องค์ชายาหมื่นพิษ นิยาย บท 3

เยียนอ๋องกลืนซาลาเปาลงไปด้วยความรวดเร็ว ตกใจเอ่ย “เจ้าหญิงชั่วนี้รู้ได้...”

เสียงเขาดังอยู่บ้าง ยังไม่ทันกล่าวจบ หยุนหลิงก็ยัดซาลาเปาใส่ปากเขาอีกลูกอย่างฉับพลัน

“ตามศักดิ์ เจ้าควรเรียกข้าว่าพี่สะใภ้สามจึงจะถูก”

เยียนอ๋องแทบสำลักตาย เขากลอกลูกตาขาวให้อย่างกระฟัดกระเฟียด อยาก “ถุย” ใส่หยุนหลิง แต่กลับถุยออกมาไม่ได้เพราะมีซาลาเปายัดอยู่ในปาก

“โรคปวดขาเวลาเจอความเย็นนี้ของเจ้า ข้าแค่ฝังเข็มสี่ครั้งก็รักษาได้แล้ว”

“อื้อๆๆ!”

ผีสิเชื่อ!

เยียนอ๋องถลึงตามองนาง แววตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย เขาไม่เคยได้ยินว่าฉู่หยุนหลิงรู้วิชาการแพทย์มาก่อน

อีกอย่างขาของเขาและดวงตาของจิ้งอ๋องก็เป็นอาจารย์แม่หลินซินรักษาให้มาตลอด

ในเมืองหลวงจะหาผู้ที่มีวิชาการแพทย์เยี่ยมยอดยิ่งกว่าหลินซินเป็นคนที่สองไม่ได้อีกแล้ว

หยุนหลิงเห็นเขาไม่เชื่อจึงยักไหล่

น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องที่นางรู้วิชาการแพทย์ เพราะนางแอบเรียนลับหลังองค์กร

ตรงชั้นไม้ที่อยู่ด้านข้างมีเข็มเงินสะอาดอยู่ชุดหนึ่ง คาดว่าเป็นของที่จะใช้กับเยียนอ๋อง

หยุนหลิงหยิบเข็มเงินขึ้นมา อดนึกถึงเรื่องในวันวานไม่ได้ เมื่อนั้นแววตาก็มืดมน

นางเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกองค์กรรับมาอุปการะ ถูกฉีดยาที่ไม่รู้จักจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งแต่เด็ก นั่นเป็นความทุกข์และความทรมานอย่างยิ่งยวดชนิดหนึ่ง

มีเพียงเด็กกำพร้าจำนวนหยิบมือที่อยู่รอดจากการทดลองนับครั้งไม่ถ้วน และพัฒนาความสามารถพิเศษต่างๆ

ในเด็กหญิงสามคนที่อยู่รอดเหมือนกับหยุนหลิง มีคนสามารถสะกดจิตอ่านใจได้ มีคนรู้ภาษาสัตว์และควบคุมสัตว์ มีคนพัฒนาสมองไปถึงขั้นสุดยอด...

ในฐานะที่หยุนหลิงเป็นหนึ่งใน “ของทดลอง” ที่มีชีวิตรอด นางพัฒนาพลังวิญญาณได้สำเร็จและได้รับพลังสื่อสารกับพืช

จากนั้นองค์กรก็บ่มเพาะให้หยุนหลิงวิจัยพิษศาสตร์ ใช้ยาควบคุมพวกนางให้ทำงานกับองค์กร

เพื่อหนีออกจากองค์กรกับคนที่เหลืออีกสามคน หยุนหลิงได้แอบศึกษาวิชาการแพทย์ เพื่อหลุดจากยาที่ควบคุมพวกนางขององค์กร

แต่หลังจากวิจัยได้ยาแก้พิษแล้ว พี่ใหญ่ก็ตายไปเสีย นางก็ด้วย ไม่รู้ว่าน้องรองกับน้องเล็กเป็นอย่างไรบ้างแล้ว...

เยียนอ๋องมองท่าทางของหยุนหลิง อดเสียวสันหลังวาบไม่ได้

ไม่รู้ทำไมสิน่า สายตานังคนเลวผู้นี้จู่ๆ ก็กลายเป็นน่ากลัว

คงไม่คิดจะใช้เข็มทิ่มเขาตายกระมัง

ขณะที่เยียนอ๋องกำลังคิดฟุ้งซ่านก็เห็นหยุนหลิงถือเข็มเงินเดินมาทางเขาจริงๆ

“อื้อๆ!” เยียนอ๋องใช้สายตาเตือนนาง

ความมืดมนบนใบหน้าของหยุนหลิงหายไปเกลี้ยง ยิ้มตาหยีมองเขา

“ไม่ต้องกลัว ไม่ตายหรอก”

หลังจากสวาปามไปเมื่อครู่ พลังวิญญาณก็ฟื้นคืนมาไม่น้อย

ในเมื่อพลังวิญญาณไม่ได้หายไปเพราะความตาย อย่างนั้นก็ทดสอบกับเยียนอ๋องเสียเลย ดูสิว่าฟื้นฟูมาได้ถึงระดับไหน

ถ้าอยากฟื้นฟูพลังวิญญาณให้อยู่ในภาวะขีดสุด ก็ต้องใช้พลังวิญญาณให้หมด กระตุ้นสมองซ้ำๆ

เยียนอ๋องเห็นสีหน้านางที่จู่ๆ ก็เปื้อนรอยยิ้มดุจสายลมฤดูวสันต์แล้วก็กลับรู้สึกตระหนก

นังผู้หญิงคนนี้พิลึกจริงเชียว บาดเจ็บทั้งตัวอย่างนั้นไม่เจ็บหรือ ยังยิ้มได้อีกแน่ะ

ที่เขาไม่รู้ก็คือ หยุนหลิงเคยรับกับความทรมานจากการทดลองมากมาย ความอดทนต่อความเจ็บปวดเป็นเลิศ ความเจ็บปวดที่มาจากบาดแผลเช่นนี้ ที่จริงไม่นับเป็นอะไร

หยุนหลิงวางขาของเยียนอ๋องไว้บนเก้าอี้ ขาเนียนของเขามีจุดเล็กๆ สีดำจางๆ มากมาย น่าจะเป็นการตัดแต่งขนเพื่อสะดวกต่อการฝังเข็ม

นางใช้มุมเสื้อของเยียนอ๋องเช็ดหยดน้ำให้สะอาด แล้วปักเข็มบนขาของเขาสองสามเข็มด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็ออกแรงนวดด้านข้างหัวเขาด้านซ้ายทีหนึ่ง

แข้งของเยียนอ๋องขยับอย่างไม่รู้ตัวทีหนึ่ง เขาตะลึงงัน เบิกตากว้างเล็กน้อย

ขาทั้งสองของเขาปราศจากความรู้สึกนานแล้ว

ยังไม่ทันดึงสติกลับมาจากความประหลาดใจ เสียงของหยุนหลิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงจริงจัง

“เดี๋ยวข้าจะฝังเข็มให้เจ้าอีกหนึ่งเข็ม อาจจะเจ็บสุดขีด เจ้าต้องอดทน ต่อไปเวลาฝนตกจะไม่ทรมานขนาดนั้นแล้ว”

สำหรับปุถุชนคนธรรมดา ร่างกายที่สัมผัสพลังวิญญาณเป็นครั้งแรกจะเจ็บมาก นี่เท่ากับเป็นการรับการโจมตีของพลังวิญญาณ

หยุนหลิงสูดลมหายใจเข้าลึก กลั้นลมหายใจ รวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดที่มือจนปรากฏเข็มเล็กๆ ดุจเส้นผม

เข็มทอแสงสีนวล แทบจะก่อตัวเป็นวัตถุ

แขนเสื้อเปื้อนเลือดบดบังเส้นสายตาของเยียนอ๋อง เขามองไม่เห็นการกระทำของหยุนหลิง รู้สึกเพียงหัวเข่าเจ็บแปลบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ