หยุนหลิงหยิบตะเกียบกำลังจะกินข้าว ก็ได้ยินเสียงคำรามโมโหสะเทือนชั้นฟ้าของเซียวปี้เฉิง
แย่แล้ว ๆ ดูเหมือนว่าคราวนี้จะยั่วเจ้าบอดจนเดือดเข้าแล้ว!
นางรีบทิ้งตะเกียบ, “ตงชิง ไท่ซ่างหวงอยู่ไหน?”
ตงชิงตอบว่า “เหมือนว่าไท่ซ่างหวงจะเลี้ยงหมูอยู่ที่เรือนกุยเถียนทางมุมตะวันตกเฉียงใต้ในจวนอ๋อง!”
เรือยกุยเถียนอยู่ติดกับคอกม้า ปกติเลี้ยงสัตว์ปีกเอาไว้ สัตว์ปีกกับหมูหันคู่หนึ่งที่ก่อนหน้าเจาเหรินตี้มอบให้หยุนหลิงเหล่านั้นก็อยู่ในนี้ด้วย
สมัยหนุ่มไท่ซ่างหวงเป็นชาวบ้าน เป็นมือหนึ่งในการเลี้ยงหมู ปกติชอบเลี้ยงพวกนี้
“ข้าต้องขอตัวก่อน เจ้าดูหมอนี่ให้ดี อย่าให้เขากินจนเกลี้ยง เหลือไว้ให้ข้าบ้าง!”
สีหน้าเยียนอ๋องตึงเครียด, “เจ้าไปยั่วอะไรให้พี่สามเขาถึงได้โกรธขนาดนี้?”
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเซียวปี้เฉิงลืมตัว โมโหมากขนาดนี้
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ท่านถามเขาเองเถิด!”
พอหยุนหลิงทิ้งท้ายคำนี้ อาศัยก่อนที่เซียวปี้เฉิงยังมาไม่ถึง ก็เผ่นไปอย่างรวดเร็ว
จนเซียวปี้เฉิงจูงลู่ชีปรากฏตัวในลานเรือนพร้อมไอสังหารที่คละคลุ้ง เยียนอ๋องเบิกตาโพลงอ้าปากค้างในบัดดล มุมปากสั่นจนเป็นพาร์กินสัน
“สาม……”
เซียวปี้เฉิงมีเปียสามเส้นอยู่บนยอด กัดฟันกรอด ๆ “อวี้จือ หญิงอัปลักษณ์นั่นหลบไปไหนแล้ว!”
เยียนอ๋องถูกไอสังหารของเขาจนตัวสั่นไปทั่ว ไม่กล้าหัวเราะแม้แต่นิดเดียว “นาง ๆๆ……หลบไปที่เรือนกุยเถียนแล้ว เสด็จปู่อยู่ที่นั่นน่ะ”
แม่เจ้าโว้ย ฉู่หยุนหลิงกล้าทำกับพี่สามถึงเพียงนี้!ช่างใจกล้าจริง ๆ!
“ลู่ชี!”
“กระหม่อมอยู่นี่!”
“ไปตามเจ๋อเฟิง กับนำองครักษ์มาสองสามนาย ตามข้าไปจับคน!”
เยียนอ๋องหัวหด เตือนเขาอย่างกลัว ๆ “พี่สาม……ผมของท่าน……”
จะไม่จัดให้เรียบร้อยก่อนหรือ?
สีหน้าเซียวปี้เฉิงแน่นิ่ง แล้วจึงยื่นมือไปแกะเปียสามเปียด้วยหน้าตาไม่พอใจ จากนั้นแม้แต่หวีก็ไม่ทันได้หวี นำองครักษ์สองสามนายบุกไปยังเรือนกุยเถียนทั้งผมดำยุ่ง ๆ อย่างนี้
“ตงเทียน มาเข็นรถเข็นให้ข้า รีบไปเรือนกุยเถียน!”
เยียนอ๋องก็ไม่มีเวลาสนใจที่จะกินข้าวแล้ว พี่สามจะสั่งสอนหญิงชั่ว ไม่เกรงกลัวแม้แต่เสด็จปู่ นี่เป็นจังหวะที่จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!
หยุนหลิงวิ่งเข้าไปที่เรือนกุยเถียนอย่างกับไฟรนก้น กวาดตาหาเงาของไท่ซ่างหวงไปทั่ว
เวลานี้ไท่ซ่างหวงเป็นที่พึ่งดั่งขุนเขาที่ใหญ่ที่สุดของนาง หากแม้นเซียวปี้เฉิงแตะต้องแม้เส้นผมของนาง ต้องถูกเสด็จปู่ฟาดจนปูดเป็นซาลาเปาไปทั่วแน่!
“ไท่ซ่างหวง!ไท่ซ่างหวง!”
หยุนหลิงเดินตะโกนเรียกรอบเรือนอยู่สองสามรอบ ไม่พบเงาของไท่ซ่างหวง
ภายในเรือนกุยเถียนว่างเปล่าไร้ผู้คน ที่ลานเรือน มีเพียงไก่เป็ดห่านร้องจอแจไม่หยุด
“ฉู่หยุนหลิง!หยุดนะ!”
ในเวลานี้ เซียวปี้เฉิงพาลู่ชีกับองครักษ์สองสามนายมาถึงประตูเรือน
หยุนหลิงกระแอมในลำคอ เปล่งเสียงว่า “เจ้าบอด ท่านคิดจะทำอะไร!ระวังเถอะหม่อมฉันจะให้ไท่ซ่างหวงเขกกะบาลท่าน!”
เดิมทีถ้าหยุนหลิงยอมรับผิดดี ๆ ล่ะก็ ไม่ใช่ว่าเขาจะปล่อยอีกฝ่ายไปไม่ได้
แต่พอได้ยินคำพูดนี้ของหยุนหลิงไม่เพียงไม่กลัวเพราะมีคนหนุนหลัง ยิ่งกว่านั้นยังไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิดเดียว ทำให้เซียวปี้เฉิงโกรธขึ้นอีก
หญิงอัปลักษณ์น่าชังอย่างเจ้า!
เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ทำอะไร?ข้าก็แค่หนามยอกจะเอาหนามบ่งเท่านั้นเอง!”
“ลู่ชี เจ๋อเฟิง!จับตัวนางเอาไว้!”
สีหน้าเย่เจ๋อเฟิงเฉยเมยก้าวมาข้างหน้า “พระชายา ขอล่วงเกินท่านแล้ว!”
“อ๊ะ ผุย!ไหนว่าเป็นองครักษ์ประจำตัว พอจวนเจียนกลับทรยศ!ข้าจะปลดเจ้าออก!”
หยุนหลิงจ้องไปที่เย่เจ๋อเฟิง นางรู้ว่าคนผู้นี้พึ่งไม่ได้
“พระชายายอมให้จับโดยดีดีกว่า อย่าให้พวกกระหม่อมลำบากใจ”
แน่นอนหยุนหลิงไม่ยอมให้จับโดยดีแน่ นางกวาดตามองเพิงที่ล้อมด้วยรั้วไม้ไผ่ที่อยู่ข้างหลัง แล้วหลบไปซ่อนตัวอยู่กับพวกสัตว์ปีก
กระบี่ของเย่เจ๋อเฟิงตามมาอย่างรวดเร็ว ตัดรั้วไม้ไผ่ด้วยกระบี่ตวัดเดียว ทำให้หยุนหลิงไม่มีที่หลบ
เหตุการณ์ไม่คาดฝันต่อมาคือ ฝูงไก่เป็ดห่านก็ออกมาเป็นแถวยาวเหยียด กระเจิดกระเจิงด้วยความตกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ