ตอนที่ 818 สถานการณ์ ( 1 )
“พระองค์จะมิยึดครองแคว้นอี๋จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
นอกเมืองยวี่ซิ่ว จัวเปี๋ยหลีทูลถามฟู่เสี่ยวกวนด้วยความประหลาดใจ
เขาสงสัยว่ากองทัพ 300,000 นายที่อยู่ในมือย่อมสามารถยึดเมืองไท่หลินแห่งแคว้นอี๋ได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นแหล่งอาหารที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม แล้วเหตุใดองค์ชายถึงด่วนตัดสินพระทัยยอมแพ้เยี่ยงนี้เล่า
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบไปสามอึดใจแล้วตอบว่า “มีเหตุผล 3 ประการด้วยกัน ประการแรกคือทหาร 200,000 นายที่นำโดยเฟิงเสียนชูกลับถึงเมืองไท่หลินแล้ว ดังนั้นจดหมายฉบับนี้ต้องส่งให้ถึงมือของเฟิงเสียนชู ถึงจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามได้”
“ประการที่สอง หากชอบทานเนื้อก็มิจำเป็นต้องเลี้ยงหมูด้วยตนเอง ปล่อยให้ผู้อื่นเลี้ยงก็มีเนื้อที่รสชาติอร่อยได้เช่นกัน”
“ประการสุดท้ายคือตอนนี้มิใช่เวลามายึดครองแคว้นอี๋ เพราะความโลภนั้นทานได้มินาน”
“นี่คือข้อสรุป หน้าที่ของท่านคือบังคับให้เยียนเหลียงเจ๋อสละราชสมบัติโดยมิต้องสังหารเขา เรื่องนี้ปล่อยให้เยียนหานยวี่จัดการเอง หากเฟิงเสียนชูได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้วมิยอมจำนน ท่านจงส่งกองกำลังชุดแดงจำนวน 50,000 นายไปกำจัดทหารใต้บัญชาของเฟิงเสียนชูทิ้งเสีย โดยให้กองทัพหลายแสนนายประจำการอยู่ ณ เมืองไท่หลิน
หากเฟิงเสียนชูแพ้และเยียนหานยวี่ขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จ ภายในสามวันท่านจงนำกองกำลังชุดแดงทั้งห้าหมื่นนายกลับไปยังราชวงศ์อู๋ แล้วส่งมอบให้อยู่ใต้บังคับบัญชาของไป๋ยู่เหลียน”
จัวเปี๋ยหลีหัวเราะร่าออกมา องค์ชายมีความคิดละเอียดอ่อนกว่าจักรพรรดิอ้วนผู้นั้นมากทีเดียว ดียิ่งนัก ! ราชวงศ์อู๋รอคอยและปรารถนาคนเยี่ยงนี้มาพัฒนาแคว้น !
“กระหม่อมน้อมรับบัญชา ! โปรดถนอมพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้น จ้องมองจัวเปี๋ยหลี่ จากนั้นก็ยกมือขึ้นเขี่ยจมูกพลางเอ่ยถามว่า “ท่าน…ท่านคือบิดาของหลิงเอ๋อร์จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ระวังหน่อย ! องค์ชายอย่าตรัสถึงเรื่องนี้ต่อผู้ใดเป็นอันขาด เพราะจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของหลิงเอ๋อร์ได้”
“ข้าเพียงอยากรู้เท่านั้นเอง ทว่าข้าหายห่วงแล้วล่ะ ! ”
“กระหม่อมทูลลา ! ”
“ไปเถิด ! ”
กองทัพเริ่มเคลื่อนพลมุ่งหน้าไปยังแคว้นอี๋พร้อมเยียนหานยวี่ที่เต็มไปด้วยความหวัง
จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็เอ่ยกับไป๋ยู่เหลียนว่า “เรื่องทหารเรือที่ข้าเคยเอ่ยกับท่านเมื่อสองสามวันก่อนต้องเริ่มฝึกฝนได้แล้ว หากมอบให้ท่านดูแลเรื่องนี้ข้าก็คลายความกังวลได้มากโข”
“แต่กระหม่อมมิเข้าใจว่าสิ่งใดคือหทารเรือพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ไป๋ยู่เหลียนรู้สึกมิได้รับความเป็นธรรมเอาเสียเลย ท่านเอ่ยว่ากองกำลังชุดแดง 50,000 นายที่สมควรได้รับการฝึกฝนเป็นทหารดาบเทวะให้เปลี่ยนเป็นทหารเรือ นอกจากนี้ทหารดาบเทวะได้รับการสูญเสียรวม 40,000 นาย มิใช่ว่าควรจะเสริมทัพเข้าไปหรอกหรือ ?
อีกประการคือทหารเรือใช้ทำอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ?
จะไปสู้รบกับผู้ใดในท้องทะเลกันเล่า ?
“เสี่ยวไป๋เอ๋ย…คุณสมบัติของทหารเรือประการแรกคือต้องว่ายน้ำเป็น ประการที่สองมิควรเมาเรือ ส่วนประการสุดท้ายคือ…ความชำนาญด้านเรือปืน ท่านมิจำเป็นต้องกังวลเรื่องการบังคับเรือหรอกส่วนเรื่องทหารดาบเทวะก็มิต้องกังวลไป”
“เช่นนั้นก็ฝึกด้วยกัน…” ฟู่เสี่ยวกวนตบไปที่ไหล่ของไป๋ยู่เหลียนทันทีที่ได้ฟัง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “แท้ที่จริงแล้ว ท่านมิรู้หรอกว่าทะเลคือสนามรบหลักของพวกเราในอนาคต”
ไป๋ยู่เหลียนตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน “องค์ชายจะตกปลาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ตกปลาอันใดกันเล่า ! ” ฟู่เสี่ยวกวนเหลือบมองไป๋ยู่เหลียนแล้วถอนหายใจยาวออกมา “การปกครองแคว้นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เสี่ยวไป๋ ในอนาคตพวกเราต้องไปปล้นเงินจากเรือที่แล่นอยู่ในท้องทะเลเสียแล้ว ! ”
ไป๋ยู่เหลียนมิเข้าใจในคำเอ่ยนี้ ฟู่เสี่ยวกวนจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “กลับกันเถิด ท่านจะต้องออกเดินทางในอีกสองวันข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะมอบคู่มือการฝึกทหารเรือให้ท่านด้วย ! ”
เรื่องเกี่ยวกับการก่อตั้งทหารเรือนั้นมิใช่ความคิดชั่ววูบของฟู่เสี่ยวกวน ทว่ามันคือสิ่งที่เขารอคอยมาเนินนาน
ตามเวลาที่คาดไว้ เรือรบสามเสากระโดงที่ท่าเรือเขตเหยาสมควรได้รับการทดลองออกแล่นบนผืนน้ำแล้ว
……
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)