บ่าวรับใช้สะบัดตัว “งั้นถ้าพระชายาเป็นอะไรไป พวกเรา...”
การเฆี่ยนยี่สิบครั้งเมื่อครู่ ผู้ที่ลงมือไม่ไว้ไมตรีจริงๆ ชุดวิวาห์บนตัวพระชายาขาดวิ่นแล้ว
ชิวซวงขมวดคิ้ว โบกผ้าเช็ดหน้าอย่างหงุดหงิด “ในเมื่อไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง พวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“อีกอย่าง ถ้าท่านเยียนอ๋องเป็นอะไรไป หวงกุ้ยเฟยจะปล่อยนางหรือ”
ชิวซวงเอ่ยด้วยความเกลียด ผลักประตูดูทีหนึ่ง เมื่อเห็นหยุนหลิงนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นก็ปิดประตูแรงๆ อีกครั้ง
“ตอนงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟก็นำหายนะมาสู่ท่านอ๋อง ตอนนี้ยังทำร้ายท่านเยียนอ๋องอีก เป็นตัวซวยจริงๆ ซวย!”
…
บาดแผลที่ถูกเฆี่ยนเจ็บแสบ แต่ถ้าเทียบกับความทรมานที่ปวดศีรษะแล้วกลับไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
หยุนหลิงหลับตา อดทนต่อความทรมานถึงที่สุด ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด ความเจ็บปวดที่ทรมานคนก็สลายไปในที่สุด เนื้อตัวชุ่มเหงื่อ
นางร้องเรียกด้วยเสียงแหบพร่า “มีใครอยู่ไหม”
ปราศจากเสียงตอบรับ มีเพียงสายฝนตกกระทบชายคาเปาะแปะ
คล้ายจะล่วงเลยยามจื่อไปแล้ว องครักษ์เฝ้ายามเหล่านั้นไปพักผ่อนกันหมดแล้ว
การก่อเกิดพลังวิญญาณอีกครั้งและการใช้จะผลาญพลังกายอย่างมาก ร่างกายนี้เหมือนไม่ค่อยได้กินอาหารเป็นทุนเดิม ตอนนี้หยุนหลิงจึงหิวจนแทบอยากกลืนกินจวนจิ้งอ๋องทั้งหลังได้
เทียนสีแดงในห้องวูบไหว พอหยุนหลิงเห็นขนมหนึ่งจานอยู่บนโต๊ะก็รีบตะเกียกตะกายโครงเครงขึ้นมาคว้าขนมกินอย่างมูมมาม
ช่วงว่างจากการกิน ดวงตาเหล่เห็นภาพที่อยู่กระจกทองเหลือง หยุนหลิงสะดุ้ง เสียงกรีดร้องถูกขนมอุดอยู่ตรงคอ หวิดจะติดคอตาย
นี่จะน่าตกใจเกินไปแล้ว!
ตอนยอมรับความทรงจำเมื่อครู่ หยุนหลิงก็รู้แล้วว่าตนคือบุตรีในภรรยาเอกของจวนเหวินกั๋วกง มีปานแต่กำเนิด คือหญิงอัปลักษณ์ที่รู้กันทั่วทั้งระยะใกล้และไกล
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้
ที่จริงก็ไม่เชิงว่าอัปลักษณ์มาก แต่ที่สำคัญคือน่าตกใจ
ผู้หญิงในกระจกทองเหลืองเปื้อนเลือดทั้งตัว เส้นผมสีดำยุ่งเหยิง ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด แต่กลับขับเน้นปานสีแดงบนใบหน้าให้สะดุดตาเป็นพิเศษ
ท่าทางกินมูมมามของนางในเวลานี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันที่ไหน เหมือนดั่งผีร้ายชุดแดงที่กำลังกลืนกินมนุษย์
ให้ตายเถอะ มันน่าสยดสยองจนขนลุกขนพองไปหมดแล้ว
พอสงบสติอารมณ์แล้ว สีหน้าหยุนหลิงที่พลังวิญญาณก็เคลื่อนผ่านร่างกายรอบหนึ่งก็ชะงักเล็กน้อย แววตาราวกับมีความคิด
พลังวิญญาณสามารถรับรู้ได้ถึงสภาพร่างกายทุกสัดส่วน
ปานแต่กำเนิดไม่ทำอันตรายกับร่างกาย ขณะที่พลังวิญญาณแล่นผ่านไหลลื่นมาก แต่เมื่อครู่นางกลับรู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อยบนใบหน้าชัดเจน
ปื้นสีแดงเข้มนี้...ไม่เหมือนปาน แต่กลับเหมือนด่างพิษ
หยุนหลิงถอนหายใจทีหนึ่ง ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีหรือว่าโชคร้ายกันแน่
เพิ่งจะหนีรอดออกมาจากองค์กรลึกลับที่โหดร้ายไร้ความเป็นคน พริบตาเดียวก็กลายเป็นพระชายาแห่งจวนจิ้งอ๋องของราชวงศ์ต้าโจว มีความลับอยู่ในตัวและเรื่องยุ่งเหยิงมากมาย
ตอนนี้เรื่องจะใช่ด่างพิษหรือไม่ไม่สำคัญ ที่ถูกเฆี่ยนก็ไม่สำคัญ
แต่นางจำเป็นต้องหาของกินเติมเต็มท้องให้อิ่มก่อน ไม่อย่างนั้นยังไม่ทันได้ขจัดพิษรักษาบาดแผลก็ต้องหิวตายแล้ว
ในลานบ้านไม่มีองครักษ์เฝ้ายาม จวนอ๋องเงียบสงัดไร้สุ้มสียง
หยุนหลิงไม่รู้จักเส้นทางเคี้ยวคดลดเลี้ยวเหล่านี้ และไม่รู้ว่าห้องครัวอยู่ที่ไหน
นางใช้พลังวิญญาณทำประสาทการดมกลิ่นให้ดีขึ้น จะได้สะดวกต่อการติดตามกลิ่นหอมของอาหาร
ขณะเดินผ่านลานบ้านที่ไม่คุ้นเคย หยุนหลิงเห็นว่ามีห้องหนึ่งยังสว่างอยู่ และเหมือนจะมีกลิ่นหอมของอาหารโชยออกมาด้วย
ดวงตาพลันเป็นประกาย เดินฝ่าสายฝนเข้าไป ผลักประตูเบาๆ
เยียนอ๋องกำลังนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าคล้ายอดทนต่อความเจ็บปวด แช่ขาทั้งสองตั้งแต่หัวเข่าลงไปอยู่ในถัง
หยุนหลิงทำประสาทการดมกลิ่นให้ดีขึ้นแล้ว พริบตาเดียวก็ได้กลิ่นของหลายอย่างที่แช่อยู่ในถัง
มีขิง ฮวาเจียว(*เม็กพริกไทยเสฉวนที่ให้รสชา) หอมจีน ใบอ้าย ชังเอ่อร์จื่อ เชียงหัว...
ดมครั้งแรกยังนึกว่ากำลังต้มขาหมูอยู่ แต่ความจริงเป็นตัวยาไล่ความเย็น
หยุนหลิงรีบปรับการรับกลิ่น ถ้าคนคนนี้เท้าเหม็นมิต้องส่งผลกับการกินของนางหรือ
พอเยียนอ๋องได้ยินเสียง “แอ๊ด” ที่เปิดออกก็ลืมตาขึ้นตามสัญชาตญาณ เห็นผีร้ายชุดแดงสยายผมดวงตามีแสงสีเขียวบุกรุกเข้าห้อง
เขาจำได้ว่านั่นคือฉู่หยุนหลิง ชุดวิวาห์บนตัวอีกฝ่ายขาดวิ่น เผยให้เห็นแสงแขนและหัวไล่เนื้อแตกออกมา เลือดสีแดงผสมกับน้ำฝนหยดลงบนพื้นไม่หยุด
เยียนอ๋องนึกขึ้นได้ว่าหลังจากฟื้นก็ได้ยินว่าฉู่หยุนหลิงถูกเฆี่ยน หรือว่าจะถูกเฆี่ยนจนตายแล้ว
เขาเบิกตาโพลง สีหน้ากลายเป็นซีดขาวอย่างไร้ที่เปรียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ