ตอนที่ 984 หัวหน้าหอเทียนจี
ณ ห้องทรงพระอักษร
หนานกงอี้หยู่และเมิ่งฉางผิงได้มารออยู่ที่นี่ตั้งแต่ยามเหม่าแล้ว ทว่าฝ่าบาทเสด็จไปที่ใดแล้วเล่า ?
ขันทีหลิวจิ่นเอ่ยว่าฝ่าบาททรงมีเรื่องต้องจัดการเล็กน้อย เกรงว่าอาจจะเสด็จกลับมาล่าช้า
ใช่ ! ฝ่าบาทเสด็จออกทะเลไปนานหลายเดือนและก็เพิ่งกลับมา เมื่อคืนพระองค์ต้องทรงงานหนักและกำลังบรรทมอยู่เป็นแน่ คนหนุ่มก็เป็นเสียเยี่ยงนี้ เพียงเพื่อจะได้พักผ่อนให้มากขึ้นในยามเช้า พระองค์ถึงขั้นยกเลิกการประชุมประจำราชสำนักในช่วงเช้าไปเลย
เยี่ยงนั้นก็ปล่อยให้พระองค์ได้พักผ่อนเยอะ ๆ เถิด นอกจากนั้นเขาก็สามารถทำให้ประเทศต้าเซี่ยเป็นปึกแผ่นได้ คุณงามความดียิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ย่อมมากพอที่จะให้เขามีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
ท่านเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองจึงทำการรอคอยโดยต้มน้ำชาและดื่มไปแล้วถึงสามกา พวกเขารอฝ่าบาทเสด็จอยู่ในห้องทรงพระอักษรอยู่เนิ่นนาน เหตุใดฝ่าบาทถึงยังมิเสด็จมาอีกกัน ?
“เรียนท่านทั้งสอง ข้าน้อยก็มิทราบเช่นกันว่าฝ่าบาทเสด็จไปยังแห่งหนใด เพราะฝ่าบาท… ฝ่าบาททรงตรัสเมื่อยามเช้าว่ามีเรื่องต้องออกไปจัดการ แล้วข้าน้อยจะกล้าทูลถามฝ่าบาทว่าเสด็จไปที่ใดได้เยี่ยงไร ? ”
คำเอ่ยนี้มีเหตุผล ทว่าเหตุใดเจ้ามิเอ่ยแต่แรกว่าฝ่าบาทเสด็จไปข้างนอก เป็นเหตุให้พวกข้าคิดว่าพระองค์ยังคงบรรทมอยู่ !
“ฝ่าบาทเสด็จไปกับผู้ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ” สีหน้าของหนานกงอี้หยู่เริ่มมืดครึ้มขึ้นมาทันใด จนทำให้หลิวจิ่นตื่นตระหนก
“เรียนใต้เท้าหนานกง ฝ่าบาทเสด็จออกไปกับจักรพรรดิพระเจ้าหลวงและเป่ยหวังฉวน อีกทั้งยังมีบุรุษผู้หนึ่งที่รูปโฉมงามสง่าทว่ามิทราบชื่อขอรับ”
จักรพรรดิพระเจ้าหลวงแน่นอนว่าต้องเป็นอู๋ต้าหลาง เรื่องนี้ดูวุ่นวายไปสักหน่อยเพราะหากเอ่ยตามข้อเท็จจริงแล้ว จักรพรรดิเหวินเป็นจักรพรรดิพระเจ้าหลวงโดยแท้ ทว่าอู๋ต้าหลางผู้นี้กลับเอ่ยอย่างไร้ยางอายว่าฝ่าบาททรงเป็นโอรสของตน…คำเอ่ยนี้มิอาจสืบสาวถึงแก่นแท้ได้ เขาเคยเป็นองค์จักรพรรดิมาก่อนก็จริง ทว่าบัดนี้จักรพรรดิตัวจริงกลับมาแล้ว ควรมอบบรรดาศักดิ์ชินอ๋องให้แก่เขา
มิว่าเยี่ยงไรเจ้าก็มิใช่พระบิดาผู้ให้กำหนดองค์จักรพรรดิ เจ้ามีอำนาจอันใดที่จะเป็นจักรพรรดิพระเจ้าหลวงกัน !
ฝ่าบาททรงสำนึกบุญคุณที่เลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนมา จึงมิอนุญาตให้กรมพิธีการแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นชายอ้วนจึงมีฐานะเป็นจักรพรรดิพระเจ้าหลวงไปโดยปริยาย
ฝ่าบาทเสด็จออกนอกวังตั้งแต่เช้าตรู่โดยมีเขาและเป่ยหวังฉวนติดตามไปด้วย คาดว่าคงมิมีอันตรายใด ทว่าพวกเขาไปที่ใดกัน ?
“เจ้าไปดูอีกทีสิว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังหลังแล้วหรือยัง”
“ข้าน้อยจะไปดูประเดี๋ยวนี้ขอรับ”
หลิวจิ่นรีบเดินออกไปทันที ทว่าเมื่อเขามาถึงตำหนักหยางซินก็ตกตะลึงขึ้นมาทันใด…
ตำหนักหยางซินดูครึกครื้นมากยิ่งนัก ครึกครื้นอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน !
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ?
เขาเหลือบมองอย่างตั้งใจอีกครา ทันใดนั้นก็ตกตะลึงจนหัวใจหล่นถึงตาตุ่ม เขาสูดหายใจเข้าลึก นั่นคือองค์ไทเฮาที่ล่วงลับไปเมื่อมิกี่เดือนก่อนใช่หรือไม่ ?
เมื่อสวี่หยุนชิงกลับมายังวังหลวง ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เรียกภรรยาทั้งเก้าคนและบุตรทั้งหมดมารวมตัวกัน… ส่วนหนานกงตงเซวี๋ยมิได้อยู่ในวังหลวง เนื่องจากนางกำลังมุมานะทำงานที่ศูนย์วิจัยทางการแพทย์โดยมิรู้ว่าองค์ไทเฮาเสด็จกลับมาแล้ว
ในเวลานี้ฟู่เสี่ยวกวนได้อธิบายเหตุผลอย่างชัดแจ้งให้แก่หยูเวิ่นหวินและคนอื่น ๆ รับฟังแล้ว แน่นอนว่าเขามิได้เอ่ยถึงเรื่องที่สวี่หยุนชิงแสร้งตายและเรื่องที่ผิดปกติของซูฉางเซิงให้พวกนางฟัง
เขาสร้างเรื่องโกหกโดยเอ่ยว่า เสด็จแม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทุกคนคิดว่านางอาจจะมิรอดแล้ว แต่ผลที่ตามมาก็คือเสด็จแม่ได้รักษาพระวรกายด้วยพระองค์เองจนหายดี
ภรรยาทั้งหมดของเขาเชื่ออย่างสนิทใจ ทั้งยังรู้สึกว่าไทเฮาช่างเป็นผู้มีบุญบารมีเทียมฟ้าอย่างแท้จริง
พวกนางพาบุตรชายและบุตรีเข้าไปโอบล้อมพลางไถ่ถามทุกข์สุขจนทำให้ใบหน้าของสวี่หยุนชิงยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมา ด้านจิตใจก็เบิกบานไปด้วย ส่งผลให้ตำหนักหยางซินตกอยู่ในสถานการณ์ชื่นมื่น
“บุรุษเยี่ยงเจ้าไปทำงานของตนเองเถิด แม่และเหล่าลูกสะใภ้ยังมีเรื่องต้องสนทนากันอีกมาก ส่วนมื้อกลางวันก็ให้คนส่งมาที่นี่แต่เจ้าต้องกลับมาเสวยพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวที่นี่”
ในบทสนทนานี้ฟู่เสี่ยวกวนมิอาจเข้าไปแทรกแซงได้แม้แต่น้อย เขามองมารดาและเหล่าภรรยาที่ต่างก็มีเรื่องราวให้สนทนามิรู้จบ ท่านแม่ยื่นมือออกไปจับมือของเหล่าภรรยาทีละคน ทั้งยังลูบศีรษะของหลาน ๆ อย่างเอ็นดู โดยมีรอยยิ้มสดใสปรากฏอยู่บนใบหน้า
ฟู่เสี่ยวกวนเองก็อยากมีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน แม้จะทำได้เพียงนั่งมองสถานการณ์เฉย ๆ ก็ตาม แต่คาดมิถึงว่าจะโดนท่านแม่ไล่ออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)