นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 980

สรุปบท ตอนที่ 980 จี้หยุนกุย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

อ่านสรุป ตอนที่ 980 จี้หยุนกุย จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 980 จี้หยุนกุย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 980 จี้หยุนกุย

มิทราบว่าเมืองกวนหยุนมีเมฆหมอกปกคลุมลงมาตั้งแต่เมื่อใด

ฟู่เสี่ยวกวนตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ เขายืนอยู่ในลานกว้างซึ่งเต็มไปด้วยเมฆหมอกและตั้งใจว่าจะทำการฝึกคัมภีร์พระสูตรเก้าหยางเสียหน่อย

เมื่อครู่เขาเพิ่งนั่งลงขัดสมาธิก็พบว่ามีเงาของมนุษย์สองเงาเดินฝ่าเมฆหมอกตรงเข้ามา

เป่ยหวังฉวนรีบง้างคันธนูขึ้นทันพลัน ส่วนผู้ที่อยู่ท่ามกลางหมอกได้เอ่ยขึ้นว่า “อย่ายิงสุ่มสี่สุ่มห้า นี่ข้าเอง ! ”

เป่ยหวังฉวนจึงเก็บธนูลงทันใด ด้านฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเผยสีหน้ายินดีออกมา

บิดาอ้วน !

ส่วนผู้ที่เดินตามบิดาอ้วนเข้ามาเป็นจี้หยุนกุย

ฟู่เสี่ยวกวนชะงักงันเล็กน้อย ชายอ้วนและจี้หยุนกุยเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา

ฟู่เสี่ยวกวนมิคุ้นเคยกับจี้หยุนกุยสักเท่าใดนัก แม้แต่แผนการชุนเหลยในครานี้ หากบิดาอ้วนมิได้เอ่ยถึงชายผู้นี้ในจดหมาย เขาก็คงมิเชื่อถือชายแปลกหน้าผู้นี้อย่างแน่นอน

แผนการชุนเหลยในครานี้ หากมองจากมุมของประเทศก็นับว่าประสบความสำเร็จยิ่ง แต่หากมองจากมุมส่วนตัวของฟู่เสี่ยวกวน ถือเป็นแผนการที่ล้มเหลวมิเป็นท่า !

ดังนั้นสายตาที่เขาจ้องมองไปทางจี้หยุนกุยจึงมิได้เป็นมิตรสักเท่าใดนัก ดูเหมือนจี้หยุนกุยเองก็คงเข้าใจดี เขาจึงทำหน้าเรียบนิ่งมิได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา เมื่อหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ยกมือขึ้นมาคารวะ

“ข้าน้อยขอคารวะนายน้อยขอรับ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกงุนงงเสียยกใหญ่ เนื่องจากจี้หยุนกุยมิได้กล่าวว่าถวายพระพรฝ่าบาท แต่เขากลับกล่าวว่าคารวะนายน้อย… ข้าไปเป็นเจ้านายของเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ?

จี้หยุนกุยยังคงแสดงท่าทีดังเดิมเดิม จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “นับตั้งแต่ในภูเขาหมินเมื่อครานั้น ข้าน้อยคือบ่าวของคุณหนู ทั้งบัดนี้และตลอดไปขอรับ”

“คุณหนูมีพระคุณต่อข้าน้อย นางได้ช่วยชีวิตข้าน้อยเอาไว้ ข้าน้อยเป็นหนี้ชีวิตคุณหนู ก่อนหน้านั้นคุณหนูเคยกำชับเอาไว้ว่าหากวันใดที่นางจากใต้หล้านี้ไป ข้าน้อยต้องจงรักภักดีต่อนายน้อยขอรับ”

“เรื่องของคุณหนูนั้น ข้าน้อยมิได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้แม้แต่น้อย ทว่าข้าน้อยก็พร้อมยอมรับการลงโทษทุกอย่างจากนายน้อยขอรับ”

ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองบิดาอ้วน จากนั้นชายอ้วนก็พยักหน้าให้เขาเบา ๆ

“นั่งลงก่อนสิ”

“ขอบคุณนายน้อยขอรับ”

จี้หยุนกุยนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับฟู่เสี่ยวกวน ส่วนฟู่เสี่ยวกวนก็ได้หยิบบันทึกหนานเคอเล่มบางออกมาจากกระเป๋าอกเสื้อ จากนั้นก็โยนไปให้จี้หยุนกุย “นี่หมายความว่าเยี่ยงไร ? ”

จี้หยุนกุยมองเพียงหน้าปกเท่านั้น จากนั้นก็ตอบว่า “เป็นบันทึกที่คุณหนูเขียนขึ้นมายามว่างเมื่อคราที่อยู่ในภูเขาหมิน นางเอ่ยว่า… นี่คือการทำนายอนาคตในช่วงหนึ่งขอรับ”

“เหตุใดนางถึงรู้อนาคตได้เล่า ? ”

“เนื่องจากในเวลานั้นคุณหนูเป็นผู้อาวุโสเช่อเหมินขอรับ”

“ผู้อาวุโสเช่อเหมินจำเป็นต้องรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยหรือ ? ”

“หามิได้ขอรับ ทว่าคุณหนูใช้คำทำนายเหล่านี้ในการขึ้นเป็นผู้อาวุโสเช่อเหมินขอรับ”

ประโยคนี้จะเอ่ยออกมาหรือไม่ก็หาได้มีประโยชน์อันใด ทันใดนั้นจี้หยุนกุยก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “คาดว่า…คุณหนูอาจจะเคยเห็นอนาคตในช่วงนั้นมาก่อนขอรับ”

“แล้วเหตุใดนางถึงมิรู้ว่าตนเองจะตกตายในเมืองเปียนเฉิง ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนตะโกนออกมาเสียงดัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย จี้หยุนกุยนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “ข้าน้อยคาดว่าบางทีคุณหนูอาจจะเคยเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นมาก่อน หรือบางที…คุณหนูอาจจะยังมิตายขอรับ”

“เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นยืนในทันใด “นางสิ้นลมอยู่ในอ้อมอกของข้า ! สิ่งนี้ยังมิเป็นจริงอีกหรือ ? ”

จี้หยุนกุยเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ในฤดูใบไม้ผลิของปีไท่เหอที่ห้าสิบ คุณหนูก็สิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาของข้าน้อยเช่นกัน เรื่องนี้มีฉ้ายซีเป็นพยาน อ้อ ! ข้าน้อยหมายถึงหลงจู๊แห่งหยูฝูจี้สามารถยืนยันได้ขอรับ”

“ข้าน้อยและฉ้ายซีเป็นคนปิดฝาโลงศพของคุณหนูด้วยตนเองและได้นำโลงศพไปฝังกลบลงสู่พื้นธรณี ในตอนที่คุณหนูต้องการขึ้นเป็นอาวุโสเช่อเหมินมีวัตถุประสงค์อยู่สองอย่าง หนึ่งคือวิชากัศยปแสร้งตาย สองก็คือ…ชุดคราบจักจั่นนั่นขอรับ”

“ทว่าข้าน้อยมิเข้าใจ คุณหนูจึงเอ่ยเสริมอีกว่าในผืนปฐพีนี้มักมีเรื่องน่าสนใจและบุคคลที่น่าสนใจอยู่เสมอ อาทิเช่น บางคนเกิดมาก็รับรู้ทุกสิ่งอย่างและบางคนก็ได้อาศัยอยู่ในร่างของผู้อื่น”

“ทว่าข้าน้อยก็ยังมิเข้าใจดังเดิม คุณหนูเอ่ยว่าแท้จริงแล้วการมิรู้อันใดเลยจึงจะเป็นการดีที่สุด จากนั้นคุณหนูก็ได้บันทึกกวีบทนั้นลงไป นางเอ่ยว่า..กวีบทนี้บุตรชายในอนาคตของนางเป็นผู้ประพันธ์ ในตอนนั้นมันน่าเหลือเชื่อมากยิ่งนัก ดังนั้นข้าน้อยจึงมิอาจเข้าใจได้เลยขอรับ”

“ทว่าบัดนี้ข้าน้อยเข้าใจทุกประการแล้ว นายน้อยเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรม หากจะประพันธ์กวีบทนั้นออกมาก็คงมิใช่เรื่องแปลกขอรับ”

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกตกตะลึงยิ่งขึ้นไปอีก “ทว่าตอนนั้นนางอายุได้เพียง 15 ปี ข้ายังมิลืมตาดูโลกเสียด้วยซ้ำ เหตุใดนางถึงรู้จักกวีบทนี้ได้เล่า ? ”

“บางทีอาจเพราะนางรับรู้ทุกสิ่งอย่างในใต้หล้าขอรับ”

ชายอ้วนรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งนัก เนื่องจากศิษย์พี่ซูฉางเซิงเคยเอ่ยว่าฟู่เสี่ยวกวนอาจจะเป็นผู้รู้ทุกสรรพสิ่ง

เหตุใดบัดนี้จึงกลายมาเป็นสวี่หยุนชิงที่รู้ทุกสรรพสิ่งเล่า ?

สรุปแล้วผู้ใดกันแน่ที่รับรู้ทุกสรรพสิ่ง ?

ชายอ้วนรู้สึกมึนงงมากยิ่งนัก จี้หยุนกุยจึงหันไปจ้องมองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทั้งยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “หากคุณหนูยังมิตายจริง ๆ ข้าน้อยขอร้ององค์จักรพรรดิพระเจ้าหลวงว่าอย่าได้บอกเรื่องนี้กับซูฉางเซิง ! ”

ชายอ้วนชะงักเล็กน้อย เมื่อได้สติคืนมาก็ได้แต่อ้าปากค้าง “เนื่องด้วยเหตุอันใดเล่า ? ศิษย์พี่ของข้า…มีอันใดผิดปกติไปเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ที่เมืองเปียนเฉิง เขามาช้าไปก้าวหนึ่งขอรับ”

“เกาเสี่ยนเอ่ยว่าจักรพรรดิเหวินมิได้บอกซูฉางเซิงมิใช่หรือ ? ”

“เกาเสี่ยนโกหกขอรับ เนื่องจากนายน้อยเป็นบุตรของคุณหนูและจักรพรรดิเหวิน แผนการของจักรพรรดิเหวินในครานี้ก็เพื่อบุกเบิกเส้นทางให้แก่นายน้อย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะมิให้มีสิ่งใดผิดพลาดอย่างแน่นอนขอรับ”

ในใจของฟู่เสี่ยวกวนก็ตกตะลึงเช่นกัน… ท่านอาจารย์น่ะหรือ ?

“เขาทำเช่นนี้เพื่ออันใดกัน ? ”

จี้หยุนกุยส่ายหน้า “เกรงว่าเรื่องนี้คงมีเพียงคุณหนูเท่านั้นที่เข้าใจขอรับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)