เมื่อทหารดาบเทวะกองพลน้อยที่หนึ่งได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมิพอใจขึ้นมา เนื่องจากหน้าที่นำศึกนี้ติ้งอันป๋อมอบหมายให้กองพลน้อยที่หนึ่ง แล้วกองพลน้อยที่สามเยี่ยงพวกเจ้ามายุ่งอันใดด้วยเล่า ?
มิได้การ !
จะให้ทหารดาบเทวะกองพลน้อยที่สามนำหน้ามิได้เป็นอันขาด !
ดังนั้น ทหารนายหนึ่งในขบวนจึงตะโกนออกมาเสียงดังว่า “พี่น้องทั้งหลาย รีบรุดหน้าเร็วเข้า เมื่อพวกเราเดินทางถึงผิงหลิงก็จะสามารถชดเชยพลังงานให้แก่ม้าศึกได้แล้ว จงอดทนกันอีกสักหน่อยเถิด ! ”
“พวกเรามาร้องเพลงกองทัพกันดีหรือไม่ ? ”
“อืม… ความคิดนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ! ”
ดังนั้น เสียงเพลงกองทัพอันหนักแน่นก็ดังก้องออกมาจากขบวนทหารดาบเทวะกองพลน้อยที่หนึ่ง เสียงเพลงนี้ราวกับสามารถขับไล่หิมะที่หนาแน่นให้ปลิวไปทางอื่นได้ หลังจากนั้นก็มีผู้คนมากมายร่วมขับร้อง เสียงเพลงจึงดังขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งร้องยิ่งมีความฮึกเหิม !
คล้ายกับถูกถักทอเป็นเกลียวเชือก ราวกับมีน้ำทิพย์ตกลงมาจากท้องนภา
เฮ้อซานเตาตกตะลึงงันจนอ้าปากค้าง เมื่อเห็นว่าทหารกองพลน้อยที่หนึ่งเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาราวกับมังกร
แม้แต่ม้าศึกก็เหมือนได้รับอิทธิพลจากเพลงกองทัพไปด้วย พวกมันจึงวิ่งไปด้วยความเร็วกว่าเดิมราวกับจะเหาะไปด้านหน้า ทำให้เฮ้อซานเตา…อ้าปากค้างท่ามกลางหิมะตกหนักอยู่ที่เดิม !
“แบบนี้ก็ได้หรือ ? ”
เฮ้อซานเตาเอียงศีรษะมอง อืม…กองพลน้อยที่สามของข้าก็ควรร้องเพลงกองทัพด้วยเช่นกัน !
กวนเสี่ยวซีควบอาชาห้อตะบึงไปเบื้องหน้าราวกับสายลม
เขารู้ดีว่าเพลงกองทัพนี้มิได้มีพลังลึกลับแต่อย่างใด แต่มันก็สามารถเป็นกำลังใจให้แก่พี่น้องทหารเพื่อให้มีแรงขับเคลื่อนต่อไปได้ !
……
……
ณ ด่านภูเขาเยี่ยนก็มีหิมะตกหนักเช่นกัน
ผู้เฝ้าด่านคือหานเฟิ่ง หนึ่งในแปดเสี้ยวเว่ยภายใต้บัญชาของเผิงเฉิงอู่
ภายในด่านมีพลธนูใต้บังคับบัญชาของหานเฟิ่งอยู่ 30,000 นาย
นอกจากนี้ด่านภูเขาเยี่ยนยังมีหอคอยดาบอยู่ 22 แห่ง ซึ่งปัจจุบันได้บรรจุปืนใหญ่หงอีเอาไว้มากถึง 300 กระบอก !
ในบรรดาพลธนู 30,000 นายมีอยู่ 3,000 นายที่เป็นผู้ควบคุมปืนใหญ่หงอีทั้งสามร้อยกระบอกโดยเฉพาะ ตามที่หานเฟิ่งพิจารณาแล้ว พบว่าชาวฮวงมิน่าจะตีด่านภูเขาเยี่ยนจนแตกพ่ายได้
ทว่าเมื่อวานนี้ ท่านแม่ทัพเผิงได้กำชับแล้วว่า ชาวฮวงอาจจะลงมาโจมตีทางใต้ในเร็ววัน ดังนั้นหานเฟิ่งจึงได้ทำการป้องกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ขณะนี้เขากำลังยืนอยู่บนหอคอยธนูแห่งหนึ่ง ในมือถือกล้องส่องทางไกลมองออกไปยังทุ่งหญ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน
ท้องนภาค่อย ๆ มืดลง กอปรกับหิมะที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างหนักจึงทำให้มองเห็นทัศนียภาพเบื้องหน้ามิค่อยชัดนัก
ชาวฮวงเอ๋ย พวกเจ้าจงรีบมาเถิด !
จากผลงานการปกป้องด่านในครานี้ คาดว่าข้าคงได้ขึ้นนั่งในตำแหน่งผู้บัญชาการเป็นแน่
หลูต้าเพ่าเป็นทหารปืนใหญ่อีกนายหนึ่ง รับผิดชอบยิงปืนใหญ่หมายเลขสองร้อยห้าสิบหรือเรียกว่ามือยิง
ทหารเล็งเป้าของเขาคือเหมียวเหรินเฟิง บัดนี้การบรรจุกระสุนดินปืนได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เหมียวเหรินเฟิงหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาเพื่อเล็งไปยังเป้าหมายที่ต้องการ หลูต้าเพ่ารอฟังตำแหน่งทิศทางจากเหมียวเหรินเฟิง แต่คาดมิถึงว่าเหมียวเหรินเฟิงจะตะโกนออกมาเสียงดังว่า
“พบศัตรู ! ”
หลูต้าเพ่าจ้องมองไปที่เหมียวเหรินเฟิงแล้วเอ่ยว่า “ศัตรูอันใดกันเล่า พวกเรารีบยิงกระสุนออกไปสักที ข้ายังมิได้ทานข้าวเลย”
เหมียวเหรินเฟิงมิได้ตอบอันใดกลับมา เนื่องจากศัตรูที่เขาจับได้ในกล้องส่องทางไกลเมื่อครู่ได้หยุดเคลื่อนไหวลงแล้ว อีกทั้งยังเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังใช้กล้องส่องทางไกลมองตนอยู่เช่นกัน !
ทั้งสองอยู่ห่างกันในระยะไม่ถึง 90 จั้ง แน่นอนว่าเขาเห็นศัตรูเพียงแค่คนเดียว !
ฝ่ายตรงข้ามคือทหารม้าที่ควบอาชาอยู่
เหมียวเหรินเฟิงเริ่มบอกตำแหน่ง “ระยะทาง 90 จั้งทางซ้าย 1 เค่อ…”
บุรุษที่อยู่บนหลังอาชากำลังหันหลังกลับไป !
“ระยะทาง 120 จั้ง… 150 จั้ง… ! ”
“เจ้าจะเอาเท่าใดกันแน่ ? ”
“ระยะทาง 210 จั้ง ยิงได้ ! ”
หลูต้าเพ่ารีบหันทิศทางไปตามที่บอก จากนั้นก็ยิง
หลังจากเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น เหมียวเหรินเฟิงก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกตะลึงงัน
ก่อนหน้านี้หิมะที่ตกหนักส่งผลต่อการมองเห็นของตน อีกทั้งส่งผลต่อระยะทางที่คาดเดา
บัดนี้เขาจึงเห็นว่าบริเวณที่ไกลออกไป เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย !
“ศัตรูโจมตี… ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)