อ่านสรุป ตอนที่ 982 คาดมิถึงใช่หรือไม่ ? จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 982 คาดมิถึงใช่หรือไม่ ? คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 982 คาดมิถึงใช่หรือไม่ ?
ประหลาดใจอันใดกัน… ทำให้ตื่นตระหนกล่ะสิมิว่า !
ฟู่เสี่ยวกวนยื่นมือไปจับมือของสวี่หยุนชิงไว้แน่น “ข้ามิต้องการเรื่องน่าประหลาดใจ เรื่องนี้ทำให้ข้าตื่นตกใจมากยิ่งนัก ขอเพียงท่านปลอดภัยก็พอแล้ว ! ”
สวี่หยุนชิงหัวเราะออกมาทันใด หลังจากผ่านไปราวห้าลมหายใจเข้าออกจึงเอ่ยขึ้นมาว่า
“แม่ยังมีเรื่องต้องไปจัดการ”
“มิว่าท่านมีสิ่งใดต้องจัดการ โปรดปล่อยให้บุตรชายผู้นี้ไปจัดการแทนได้หรือไม่ ? ข้ามิอยากให้ท่านเป็นอันใดไปอีกแล้ว มิเช่นนั้นจะทำให้ข้านอนมิหลับและเสียใจไปชั่วชีวิต ! ”
สวี่หยุนชิงจ้องมองบุตรชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พลางนึกในใจว่าบุตรชายเติบใหญ่จนเป็นห่วงมารดาได้แล้ว
ดูจากสถานการณ์ ในความเป็นจริงนางมิต้องใช้สมองสิ้นเปลืองกับเรื่องภายนอกอีกแล้ว
“ข้างนอกได้ทำการปราบปรามจนสงบลงแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อือ…ข้าได้เปลี่ยนชื่อราชวงศ์อู๋เป็นประเทศต้าเซี่ยและบัดนี้ได้รวบรวมทั้งห้าแคว้นเป็นหนึ่งเดียวจนมั่นคง มิหนำซ้ำยังได้ยึดแคว้นหลิวมาไว้ในครอบครองแล้วด้วย”
ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจราวกับเด็กที่กำลังอวดความเก่งกาจของตนเองต่อหน้ามารดา เมื่อสวี่หยุนชิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปีติยินดีมากยิ่งนักและรู้สึกว่าบุตรชายเป็นผู้ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้า !
ทันใดนั้นนางก็ได้ปล่อยวางความกังวลในใจลง
แผนการชุนเหลยที่ได้รวบรวมทั้งห้าแคว้นเป็นหนึ่งเดียวกันก็ถือเป็นความปรารถนาในช่วงชีวิตนี้ของอู๋ฉางเฟิง นี่มิได้เป็นเพราะอู๋ฉางเฟิงมักใหญ่ใฝ่สูง ทว่าเป็นสถานการณ์ที่มีแนวโน้มจะต้องเผชิญอยู่แล้วต่างหาก !
เนื่องจากโจวถงถงทราบข่าวสารซึ่งไร้แหล่งที่มาข่าวหนึ่ง ข่าวนี้จึงทำให้อู๋ฉางเฟิงต้องออกจากวัดหานหลิงไปยังวัดป๋ายหม่า จากนั้นก็ใช้เวลากว่าสองปี เพื่อรวมทั้งห้าแคว้นให้เป็นหนึ่งเดียว
“เรื่องเป็นเช่นนี้… คือท่านอาจารย์ของเจ้าผิดปกติ”
ฟู่เสี่ยวกวนเมื่อได้ยินดังนั้นก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันใด เพราะนางถือเป็นคนที่สองในวันนี้ที่เอ่ยว่าซูฉางเซิงผิดปกติ ทว่าคนผู้นี้เป็นท่านแม่ของเขาเองและมิมีความจำเป็นใดต้องเอ่ยเท็จ
“เขาผิดปกติเยี่ยงไรหรือ ? ”
“เขาเป็นผู้ที่อาจารย์ปู่ของเจ้ารับกลับมาจากเชิงเขาต้าเซียนเปยเมื่อคราออกไปท่องเที่ยวทั่วหล้า ได้ยินจากท่านอาจารย์เอ่ยว่าในเวลานั้นเขาอายุเพียง 3 ปีเท่านั้น หลังจากที่ท่านอาจารย์ถึงแก่กรรม เขาก็ได้กลายเป็นผู้สังเกตการณ์ของสำนักเต๋า”
“เมื่อสองปีก่อน สายลับของหอเทียนจีในชื่อเล่อชวนได้รับข่าวสารโดยบังเอิญว่าเมื่อสามปีก่อนมีการประชุมลับคราแรกระหว่างท่าป๋าเฟิงอดีตจักรพรรดิแคว้นฮวงและเยลู่ชิงฮ่องเต้แห่งราชวงศ์เหลียว ผ่านการประชุมลับไปเพียง 1 ปี เจ้าก็ได้ทำลายแคว้นฮวง”
“ข่าวเกี่ยวกับการประชุมยังมิได้รับการยืนยัน หลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกมา สายลับคนหนึ่งที่ไปยังชายแดนของราชวงศ์เหลียวก็ถูกสังหารที่เชิงเขาต้าเซียนเปย”
“ก่อนที่แม่จะไปยังแคว้นฝาน ฝานอู๋เซียงเคยไปเยือนสำนักเต๋าคราหนึ่ง เขาเอ่ยว่าซูฉางเซิงเป็นเชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์เหลียว”
“ทว่าแม่มิเชื่อ ฝานอู๋เซียงยังเอ่ยอีกว่าซูฉางเซิงมักจะเดินทางไปท่องเที่ยวทุก 3 ปี และมิมีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาไปที่ใด ฝานอู๋เซียงบอกว่า… ทุกครั้งที่ซูฉางเซิงเดินทางท่องเที่ยว เขาจะไปยังราชวงศ์เหลียวและไปพักที่ภูเขาต้าเซียนเปยเมืองชายแดนของราชวงศ์เหลียวทุกคราที่ออกเดินทางไปท่องเที่ยว”
“เขายังเอ่ยอีกว่ามีกองทัพมากกว่า 400,000 นายอยู่ในภูเขาต้าเซียนเปย และวิธีฝึกฝนก็เลียนแบบมาจากทหารดาบเทวะของเจ้า ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงขึ้นมาทันใด เขาจ้องมองสวี่หยุนชิงด้วยสายตาที่ยากจะเชื่อ… สายลับของโจวถงถงตกตายที่เชิงเขาต้าเซียนเปย เมื่อซูฉางเซิงเดินทางท่องเที่ยวจะต้องไปยังภูเขาต้าเซียนเปยอย่างแน่นอน นอกจากนี้กองทัพมากกว่า 400,000 นายยังใช้วิธีฝึกของทหารดาบเทวะ… หากนำเอาเรื่องราวทั้งหมดมารวมกันก็จะทำให้ความจริงถูกเปิดเผยในที่สุด และผู้ที่น่าสงสัยที่สุดก็คือซูฉางเซิง !
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วแน่น
“แล้วเหตุใดเขาถึงมิสังหารข้าเล่า ? ”
ซูฉางเซิงมีโอกาสมากมายในการสังหารฟู่เสี่ยวกวน หากสังหารฟู่เสี่ยวกวนได้สำเร็จก็เกรงว่าประเทศต้าเซี่ยคงจะตกอยู่ในสถานการณ์ยุ่งเหยิงเป็นแน่
หากซูฉางเซิงกำลังฝึกฝนกองทัพ 400,000 นายที่ภูเขาต้าเซียนเปยอันห่างไกลนั้นจริง จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายของประเทศต้าเซี่ยเพื่อวางหมากเอาไว้ เพียงเท่านี้ก็มีโอกาสบุกยึดประเทศต้าเซี่ยแล้วมิใช่หรือ ?
ราวกับนางอ่านใจของฟู่เสี่ยวกวนออก สวี่หยุนชิงจึงเอ่ยขึ้นมาอีกว่า
“แม่คิดว่า…คิดว่าเขาอาจจะสงสัยหรืออาจจะกำลังกังวลอันใดบางอย่างอยู่”
“หมายความว่าเยี่ยงไร ? ”
“เขารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง ตามคำสอนของลัทธิเต๋าคือผู้ที่เกิดมาแล้วล่วงรู้ทุกสิ่งเป็นผู้ที่สวรรค์เลือก ย่อมมิอาจเอาชนะได้ นอกจากนี้รอบตัวเจ้ายังมีเป่ยหวังฉวนคอยคุ้มครอง และเขายังรู้ว่าเจ้ามีปืนกระบอกยาวที่สามารถสังหารปรมาจารย์ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย”
ตามที่เอ่ยมานี้… ซูฉางเซิงใช้วิธีส่งซูม่อเข้าหาเขาโดยผ่านทางไป๋ยู่เหลียน จากนั้นก็มีซูเจวี๋ย ซูโหรวและซูซูมาอยู่ข้างกายของเขา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะได้เข้าใจในตัวเขาผ่านบุคคลเหล่านี้มากยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็จะได้พิสูจน์ว่าเขาคือผู้ที่สวรรค์ส่งมาจริงหรือไม่
แม้แต่มู่โต่วที่ถูกส่งมาในภายหลัง หรือแม้แต่การยอมรับตัวเขาเป็นลูกศิษย์โดยมิสนใจวรยุทธของเขาเลย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับตัวเขานั่นเอง
บางทีความกังวลของซูฉางเซิงก็อาจจะเป็นปืนกระบอกยาวนั้นจริง ๆ
เขาได้เห็นพลังอานุภาพของปืนกระบอกยาวที่เมืองเปียนเฉิงด้วยตาของตนเอง… ทว่าสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนมิรู้ก็คือกระสุนนัดแรกของปืนกระบอกยาวสำหรับซูฉางเซิงมิใช่นัดที่ยิงในเมืองเปียนเฉิงนั่นหรอก ทว่ามันคือนัดที่เขาใช้ยิงเป่ยหวังฉวนในอดีตต่างหาก ซูฉางเซิงได้เห็นเหตุการณ์นั้นเข้าและสามารถยืนยันได้ทันทีว่าฟู่เสี่ยวกวนคือผู้ที่เกิดมาแล้วล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง ซูฉางเซิงพลันรู้สึกหวาดกลัวปืนกระบอกยาวนั้นขึ้นมาจับใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)