ตอนที่ 903 วัดหนานผิง
เช้าตรู่ในวันต่อมา ฟู่เสี่ยวกวนได้รับรายงานด่วนจากฝูงมดว่าพระสนมอันเป็นที่รักทั้งสามคนใกล้จะถึงเวลาให้กำเนิดบุตรแล้ว
นี่ย่อมเป็นเรื่องดีมากยิ่งนัก ทว่าฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย “ดูเหมือนว่าการเดินทางครานี้ต้องจบลงที่นี่เท่านั้น”
เขาเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ จากนั้นก็ส่งให้สายลับ “จงนำไปมอบให้โจวถงถง”
มิมีผู้ใดทราบว่าในระหว่างนั้นเกิดสิ่งใดขึ้น หนิงซือเหยียนเตรียมรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดิมทีคิดว่าฝ่าบาทจะรีบเสด็จกลับเมืองกวนหยุนทันทีทันใด แต่คาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่าวัดหนานผิงมีอายุมานานนับพันปีทั้งยังศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งนัก พวกเราไปที่วัดกันก่อนดีหรือไม่ ข้าจะได้อธิษฐานให้พวกนางด้วย”
“ให้เตรียมสถานที่ด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
“มิต้อง ! พระพุทธองค์ของผู้คนในใต้หล้าย่อมมีคนไปสักการะบูชาอยู่แล้ว ไปเถิด พวกเราจะได้เดินทางกลับในยามเว่ย”
ขบวนรถม้าเดินทางออกจากเขตหนานผิงไปยังวัดหนานผิง ภายในรถม้าฟู่เสี่ยวกวนเลิกคิ้วขึ้นและลอบถอนหายใจอยู่เพียงลำพัง
ด้านสายลับที่จับตามองรถม้าทั้งสามคันของฟู่เสี่ยวกวนจากที่ห่างไกลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พระองค์จะไปสักการะที่วัดหนานผิงและกลับเมืองกวนหยุนเลย นี่ย่อมเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างมิต้องสงสัย
……
ในขณะเดียวกัน บุตรชายของนายอำเภอพานแห่งเขตหนานผิงก็กำลังพาพรรคพวกเดินทางไปยังวัดหนานผิงพร้อมบุตรชายของเฉินจือโจว
ในกลุ่มของพวกเขามีคนเพิ่มมาอีก 1 คน นางคือเด็กสาวนามว่าพานเชี่ยนเอ๋อร์เป็นน้องสาวของคุณชายพาน บัดนี้อายุ 16 ปีและได้หมั้นหมายกับคุณชายเฉินเมื่อปีที่แล้ว เอ่ยได้ว่าคุณชายพานเป็นพี่ชายของภรรยาเฉินเต๋อ ทว่าเขามิกล้าใช้สถานะความเป็นพี่ภรรยากับคุณชายเฉินสักเท่าใดนัก
พานฉีเอ่ยกับเฉินเต๋ออย่างระมัดระวังว่า “ข้าได้ส่งคนไปจัดเตรียมสถานที่ที่วัดหนานผิงแล้ว อีกประเดี๋ยวเมื่อพี่เฉินกราบไหว้เสร็จแล้ว ในยามอู่ท่านพ่อจะจัดงานเลี้ยงที่ซุ่ยเยว่เจียน ประการแรกเพื่อประกาศการหมั้นหมายระหว่างท่านและน้องสาวของข้า ประการที่สอง…หวังให้พี่เฉินรู้จักกับผู้ใดบางคนในตระกูลพานของพวกเราสักเล็กน้อย”
เฉินเต๋อยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านพ่อตาช่างเอาใจใส่ยิ่งนัก ข้าเองก็มีเรื่องจะสนทนากับท่านพ่อตาอยู่พอดี… น้องพาน ข้าขอเอ่ยกับเจ้าเยี่ยงนี้เลยก็แล้วกัน ราชวงศ์อู๋ที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเต๋อจงมิปลอดภัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นความประสงค์ของบิดาของข้าคือให้ข้าพาเชี่ยนเอ๋อร์ออกจากราชวงศ์อู๋เพื่อไปยังราชวงศ์หยู”
พานฉีชะงักงัน “ไปราชวงศ์หยูเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อืม…ไปราชวงศ์หยู”
พานฉีนิ่งเงียบไปราวสามอึดใจ จากนั้นก็เอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้วมุ่น “ท่านได้ยินข่าวลืออันใดมาใช่หรือไม่ ? ”
“มิจำเป็นต้องฟังข่าวลือ เนื่องจากจักรพรรดิเต๋อจงต้องการปรับปรุงการปกครองทั้งหมด คนของกรมขุนนางและฝ่ายตรวจการได้เริ่มปฏิบัติแล้ว เพียงแค่จำนวนคนมิเพียงพอจึงยังมามิถึงอู่หยวนโจวของเราก็เท่านั้น ทว่ามิช้าก็เร็วพวกเขาต้องมาตรวจตราอย่างแน่นอน”
ช่างร้ายแรงมากยิ่งนัก ถึงแม้พานฉีจะเป็นอันธพาลในเขตหนานผิง แต่เขาก็เข้าใจอุปนิสัยของนายเหนือหัวพระองค์นี้ได้อย่างแจ่มชัด
หากกรมขุนนางและฝ่ายตรวจการมาถึงอู่หยวนโจวจริง ๆ บิดาก็คงยากจะหลบพ้นได้ จนถึงขั้น…เขาหันไปมองทางเฉินเต๋อ ขนาดเฉินจือโจวยังวางแผนส่งบุตรชายไปยังราชวงศ์หยู คาดว่าเฉินจือโจวก็คงมิอาจรักษาสถานะไว้ได้เช่นกัน
มารดามันเถิด ! หรือว่าข้าก็จะพบจุดจบแล้วเช่นกัน ?
“จำไว้ว่าอย่ากระจายข่าวออกไปเป็นอันขาด” เฉินเต๋อถอนหายใจยาว จากนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมา “แต่ก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใดหรอกเพราะตระกูลเฉินของเราย้ายไปยังราชวงศ์หยูเนิ่นนานแล้ว บัดนี้ได้หยั่งรากลงในราชวงศ์หยูบ้างแล้ว ด้านลูกพี่ลูกน้องของข้าเฉินหลินยวนก็ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ราชวงศ์หยูให้เป็นขุนนางยศฉาวซ่านต้าฟู ท่านอาของข้าเฉินซูหยวนก็ได้เป็นชื่อหลางฝ่ายซ้ายของกรมคลังอยู่ที่จินหลิง”
“สามตระกูลใหญ่ที่ออกจากราชวงศ์อู๋ไปยังราชวงศ์หยู ในตอนนี้มีคนจำนวนมิน้อยได้เป็นขุนนางและแต่ละคนก็ได้ตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ที่เมืองจินหลิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“ได้ยินมาว่าแม่น้ำฉินหวายของจินหลิงงดงามไร้ที่ติและได้ยินมาว่าหลานถิงจี๋ก็เต็มไปด้วยพลังของวรรณกรรม ได้ยินมาว่าความเป็นอยู่ของจินหลิงมีความประณีตยิ่งกว่าที่นี่มากโข ขอเพียงแค่มีเงิน… ตระกูลของเจ้าและข้าล้วนมิได้ขาดแคลนเงิน เยี่ยงนั้นแทนที่จะรอความตายอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเต๋อจง สู้ออกไปหาอนาคตที่เมืองจินหลิงเสียยังดีกว่า”
ครานี้พานฉีนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน เนื่องจากตระกูลพานมิสามารถเทียบกับสามตระกูลใหญ่ได้เลย แม้แต่ในอู่หยวนโจว ที่ตระกูลพานสามารถดำรงอยู่ได้เป็นเพราะพึ่งพาท่านเฉินจือโจวต่างหากเล่า
แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดไปอีกครา เงินของตระกูลพานแม้เทียบมิได้กับตระกูลเฉิน ทว่าจากการขูดรีดมานานหลายปีของบิดา เมื่อส่งมอบให้เฉินจือโจวแล้วส่วนที่เหลือก็มีมิน้อยเลยทีเดียว
หากเดินทางไปยังจินหลิง คาดว่าคงสามารถมีชีวิตที่สุขสบายไปได้ชั่วชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นน้องเขยก็มีสายเลือดเดียวกันกับตระกูลเฉินอีกด้วย
เขายกสองมือขึ้นคำนับ จากนั้นก็เอ่ยกับเฉินเต๋อด้วยความระมัดระวังว่า “ข้าจะทำตามที่พี่เฉินเอ่ยทุกอย่าง ! ”
“ดี ! หากกลับไปแล้วข้าจะสนทนากับท่านพ่อตา ยามเว่ยพวกเราต้องเดินทางไปเจียงเฉิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)