หลังจากหยุนหลิงฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็เจ็บจนอดสูดลมเย็นไม่ได้
เจ้าบอดน่าตายลงมือโหดชะมัด!
เจ้าหมอนี่ต้องจงใจแน่ๆ แค้นที่เจ้าของร่างด่าแม่แท้ๆ ของเขา
แต่คำพูดของเจ้าของร่างก็จี้ถูกใจดำอันตรายเสียเหลือเกิน ใครก็รู้ว่าสำหรับคนส่วนมาก ปกติเจ้าด่าข้าได้ ด่าแม่ข้าไม่ได้
นางเห็นใบหน้าซีกซ้ายของตัวเองบวมเป่งจากการสะท้อนจากกระจกทองเหลืองอันพร่ามัว
ใบหน้าด้านขวามีด่างพิษปื้นเบ้อเร่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้หน้าฝั่งซ้ายยังจะบวมอีก ดูไม่จืดเอาเสียเลย
“คุณหนู! ท่านฟื้นสักที!”
จู่ๆ สาวใช้คนหนึ่งก็พรวดมาที่หน้าเตียง ดวงหน้ากลมดิกเต็มไปด้วยน้ำตา
“...ตงชิง?”
หยุนหลิงตีศีรษะที่ยังมึน จำได้ว่านางเป็นสาวใช้สินเดิมเจ้าสาวที่พามาจากจวนเหวินกั๋วกง รับใช้อยู่ข้างกายนางหลายปีแล้ว
“คุณหนูอย่าตีเจ้าค่ะ ตรงศีรษะยังมีแผลอยู่!”
ตงชิงดึงมือของหยุนหลิงออก กลัวว่านางจะถูกบาดแผลที่หน้าผาก
“ทำไมเมื่อคืนไม่เห็นเจ้าล่ะ?”
คืนวันวิวาห์ สาวใช้ตงชิงที่เป็นสินเดิมเจ้าสาวไม่อยู่ข้างกาย กลับเป็นชิวซวงอะไรนั่นด่าทออยู่ปากประตูตั้งนาน
เมื่อได้ยินคำถาม แววตาของตงชิงก็ซับซ้อน อยากเอ่ยแต่ก็หยุดอีก
นางกัดฟันพูด “...คุณหนู เมื่อคืนคุณชายใหญ่ส่งคนมาบอก ว่าเรื่องที่ท่านมีเรื่องกับจิ้งอ๋องเมื่อคราวก่อนรุนแรงมาก ตอนนี้นายท่านตำหนิฮูหยินว่าอบรมสั่งสอนบุตรสาวไม่ดี ดึงดันจะยกฮูหยินเหลียนขึ้นเป็นผิงชี(*ตำแหน่งสูงกว่าอนุภรรยาแต่ต่ำกว่าภรรยาเอก และไม่ต้องคำนับภรรยาเอก)”
หยุนหลิงเลิกคิ้วนิดๆ “เขาช่างกล้านะ”
นางรู้จากความทรงจำ ว่าจวนเหวินกั๋วกงมีคำสั่งสอนบรรพชนที่สืบทอดมาหลายปี ผู้ชายสกุลฉู่นอกเสียจากอายุเกินสี่สิบแล้วยังไม่มีบุตรชาย มิเช่นนี้จะแต่งอนุภรรยาไม่ได้
แต่บิดาเจ้าของร่างกลับเป็นข้อยกเว้น
ฮูหยินเหลียนเป็นอนุภรรยาเพียงคนเดียวของจวนเหวินกั๋วกง และฉู่หยุนหานก็เป็นบุตรีในอนุภรรยาเพียงคนเดียวเช่นกัน
เหล่าไท่จวินไม่ชอบพวกนางเสมอมา
“คุณหนูอย่าว่านายท่านเลย เรื่องที่ท่านก่อในตอนนี้นั่นแหละถึงเรียกว่า...เฮ้อ!”
ตงชิงซับน้ำตา ทั้งร้อนรนทั้งอับจนหนทาง
“ทีแรกคุณชายใหญ่ให้บ่าวมาบอกท่าน ว่าเข้าจวนจิ้งอ๋องแล้วต้องรู้จักหน้าที่สำรวม จะก่อเรื่องไม่ได้อีกเด็ดขาด จะส่งผลต่อฮูหยินและจวนกั๋วกง ใครจะรู้ว่าท่าน...”
ตงชิงพูดไม่ออกจริงๆ
ต่อให้คิดจนสมองแตก นางก็คิดไม่ถึงว่าฉู่หยุนหลิงจะโพล่งปากด่าทอจิ้งอ๋อง หนำซ้ำยังทำร้ายเยียนอ๋องบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของหวงกุ้ยเฟยอีก
เมื่อคืนตอนที่นางกลับมาได้ยินข่าวก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
“บ่าวรู้ว่าคุณหนูถูกคนปรักปรำได้รับความอยุติธรรมในงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟแต่คุณหนูจะโกรธยังไงก็ทำอย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ!”
ว่าแล้ว น้ำตาที่ตงชิงเพิ่งเช็ดแห้งก็คลออยู่เต็มเบ้าตาอีก
“ท่านเยียนอ๋องยังไม่ได้สติ ท่านอ๋องโกรธจัด บอกว่าถ้าท่านเยียนอ๋องเป็นอะไรขึ้นมา จะนำศพของท่านเข้าวังไปรับผิดกับหวงกุ้ยเฟย”
“ตอนนี้จะทำยังไงดีเจ้าคะ!”
ตงชิงร้อนรนจนหัวหมุน หากฉู่หยุนหลิงเกิดเรื่อง จุดจบของนางที่เป็นสาวใช้สินเดิมเจ้าสาวก็ไม่ต่างกัน
แต่คิดไม่ถึงว่าพอฉู่หยุนหลิงได้ฟังถ้อยคำเหล่านี้แล้ว กลับนวดบ่าอย่างขี้เกียจ ไม่วิตกกังวลหรือหวาดกลัวสักนิด
“วางใจเถอะ เจ้าเด็กนั่นสบายดี”
ก็แค่ถูกพลังวิญญาณบุกเข้าร่างกายเป็นครั้งแรกก็เลยสลบไปเท่านั้น อีกครึ่งวันก็ฟื้นเอง
ปลายนิ้วสัมผัสโดนแผลจากแส้ หยุนหลิง “ซี้ด” เสียงหนึ่ง ขมวดคิ้ว
“ตงชิง ไปเอาน้ำร้อนมาหน่อย ใส่ยาให้ข้า”
หยุนหลิงล้วงยารักษาบาดแผลที่เอามาจากเยียนอ๋องจากอกแล้วยื่นให้นาง “แล้วทำของกินมาให้ข้าหน่อย หิวจะตายชัก”
ตงชิงรับยารักษาบาดแผลมา น้ำตาร่วงรินเปาะแปะ กล่าวถ้อยคำแทบไม่ชัดเจน
“บ่าวอยากทำแผลให้ท่านตั้งนานแล้ว เจ้าสุนัขที่อาศัยบารมีฝูงนั้นบอกว่า...ไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง ห้ามส่งอาหารกับน้ำร้อนให้ท่าน”
หยุนหลิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ตักน้ำเย็นมาก็ได้”
นางทนกลิ่นบนตัวไม่ไหวแล้ว ทั้งเหงื่อทั้งฝน แล้วจะปนรอยเลือดอีก
ตงชิงพยักหน้า ไปตักน้ำเย็นสะอาดมาตามที่หยุนหลิงต้องการ ขณะผ่านห้องครัวยังแอบขโมยหมั่นโถวมาอีกสองลูกด้วย
นังเด็กนี่ฉลาดนัก
หยุนหลิงรับหมั่นโถวมาคาบไว้ ปลดเปลื้องอาภรณ์แล้วนอนคว่ำอยู่บนเตียง ให้ตงชิงเช็ดตัวและใส่ยาให้ตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ