ตอนที่ 825 สุริยาลาลับ ณ ซีซาน
“พวกเวิ่นหวิน…ออกเดินทางกันแล้วหรือ ? ”
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอาทิตย์อัสดงด้วยพระพักตร์ที่เปี่ยมประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน
“ทูลฝ่าบาท ตามกำหนดการก็เกรงว่าบัดนี้จะถึงเขตเหยาแล้วเพคะ”
“อือ…มิรู้ว่าการเดินทางด้วยเรือต้องใช้เวลากี่วัน ? ”
“ทูลฝ่าบาท ครึ่งเดือนโดยประมาณเพคะ…หม่อมฉันคิดว่าพวกเราควรใช้ท่าเรือและอู่ต่อเรือเขตเหยาให้เกิดประโยชน์ เนื่องจากการค้าขายกับราชวงศ์อู๋หลังจากนี้ถ้าใช้เส้นทางน้ำก็จะสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเพคะ”
ฮ่องเต้ใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ตรัสออกมาว่า “เรื่องนี้รอให้เวิ่นเต้าจัดการเถิด”
ฮองเฮาซั่งทอดพระเนตรพระสวามีด้วยสายพระเนตรลึกซึ้ง พระนางทรงมีพระดำริว่าฝ่าบาทได้สูญสิ้นพลังในการต่อสู้ไปหมดแล้วจริง ๆ
เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจติดต่อกัน ความมั่นใจของพระองค์จึงมลายหายไปจนสิ้น
จะได้ครอบครองแคว้นฮวงอย่างง่ายดายอยู่แล้วเชียว ทว่ากลับต้องสูญเสียมันไปทั้งอย่างนั้น
อีกทั้งอาณาเขตของพระองค์ยังโดนแบ่งไปอีกสองแห่ง แม้ว่าจะมิใช่พื้นที่ที่กว้างขวางมากนัก แต่ก็มีความหมายลึกซึ้งต่อฮ่องเต้มากยิ่งนัก
ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นสูงมาโดยตลอด วันนี้ราคาดิ่งลงจนเท่าราคาที่ปล่อยขายในคราแรก แม้จะมิเกิดปรากฏการณ์ราคาร่วงจนไร้มูลค่าเยี่ยงแคว้นอี๋ แต่ก็มีรายงานจากหอซี่หยู่มาว่าเหล่าผู้ค้าขายได้เทกระจาดขายหุ้นแล้วหนีไปยังราชวงศ์อู๋เกือบทั้งหมดแล้ว
พวกเขาเป็นชาวหยูโดยกำเนิด ทว่ากลับหอบผ้าหอบผ่อนไปได้ดีอยู่ต่างแดน !
ส่วนเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็มิได้ซับซ้อนอันใด…หากเดินตามหลังติ้งอันป๋อเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะมั่งคั่งร่ำรวย !
คำเอ่ยนี้แม้ฟังดูแล้วจะมิได้ทำร้ายกันมากนัก ทว่ามันเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม !
นี่คือตัวบ่งชี้ในสิ่งใดน่ะหรือ ?
นี่สามารถบ่งชี้ได้ชัดเจนแล้วว่า ฐานะของฮ่องเต้ภายในใจของผู้ค้าขายมิอาจเทียบเคียงกับฐานะของฟู่เสี่ยวกวนได้แม้แต่เสี้ยวเดียว !
บุคคลที่พวกเขาไว้ใจคือฟู่เสี่ยวกวนที่เป็นชาวอู๋ เรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้ทรงโทมนัสมากยิ่งนัก
ส่วนข่าวที่ส่งมาจากว่อเฟิงเต้าก็มิได้แตกต่างกันมากนัก
แม้ว่าโรงงานเหล่านั้นจะดำเนินการผลิตดังเดิม แต่เหล่าผู้ค้าขายก็ได้ลอบส่งคนไปที่ราชวงศ์อู๋แล้ว !
จะหมายความว่าเยี่ยงไรได้อีก ?
หากว่าฟู่เสี่ยวกวนได้ขึ้นครองราชย์แล้วเปิดประตูการค้าขึ้นมาเมื่อใด เหล่าคนค้าขายมิหนีหายไปทั้งหมดเลยหรือ ?
แท้ที่จริงฮ่องเต้ทรงกังวลมากจนเกินไป เพราะแม้เหล่าคนค้าขายจะมีนิสัยเจ้าเล่ห์เพทุบาย ทว่าพวกเขามิยอมนำความเสี่ยงมากระจุกอยู่ในตะกร้าใบเดียวหรอก
เพียงแค่เมื่อใดที่ฟู่เสี่ยวกวนเปิดประตูทางการค้าขึ้นมา เหล่าผู้ค้าขายก็จะมีตะกร้าเอาไว้กระจายความเสี่ยงเพิ่มอีกหนึ่งใบเท่านั้นเอง
“กำเนิดที่เมืองหลินเจียง…เริ่มต้นที่ทะเลสาบเว่ยยาง ย้อนนึกถึงกลางฤดูใบไม้ร่วงในรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่แปด ต่งชูหลานนำบทกวีประจำเทศกาลไหว้พระจันทร์ชื่อทำนองเพลงสายน้ำที่เขาประพันธ์มาให้ มันช่างไพเราะมากยิ่งยัก ! เมื่อข้าได้ฟังคราแรกก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ข้าคิดในใจว่าอู๋ฉางเฟิงช่างมีบุญวาสนายิ่งที่สวี่หยุนชิงให้กำเนิดโอรสผู้ประเสริฐแก่เขา”
“คนเรามีทุกข์ มีสุข มีพบ มีพราก จันทร์มีมืด มีสว่าง มีเต็ม มีเสี้ยว เป็นเช่นนี้มาแต่โบราณ มิอาจสมบูรณ์พร้อม เพียงหวังว่าผู้คนอายุยืนยาว แม้ห่างกันพันลี้ ร่วมกันชมจันทร์งาม… บัดนี้เวิ่นหวินธิดาของข้าอยู่ห่างไกลพันลี้ วันไหว้พระจันทร์ก็ใกล้จะบรรจบเข้ามาอีกปีแล้ว หากได้ร่วมฉลองเทศกาลด้วยกันก่อนคงจะดีมิน้อย… ! ”
ฮองเฮาซั่งยังคงนิ่งเงียบมิตรัสสิ่งใดออกมา ตอนนั้นพระนางพยายามโน้มน้าวอย่างสุดกำลังทว่าฮ่องเต้ก็ยังยืนกรานที่จะทำ
แล้วจะโทษผู้ใดได้เล่า ?
ให้ประณามฟู่เสี่ยวกวนว่าเป็นคนไร้หัวใจเยี่ยงนั้นหรือ ?
หรือให้กล่าวโทษพระสวามีที่อำมหิตเลือดเย็นจนเกินไป ?
ล้วนมิอาจโทษผู้ใดได้ทั้งสิ้น
หากมองจากมุมของฮ่องเต้ พระองค์มิได้ทำผิดแต่อย่างใด
แต่หากมองจากมุมของฟู่เสี่ยวกวน ฝ่าบาทผิดเต็มประตู
ในเมื่อทำผิดก็ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)