เยียนอ๋องสูดจมูก ยังคงสกัดกั้นดวงตาที่แดงระเรื่อไม่ได้ หยดน้ำตากลิ้งอยู่ข้างในไม่หยุด
“พี่สะใภ้สาม...ท่านไม่เอาความเรื่องในอดีตดีกับข้า ข้าไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนท่านอย่างไรดีแล้ว”
อดีตเขาเคยเป็นหนุ่มน้อยสง่างามที่คึกคะนองและมีชีวิตชา อยู่ชายแดนด้วยความเลือดร้อนแล้วจิตใจวีรบุรุษเต็มอก ใครจะรู้ว่าเข้าสนามรบครั้งแรก ก็เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง ตกอยู่ในสภาพขาพิการทั้งสองข้า
จากนั้นสองปี เขาต้องทนทุกขเวทนาจากพิษเย็น หมดอาลัยตายอยากหลายครั้ง กระทั่งหมดความหวังในชีวิต
แต่การปรากฏตัวของหยุนหลิงเปลี่ยนทุกสิ่ง
หยุนหลิงฉุกคิดได้ ยกมุมปากยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัว
ตอนที่ขจัดพิษเย็น บอกเจ้าว่ายังลุกขึ้นได้อีกครั้ง ยังไม่เห็นเจ้าจะตื่นเต้นสักเท่าไร ทีรถเข็นไม้นี่ ทำไมเจ้าถึงร้องไห้เสียล่ะ”
เยียนอ๋องสูดจมูกอีกครั้ง ดวงหน้าพกพาความเป็นเด็กน้อยบางส่วน เก้อเขินเล็กน้อยอย่างชัดเจน
ที่เขาสนใจไม่ใช่พิษเย็น ไม่ใช่เรื่องที่ยังลุกขึ้นยืนได้ และยิ่งไม่ใช่รถเข็นคันนี้
ที่เขาตื้นตันคือท่าทีของหยุนหลิง หลังจากถูกเขาใส่ความทำร้ายแล้ว ยังสามารถไม่ใส่ใจกับเรื่องราวในอดีต ดีกับเขา เป็นห่วงเขาด้วยใจจริง
เยียนอ๋องใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าลวกๆ ดวงหน้าหล่อเหลาที่คล้ายเซียวปี้เฉิงสองส่วนถูกเช็ดจนแดง
เขาเอ่ยเสียงอึดอัด “พี่สะใภ้สาม พี่สามบอกข้าหมดแล้ว เมื่อก่อนข้าตาบอดดูคนไม่ชัด ปรักปรำท่าน...ข้าคือคนโง่คนหนึ่ง!”
“เรื่องที่ทำเมื่อก่อน ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ท่านอย่าได้ถือสา”
หยุนหลิงนั่งพิงกับเก้าอี้หวาย แย้มยิ้มกับเขา
“ข้าไม่เคยใส่ใจกับเรื่องที่แล้วมา อย่างมากก็แค่รู้สึกว่าพวกเจ้าสองพี่น้องสมองไม่ค่อยดีเท่านั้น สมกับที่คนบ้านเดียวกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าเยียนอ๋องก็มีความขวยอายปราดผ่าน
“แต่เจ้ากับพี่สามของเจ้ายังดี สำหรับพี่ใหญ่คนนั้นของเจ้า...” หยุนหลิงหยุดครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า “เขาหมดทางเยียวยาแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ