องค์ชายาหมื่นพิษ นิยาย บท 1

สรุปบท บทที่ 1 ทะลุมิติมาเป็นชายาอัปลักษณ์: องค์ชายาหมื่นพิษ

สรุปตอน บทที่ 1 ทะลุมิติมาเป็นชายาอัปลักษณ์ – จากเรื่อง องค์ชายาหมื่นพิษ โดย หลิงหลิง

ตอน บทที่ 1 ทะลุมิติมาเป็นชายาอัปลักษณ์ ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง องค์ชายาหมื่นพิษ โดยนักเขียน หลิงหลิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ท้องนภายามวสันตฤดูแรกมืดครึ้ม ความหนาวเหน็บเกาะกลุ่มอยู่ท่ามกลางอากาศไม่จางหาย

จวนจิ้งอ๋องประดับประดาไปด้วยผ้าและโคมไฟสวยงาม แดงระเรื่อทั่วทั้งจวน ทว่าแขกเหรื่อกลับบางตา เงียบเหงาเป็นพิเศษ

“ในเมื่อเข้าประตูจวนจิ้งอ๋องของข้าแล้ว ต่อไปก็รู้จักหน้าที่อยู่ในระเบียบ หากคิดวางแผนชั่วอะไรอีก ต่อให้เป็นจวนเหวินกั๋วกงก็คุ้มหัวเจ้าไม่ได้!”

บุรุษในลานบ้านอยู่ในชุดวิวาห์สีแดง ขับเน้นความหล่อเหลาและความองอาจผ่าเผยของเขา

เพียงแต่นัยน์ตาดำดั่งโพรงลุ่มลึกของเขาปราศจากจุดศูนย์รวม คำพูดที่พ่นออกมาเย็นยะเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็งหิมะที่ยังไม่ละลายของต้นฤดูวสันต์สามส่วน

“เซียวปี้เฉิง เจ้านับเป็นอะไร นึกว่าข้าอยากเป็นพระชายาจิ้งนักหรือ” ฉู่หยุนหลิงในชุดวิวาห์แดงเข้ม ใบหน้ามีผ้าคลุมหน้าสีแดงบางๆ ผืนหนึ่ง แววตาอาฆาตแค้น

เมื่อได้ยินดังนั้น ก็เกิดเป็นเสียงเซ็งแซ่จากผู้คนรอบบริเวณ

ต่างทราบ ฉู่หยุนหลิงบุตรีในภรรยาเอกของจวนเหวินกั๋วกงมีปานสีแดงเข้มอยู่ตรงใบหน้าด้านขวา เป็นหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งที่รู้กันทั่วทั้งไกลและใกล้ของเมืองหลวง แต่กลับออกเรือนกับจิ้งอ๋องเซียวปี้เฉิง เทพสงครามผู้เลื่องชื่อลือชาแห่งซีโจว (*ราชวงค์โจวตะวันตก)

แม้เซียวปี้เฉิงจะประสบกับการดักซุ่มโจมตีของทูเจวี๋ยหนหนึ่ง ส่งผลให้ดวงตามืดบอด ทว่าเกียรติศักดิ์ของเทพสงครามยังสลักอยู่ในหัวใจของผู้คนใต้หล้า

หญิงซึ่งขาดคุณธรรม อัปลักษณ์สุดแสนผู้นั้นจะคู่ควรกับเขาได้อย่างไร

ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการแต่งงานครั้งนี้มาจากแผนการของฉู่หยุนหลิง เดิมทีเซียวปี้เฉิงมีเพื่อนในวัยเยาว์ที่ต่างมีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน ยามนี้ ฉู่หยุนหลิงกลับโอ้อวดกล่าวคำสามหาว รังเกียจเดียดฉันท์เซียวปี้เฉิง ช่างหน้าหนาไร้ยางอายเสียจริง!

จิ้งอ๋องยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็มีหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่บนรถเข็นไม้คนหนึ่งโพล่งปากออกมาจากระเบียงยาวในลานบ้าน

“เจ้ามันผู้หญิงไร้ยางอาย พี่สามรักอยู่กับหยุนหาน ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าวางแผนวางยา พระชายาจิ้งก็ควรเป็นหยุนหานจึงจะถูก!”

ในเมืองหลวงมีความลับหนึ่งที่ผู้คนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ หญิงอัปลักษณ์ฉู่หยุนหลิงมีใจให้ตวนอ๋องหลายปี ในคืนงานเลี้ยงวันนั้นนางคิดจะวางยากับตวนอ๋อง แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน จับพลัดจับผลูปีนขึ้นเตียงจิ้งอ๋องเสียอย่างนั้น

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดรุณีพริ้มเพราในชุดกระโปรงยาวสีน้ำทะเลที่อยู่ด้านข้างก็ปลุกปลอบความเดือดดาลของชายหนุ่มเสียงเบา

“อวี้จือ อย่าพูดอีกเลย...พี่หญิงเลอะเลือนไปชั่วขณะ”

เพลิงโกรธของหนุ่มน้อยไม่ลดลง หนำซ้ำยังเพิ่มขึ้น “หยุนหาน นางทำเรื่องเช่นนี้แล้ว ไยเจ้ายังพูดแทนนางอีก!”

ฉู่หยุนหลิงหัวเราะอย่างเย็นเชา ฉายความสิ้นหวังและเกรี้ยวโกรธออกมาจากสีหน้า

“ตลบตะแลง! คนที่จิตใจชั่วช้าดั่งอสรพิษคือฉู่หยุนหานต่างหาก! นางรังเกียจที่เซียวปี้เฉิงตาบอด ไร้วาสนาจะเป็นรัชทายาท อยากเป็นพระชายาตวนถึงได้จงใจวางแผนเล่นละคร!”

ใช้นางสลัดจากเซียวปี้เฉิง ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว!

บรรยากาศตึงเครียดฉับพลัน บ่าวไพร่ในจวนต่างดูถูกดูแคลน

เป็นที่ทราบกันดี เดิมทีจิ้งอ๋องกับฉู่หยุนหานเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสหายยามเด็ก ทั้งสองรักกันนานแล้ว

แม้ฉู่หยุนหานจะเป็นบุตรีในอนุภรรยาของจวนเหวินกั๋วกง ทว่าเพียบพร้อมด้วยความสามารถ จิตใจดีมีเมตตา เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองหลวง

หลังจากดวงตาทั้งคู่ของจิ้งอ๋องมืดบอด นางก็ยังไม่ทอดทิ้งห่างหาย ยังคงค้นหาหมอและยารักษาจิ้งอ๋อง ความรักดาษดื่นชวนให้ผู้คนประทับใจ ทุกคนนึกว่าพวกเขาจะสามารถครองคู่กัน แต่ฉู่หยุนหลิงกลับเข้าขวางกลางลำ ทำลายทุกสิ่ง ทั้งตอนนี้ยังหันมาป้ายสีฉู่หยุนหานอีก

“พอที!” สีหน้าเซียวปี้เฉิงโหดเหี้ยมขึ้นทุกที น้ำเสียงเจือความอดรนทนไม่ไหวบางส่วน “รีบทำให้เสร็จพิธีการ ถ้านางยังพูดจาเพ้อเจ้ออีกก็อุดปากนางซะ!”

หนุ่มน้อยบนรถเข็นได้ยินก็ตบที่วางมือด้วยความโกรธแรงๆ น้ำเสียงอัดอั้น

“ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อทรงคิดยังไงจริงๆ ถึงกับประทานสมรสให้นางเป็นชายาเอก หญิงมารยาเยี่ยงนี้ไม่คู่ควรกับพี่สามซักนิด!”

“ข้าไม่คู่ควรกับเขา?” ฉู่หยุนหลิงกัดฟัน ก่นด่า “ข้าคือบุตรีในภรรยาเอกของจวนเหวินกั๋วกง หลานสาวสายหลักเพียงคนเดียวของพระอาจารย์ผู้เฒ่า! ส่วนเขาเป็นแค่บุตรชั้นต่ำที่เกิดจากนางกำนัลชั้นต่ำที่ปีนขึ้นเตียงเท่านั้น เทพสงครามแห่งต้าโจวอะไร ในสายตาข้ายังมิสู้สุนัขตัวหนึ่งเลย!”

ถ้อยคำนี้รวบด่าเซียวปี้เฉิงและมารดาผู้ล่วงลับของเขาโดยตรง อุณหภูมิภายในลานบ้านลดฮวบราวกับกลางฤดูเหมันต์

ถัดจากนั้น ร่างของเซียวปี้เฉิงแวบไปราวกับเงาดำสายหนึ่ง จิตสังหารท่วมท้น

“นางแพศยา! เจ้าอย่าได้ไม่รู้จักดีชั่ว ความอดทนของข้าก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน”

แม้ดวงตาของเขาจะมองไม่เห็น แต่เขาร่ำเรียนวิทยายุทธ์แต่เล็ก อาศัยการฟังเสียงแยกแยะตำแหน่งก็สามารถบีบคอฉู่หยุนหลิงได้อย่างง่ายดาย

ลำคอเปราะบางของฉู่หยุนหลิงถูกบีบแน่น สีหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ เพราะการขาดอากาศหายใจ

“ปี้เฉิง! หยุนหลิงคือพี่หญิงใหญ่ของข้านะ ไม่ได้เด็ดขาด!”

ด้านล่างทางระเบียงยาว ฉู่หยุนหานในชุดกระโปรงยาวสีน้ำทะเลอุทานออกมา ทว่ากลับไม่ขยับเท้าสักนิด

“ฉู่หยุนหลิง เห็นแก่น้องสาวเจ้า ข้าจึงอดทนกับเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า...”

สีหน้าเซียวปี้เฉิงเยือกเย็นจนแทบจะหยดออกมาเป็นน้ำได้แล้ว น้ำเสียงเสียดกระดูกราวกับน้ำค้างแข็งเย็นยะเยียบ

“ถ้ากล้าพูดจาสามหาวอีกคำเดียว ข้าจะเอาชีวิตเจ้าทันที!”

ครั้นสิ้นเสียง ฉู่หยุนหลิงก็ถูกเขาเหวี่ยงออกไปอย่างไม่ไยดี

เมื่อลืมตาขึ้น หยุนหลิงก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว โดยเฉพาะตรงหน้าผาก

นางรู้สึกงงงันเล็กน้อย ด้วยวิธีการจัดการคนทรยศขององค์กร เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดจากเงื้อมมืออีกฝ่ายได้

รถยนต์ระเบิดรุนแรงขนาดนั้น น่าจะไม่เหลือแม้แต่ซากจึงจะถูก

หยุนหลิงค่อยๆ ลืมตาขึ้น คลานขึ้นจากพื้นแล้วสำรวจรอบๆ อย่างยากลำบาก มองความโบราณคร่ำครึของทุกสิ่ง ในหัวที่ยังมึนหนัก จู่ๆ ก็มีท่อนความทรงจำมากมายแทรกเข้ามา

นางตะลึงงันอยู่กับที่ กว่าค่อนวันจึงจะเข้าใจความจริงที่อยู่ตรงหน้า

จากนั้นหยุนหลิงก็ผุดความดีใจที่ได้เกิดใหม่หลังจากพ้นเคราะห์

นางข้ามมิติแล้ว!

ถึงจะบอกว่าเป็นวิญญาณหลังจากที่ตายแล้วข้ามมิติ แต่นางก็หนีออกจากองค์กรลึกลับน่ากลัวนั้นได้สักที หลุดจากชะตาที่ถูกเห็นเป็นตัวทดลอง

หยุนหลิงยังไม่ทันได้ดีใจ หัวที่หนักอึ้งก็มีความเจ็บรุนแรงส่งผ่านมา เหมือนกับส่งผ่านมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ทรมานจนนางอยากลาโลกไปอีกครั้งทันที

ความเจ็บที่คุ้นเคยทำให้หยุนหลิงตื่นตระหนกสุดขีด

ความทรมานอันน่าสะพรึงชนิดนี้ จะมีได้ก็ต่อเมื่อถูกฉีดยาวิจัยทางประสาท S-3 ที่กำลังวิจัย ทำไมเปลี่ยนร่างแล้วยังมีความรู้สึกอย่างนี้อีกล่ะ?

ไม่นานหยุนหลิงก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณที่ตนถูกวิจัยและพัฒนากลับรวมอยู่ในร่างแปลกหน้านี้อีกครั้ง!

ความเจ็บปวดทรมานที่เกิดจากการก่อตัวอีกครั้งของพลังวิญญาณ ทำให้หยุนหลิงอดแผดเสียงออกมาไม่ได้ คนที่ได้ยินต่างขนลุกซู่

คนที่เฝ้ายามอยู่ในลานบ้านได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว หวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย ครั้นหันไปก็เห็นชิวซวงสาวใช้ในจวนเดินเข้ามา

“คืนนี้มีฝน ท่านอ๋องมีเมตตา สั่งให้พวกเจ้าอยู่ยามถึงยามจื่อ(*ช่วงเลวลา 23.00-01.00)ก็กลับไปพักผ่อนได้”

“พี่ชิวซวง เหมือนว่าพระชายาจะบาดเจ็บหนักนะ ต้องเชิญหมอมาหรือไม่”

หลังจากลงทัณฑ์แล้วนางแอบเหลือบมองแวบหนึ่ง แผ่นหลังนั้นเนื้อแตกหมดแล้ว น่าสยดสยองยิ่ง

ชิวซวงถ่มน้ำลาย กล่าวด้วยความชั่วร้าย “เชิญหมออะไร ไม่ได้ยินที่นางด่าท่านอ๋องเมื่อกี้หรือ แถมยังลบหลู่ท่านแม่ของท่านอ๋องด้วย คนแบบนี้ตายเสียได้ก็ดี! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ