นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 842

ตอนที่ 842 ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ( จบ )

ณ พระตำหนักหยางซิน

พระตำหนักแห่งนี้เป็นที่ประทับหลักขององค์จักรพรรดิในรัชสมัยของฟู่เสี่ยวกวน

ภายในห้องทรงพระอักษรมีเตาสามเตากำลังส่งไอร้อนเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ ด้านข้างของโต๊ะกลมมีคนจำนวนหนึ่งนั่งรายล้อมอยู่

คนเหล่านั้นประกอบไปด้วย ชายอ้วนฟู่ต้ากวน ราชเลขาจัวอี้สิง ที่ปรึกษาหนานกงอี้หยู่จากสำนักตรวจสอบพระราชโองการ เมิ่งฉางผิงเสนาบดีฝ่ายบริหารและจัวเปี๋ยหลีผู้บัญชาการสามเหล่าทัพ

บนโต๊ะกลมมีอาหารเลิศรสที่ส่งมาจากห้องเครื่อง อีกทั้งยังมีสุราซีซานเทียนฉุนอีกหนึ่งกล่อง

หลิวจิ่นยืนเฝ้าอยู่มุมหนึ่งทางด้านหลังคอยสำรวจอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ พลางคิดว่าพรุ่งนี้ควรไปสอบถามทางห้องเครื่องสักหน่อยเพราะฝ่าบาทมาจากราชวงศ์หยู คาดว่าพระองค์จะโปรดรสชาติแบบเจียงหนานเสียมากกว่า คงต้องประกาศหาพ่อครัวชาวหยูฝีมือดีมาสักสองสามคนเพื่อมาดูแลเรื่องเครื่องเสวยของฝ่าบาทจึงจะเหมาะสม

ฟู่เสี่ยวกวนอาสารินสุราให้ทุกคนในวงแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เลิกการประชุมราชสำนักแล้ว ทุกท่านทำตัวตามสบายเถิด การขอให้พวกท่านอยู่ต่อมิใช่เพราะเรื่องในราชสำนักหรอก ข้าเพียงอยากเชิญทุกท่านมาร่วมรับประทานอาหารด้วยกันก็เท่านั้น…ข้าหมายถึงพวกท่านมิต้องเห็นข้าเป็นจักรพรรดิได้หรือไม่ มาเถิดทุกท่าน พวกเรามาร่วมชนจอกสุราด้วยกัน ! ”

หนานกงอี้หยู่มิได้ยกจอกสุราขึ้นมา ทว่าเขากลับลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ประคองมือคารวะ “ทูลฝ่าบาท พระองค์คือจักรพรรดิอย่างแท้จริงพ่ะย่ะค่ะ ควรวางพระองค์ให้สมพระเกียรติ มิควรเอาเยี่ยง…” หนานกงอี้หยู่หันศีรษะไปทางฟู่ต้ากวน แน่นอนว่าดวงตารีเล็กของฟู่ต้ากวนพลันเบิกโพลงขึ้นมา

“เยี่ยงอันใดเล่า ? คนเยี่ยงข้ามิดีตรงที่ใดกัน ? ตาเฒ่าหัวหงอกเยี่ยงพวกเจ้าช่างไร้เหตุผลเสียจริง ! ”

จัวอี้สิงหัวเราะร่า จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของหนานกงอี้หยู่พลางเอ่ยว่า “นั่งลงเถิด ฝ่าบาทคุ้นชินกับการทำตัวสบาย ๆ ตั้งแต่ยังประทับอยู่ที่ราชวงศ์หยูแล้ว ความจริงเป็นเยี่ยงนี้ก็ดีเหมือนกัน”

เมิ่งฉางผิงที่มิเข้าใจฟู่เสี่ยวกวนยิ่งเบิกตาโตเพราะการที่ขุนนางกลุ่มนี้ได้รับสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่นนั้นคือสัจธรรม ทว่าองค์จักรพรรดิจะปฏิบัติต่อตนอย่างเสมอภาคด้วยหรือไม่ ?

จักรพรรดิรินสุราให้ขุนนางมีผู้ใดเขาทำกันบ้างเล่า ?

แบบนี้ผู้ใดจะทานอาหารได้อย่างสบายใจกัน ?

ทว่าหลังจากนั้นเมิ่งฉางผิงก็เห็นหนานกงอี้หยู่นั่ง จากนั้นก็ยกจอกสุราขึ้นมา คนที่เหลือจึงยกจอกตามเช่นกัน เขาจึงรีบยกจอกสุราขึ้นสมทบอย่างจำใจ

“พวกท่านเป็นผู้ที่ข้าต้องพึ่งพามากที่สุด นับตั้งแต่บัดนี้สืบไปพวกท่านคงต้องรับภาระมากมาย ส่วนตัวข้านั้นเกียจคร้านมากยิ่งนัก ข้าเห็นว่าเวลาในการประชุมราชสำนักมิค่อยเข้าที หรือว่า…พวกเราเปลี่ยนมาประชุมตอนสายดีหรือไม่ ? ”

เมื่อเขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ จัวอี้สิงจึงเอ่ยขัดเขาว่า “ฝ่าบาท พระองค์จะประชุมราชสำนักในช่วงสายได้เยี่ยงไร ! ประชุมได้มินานก็ต้องพักทานมื้อกลางวันแล้วมิใช่หรือ ? เยี่ยงนั้นการงานก็มิต้องทำมันแล้วใช่หรือไม่ ? เรื่องนี้เป็นไปมิได้ โชคดีที่พระองค์มิได้เสนอในที่ประชุมวันนี้ มิเช่นนั้นคงได้รับเสียงคัดค้านจากเหล่าขุนนางเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนผงะตกใจ ข้าก็ทำเพื่อพวกเจ้าทั้งนั้นมิใช่หรือ !

หากเป็นเวลาในอนาคตก็เท่ากับเริ่มประชุมตั้งแต่ตีห้าจนถึงเจ็ดโมงเช้าเชียวนะ !

ต้องตื่นตีห้าเพื่อประชุมในทุก ๆ วัน กว่าจะได้กลับบ้านก็หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว อีกทั้งยังมิมีวันหยุดสุดสัปดาห์อีกด้วย…ขะมักเขม้นในหน้าที่การงานถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? เงินเดือนของพวกเขาคงสูงมากสิท่า ?

ดูเหมือนฟู่เสี่ยวกวนยังมิล้มเลิกความตั้งใจ หนานกงอี้หยู่จึงเอ่ยเสริมว่า “ฝ่าบาท ทุกวันนี้มีภาระงานที่หนักอึ้ง จากนี้พวกเราต้องเริ่มนโยบายใหม่ของฝ่าบาทในวันนี้อีก แล้วจะให้ประชุมราชสำนักในช่วงสายได้เยี่ยงไรกัน ? ฝ่าบาทยังหนุ่มยังแน่น นี่เป็นช่วงเวลาแห่งการไขว่คว้าและคิดการใหญ่ อย่าเกียจคร้านเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก็ได้ ! พวกคนแยกแยะเรื่องดีกับเรื่องชั่วมิออก นี่ข้าจะเอาชนะพวกเจ้ามิได้เชียวหรือ !

“ก็ได้ ก็ได้ มาเถิดทุกท่าน เชิญร่วมดื่มด้วยกันหนึ่งจอก ! ”

เมื่อสุราตกถึงท้องเป็นที่เรียบร้อย หลิวจิ่นก็ได้ปรี่เข้ามารินสุราให้ทุกคนจนเต็มจอกแล้วถอยกลับไป

ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองขันทีหน้าใหม่หนึ่งครา พลางคิดไปว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ดูได้เรื่องได้ราวเป็นการเป็นงาน วันหลังค่อยถามเจี่ยหนานซิงว่าชื่อแซ่อันใด

“ทานเถิด เชิญทาน วันนี้ทุกท่านเหนื่อยล้ากันมามากพอแล้ว มามามา อย่าได้เกรงใจไป”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)