นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 940

ตอนที่ 940 สับสนวุ่นวาย

ณ เรือนซีซาน อาทิตย์อัสดงทอประกายทั่วท้องนภา ฤดูใบไม้ผลิราวกับยาวนานไร้สิ้นสุด

ต่งคังผิงพับขากางเกงขึ้น เท้าทั้งสองข้างเหยียบลงไปในโคลน

เขาจูงวัวด้วยมือข้างซ้าย พาดจอบไว้บนไหล่ขวา เขาเดินอยู่ในโคลนด้วยเท้าเปล่ายามอาทิตย์อัสดง ณ แดนประจิม รู้สึกมีความสุขมากยิ่งนัก

ซั่งรุ่วซุ่ย เผิงยวี๋เยี่ยน หูฉินและฉ้ายซี ทั้งสี่คนยืนอยู่บนเนินเขาพร้อมชมเหล่าบุปผานานาพันธ์ท่ามกลางอาทิตย์อัสดง

บัดนี้ยังมีคนที่ว่างจนมีเวลามาชมดอกไม้อยู่อีกหรือ ?

เผิงยวี๋เยี่ยนบังเกิดความกังวลขึ้นมา จึงเอ่ยออกไปว่า “ทูลไทเฮา… หม่อมฉันต้องไปแล้วเพคะ”

“เจ้าไปแล้วจะทำอันใดได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“อย่างน้อยก็ต้องไปดูเพคะ”

ซั่งรั่วซุ่ยก้มศีรษะลง จากนั้นก็หันไปมองเผิงยวี๋เยี่ยน “ครานี้… ข้ามิรู้ว่าจะเอ่ยเยี่ยงไรดี เพราะสิ่งที่เวิ่นเต้าทำก็เพื่อความมั่นคงในระยะยาวของราชวงศ์หยู ทว่าฟู่เสี่ยวกวนมิใช่ผู้ที่สามารถจัดการได้โดยง่าย ข้ากังวลว่าเวิ่นเต้าจะเสียเปรียบให้กับเขา”

นางสูดหายใจเข้าลึก “หากรู้ว่าสถานการณ์เยี่ยงวันนี้จะเกิดขึ้น ข้าคงมิให้เวิ่นหวินแต่งงานกับเขาอย่างแน่นอนและคงมิอนุญาตให้เขาเหยียบเข้ามาในพระราชวังจินเตี้ยนแห่งราชวงศ์หยู”

“มิว่าทางใดก็คือลูก จะตัดเนื้อก้อนใดออกไปก็เจ็บปวดมิต่างกัน ในฐานะมารดา ข้ามิต้องการให้ผู้ใดตาย ทว่าบัดนี้ดูเหมือนว่ามันเป็นการเล่นหมากรุกที่ถึงหมากตัวสุดท้ายแล้ว ท้ายที่สุดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ต้องถูกไล่ออกจากกระดานหมากนี้ นี่คือสถานการณ์ที่เจ้าและข้ามิสามารถควบคุมได้ บัดนี้เสด็จอาของฮ่องเต้คือแม่ทัพใหญ่ที่ต้องเผชิญหน้ากับสงคราม และนั่นคือภารกิจที่เขาต้องทำ ข้าคิดว่า…พวกเราควรอยู่ที่นี่เพื่อรอฟังข่าว เพราะถึงเยี่ยงไรเจ้าก็ยังมีบุตรอีก 3 คน”

เผิงยวี๋เยี่ยนขยำจดหมายที่อยู่ในกระเป๋าแขนเสื้อ ยิ้มอย่างเศร้าสร้อยแล้วเอ่ยว่า “บุตรทั้งสามเติบใหญ่จนมิต้องให้ผู้เป็นแม่คอยกังวลแล้วเพคะ มันเป็นชะตากรรมของชุนชิวที่จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่บนหลังอาชาศึกแล้วตายในสนามรบ ที่หม่อมฉันต้องการจะไปนั้น…ก็เพื่อไปเก็บศพเขาเพคะ”

หูฉินก้มศีรษะลง ด้วยสถานการณ์เยี่ยงนี้ทำให้จี้หยุนกุยสามีของนางต้องออกเดินทางไปอีกครา เขาเอ่ยว่าจะไปที่เจี้ยนหนานเต้า ทว่ามิรู้ว่าไปทำสิ่งใด

ต่งคังผิงจูงวัวมาทางนี้ ได้ยินทั้งสองสนทนากันเข้าพอดี เขานิ่งฟังอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยออกมาว่า “ทานอาหารเย็นก่อนแล้วค่อยออกเดินทางเถิด แท้ที่จริงหากเจ้าเดินทางไปตอนนี้ก็ยังสายเกินไปอยู่ดี”

เผิงยวี๋เยี่ยนพยักหน้า “ใช่ ! สายเกินไปแล้ว ท่านคิดว่าความเป็นอยู่ในตอนนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

“สุขกาย สบายใจและเงียบสงบ”

“ส่วนตัวข้ายังมีเรื่องให้กังวลอยู่ จึงขอลาตรงนี้จะดีกว่า หลังจากนี้ข้าจะกลับไปอยู่ที่ชนเผ่าหวานเหยียนในรัฐลู่ฉีแห่งชื่อเล่อชวน หากพวกท่านได้ไปเยือนชื่อเล่อชวนก็สามารถไปหาข้าที่นั่นได้”

หลังจากนั้นเผิงยวี๋เยี่ยนก็ควบอาชาห้อตะบึงออกไปในยามอาทิตย์อัสดง

แสงจากดวงดาราในยามราตรีและยังมีจันทราครึ่งเสี้ยวเด่นอยู่บนท้องนภา

ภายใต้แสงจันทรา ซั่งรั่วซุ่ยนั่งอยู่เพียงลำพังในลานบ้าน หัวใจของนางก็มีความกังวลที่ยากจะปล่อยวางเช่นกัน… มิได้กังวลเกี่ยวกับชายอ้วนอย่างแน่นอน ทว่ากังวลเกี่ยวกับบุตรชาย บุตรีและลูกเขยของนาง

ฉินปิ่งจงนั่งอ่านตำราภายใต้แสงจากตะเกียงสีเหลืองนวล ทว่าบางคราสายตาของเขาก็เหม่อลอยแล้วมองไปที่ซั่งรั่วซุ่ย จากนั้นก็ส่ายศีรษะพร้อมถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ

ห้องปีกด้านข้างของลานด้านใน ต่งคังผิงนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนตำรา จ้องมองสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะเป็นเวลานาน

นั่นคือหนังสือสัญญาซื้อขายจำนวน 3 ฉบับ…ประกอบไปด้วยอุตสาหกรรมเกลือของตระกูลเฉิน แร่เหล็กของตระกูลโจวและการขนส่งทางเรือของตระกูลหลู่ !

สามตระกูลใหญ่ใช้เวลา 2 ปีในราชวงศ์หยูเพื่อก่อตั้งอุตสาหกรรมหลักทั้งสามแห่งขึ้นมา บัดนี้ล้วนตกมาอยู่ในมือของเขา

ซื้อมาในครึ่งราคา หากขายออกไปย่อมมีมูลค่ามากถึง 100 ล้านตำลึง !

สวี่หยุนชิง เจ้าใช้วิธีการได้เด็ดขาดมากยิ่งนัก !

จัวหลิวหวิน…เจ้ามัวแต่ทำอันใดอยู่กัน ?

……

……

ณ ห้องหนังสือของเยี่ยนเป่ยซีแห่งจวนเยี่ยน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)