ตอนที่ 980 จี้หยุนกุย
มิทราบว่าเมืองกวนหยุนมีเมฆหมอกปกคลุมลงมาตั้งแต่เมื่อใด
ฟู่เสี่ยวกวนตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ เขายืนอยู่ในลานกว้างซึ่งเต็มไปด้วยเมฆหมอกและตั้งใจว่าจะทำการฝึกคัมภีร์พระสูตรเก้าหยางเสียหน่อย
เมื่อครู่เขาเพิ่งนั่งลงขัดสมาธิก็พบว่ามีเงาของมนุษย์สองเงาเดินฝ่าเมฆหมอกตรงเข้ามา
เป่ยหวังฉวนรีบง้างคันธนูขึ้นทันพลัน ส่วนผู้ที่อยู่ท่ามกลางหมอกได้เอ่ยขึ้นว่า “อย่ายิงสุ่มสี่สุ่มห้า นี่ข้าเอง ! ”
เป่ยหวังฉวนจึงเก็บธนูลงทันใด ด้านฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเผยสีหน้ายินดีออกมา
บิดาอ้วน !
ส่วนผู้ที่เดินตามบิดาอ้วนเข้ามาเป็นจี้หยุนกุย
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักงันเล็กน้อย ชายอ้วนและจี้หยุนกุยเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา
ฟู่เสี่ยวกวนมิคุ้นเคยกับจี้หยุนกุยสักเท่าใดนัก แม้แต่แผนการชุนเหลยในครานี้ หากบิดาอ้วนมิได้เอ่ยถึงชายผู้นี้ในจดหมาย เขาก็คงมิเชื่อถือชายแปลกหน้าผู้นี้อย่างแน่นอน
แผนการชุนเหลยในครานี้ หากมองจากมุมของประเทศก็นับว่าประสบความสำเร็จยิ่ง แต่หากมองจากมุมส่วนตัวของฟู่เสี่ยวกวน ถือเป็นแผนการที่ล้มเหลวมิเป็นท่า !
ดังนั้นสายตาที่เขาจ้องมองไปทางจี้หยุนกุยจึงมิได้เป็นมิตรสักเท่าใดนัก ดูเหมือนจี้หยุนกุยเองก็คงเข้าใจดี เขาจึงทำหน้าเรียบนิ่งมิได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา เมื่อหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ยกมือขึ้นมาคารวะ
“ข้าน้อยขอคารวะนายน้อยขอรับ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกงุนงงเสียยกใหญ่ เนื่องจากจี้หยุนกุยมิได้กล่าวว่าถวายพระพรฝ่าบาท แต่เขากลับกล่าวว่าคารวะนายน้อย… ข้าไปเป็นเจ้านายของเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ?
จี้หยุนกุยยังคงแสดงท่าทีดังเดิมเดิม จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “นับตั้งแต่ในภูเขาหมินเมื่อครานั้น ข้าน้อยคือบ่าวของคุณหนู ทั้งบัดนี้และตลอดไปขอรับ”
“คุณหนูมีพระคุณต่อข้าน้อย นางได้ช่วยชีวิตข้าน้อยเอาไว้ ข้าน้อยเป็นหนี้ชีวิตคุณหนู ก่อนหน้านั้นคุณหนูเคยกำชับเอาไว้ว่าหากวันใดที่นางจากใต้หล้านี้ไป ข้าน้อยต้องจงรักภักดีต่อนายน้อยขอรับ”
“เรื่องของคุณหนูนั้น ข้าน้อยมิได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้แม้แต่น้อย ทว่าข้าน้อยก็พร้อมยอมรับการลงโทษทุกอย่างจากนายน้อยขอรับ”
ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองบิดาอ้วน จากนั้นชายอ้วนก็พยักหน้าให้เขาเบา ๆ
“นั่งลงก่อนสิ”
“ขอบคุณนายน้อยขอรับ”
จี้หยุนกุยนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับฟู่เสี่ยวกวน ส่วนฟู่เสี่ยวกวนก็ได้หยิบบันทึกหนานเคอเล่มบางออกมาจากกระเป๋าอกเสื้อ จากนั้นก็โยนไปให้จี้หยุนกุย “นี่หมายความว่าเยี่ยงไร ? ”
จี้หยุนกุยมองเพียงหน้าปกเท่านั้น จากนั้นก็ตอบว่า “เป็นบันทึกที่คุณหนูเขียนขึ้นมายามว่างเมื่อคราที่อยู่ในภูเขาหมิน นางเอ่ยว่า… นี่คือการทำนายอนาคตในช่วงหนึ่งขอรับ”
“เหตุใดนางถึงรู้อนาคตได้เล่า ? ”
“เนื่องจากในเวลานั้นคุณหนูเป็นผู้อาวุโสเช่อเหมินขอรับ”
“ผู้อาวุโสเช่อเหมินจำเป็นต้องรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยหรือ ? ”
“หามิได้ขอรับ ทว่าคุณหนูใช้คำทำนายเหล่านี้ในการขึ้นเป็นผู้อาวุโสเช่อเหมินขอรับ”
ประโยคนี้จะเอ่ยออกมาหรือไม่ก็หาได้มีประโยชน์อันใด ทันใดนั้นจี้หยุนกุยก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “คาดว่า…คุณหนูอาจจะเคยเห็นอนาคตในช่วงนั้นมาก่อนขอรับ”
“แล้วเหตุใดนางถึงมิรู้ว่าตนเองจะตกตายในเมืองเปียนเฉิง ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนตะโกนออกมาเสียงดัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย จี้หยุนกุยนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “ข้าน้อยคาดว่าบางทีคุณหนูอาจจะเคยเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นมาก่อน หรือบางที…คุณหนูอาจจะยังมิตายขอรับ”
“เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นยืนในทันใด “นางสิ้นลมอยู่ในอ้อมอกของข้า ! สิ่งนี้ยังมิเป็นจริงอีกหรือ ? ”
จี้หยุนกุยเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ในฤดูใบไม้ผลิของปีไท่เหอที่ห้าสิบ คุณหนูก็สิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาของข้าน้อยเช่นกัน เรื่องนี้มีฉ้ายซีเป็นพยาน อ้อ ! ข้าน้อยหมายถึงหลงจู๊แห่งหยูฝูจี้สามารถยืนยันได้ขอรับ”
“ข้าน้อยและฉ้ายซีเป็นคนปิดฝาโลงศพของคุณหนูด้วยตนเองและได้นำโลงศพไปฝังกลบลงสู่พื้นธรณี ในตอนที่คุณหนูต้องการขึ้นเป็นอาวุโสเช่อเหมินมีวัตถุประสงค์อยู่สองอย่าง หนึ่งคือวิชากัศยปแสร้งตาย สองก็คือ…ชุดคราบจักจั่นนั่นขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)