พอหยุนหลิงเอ่ยออกมา เซียวปี้เฉิงก็รีบเก็บรอยยิ้ม “หญิงอัปลักษณ์ เจ้าอย่ามาหลงรักข้าก็แล้วกัน ระหว่างข้ากับเจ้าไม่มีทางลงเอยกันได้อย่างแน่นอน”
มุมปากของหยุนหลิงสั่นเทาจนจะเป็นตะคริว “บางครั้ง ข้าก็อยากเขกกบาล กระบาลเจ้าสักสองสามทีจริง ๆ”
คิดว่าคราวก่อนทะเลาะกันแล้วเจ้าหมอนี่แพ้จนสะเทือนจิตใจเข้า สองวันมานี้ไม่มีอะไรทำก็มักจะแขวะนางสักหน่อยจะได้สบายใจ
“คนหยาบคาย”
เซียวปี้เฉิงถอนใจเบา ๆ สีหน้าเอือมระอา
ไว้เด็กคลอดออกมาแล้ว อย่าให้ฉู่หยุนหลิงเลี้ยงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเด็กที่นางสอนมาจะกลายเป็นยังไง
หยุนหลิงขี้เกียจเถียงกับเด็กประถม “ศีรษะของท่านตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง วิงเวียนหรือว่าปวดหัว?”
ถ้ารู้สึกวิงเวียนละก็ ต้องนวดก่อนสักสองสามวันถึงจะฝังเข็มรักษาดวงตาได้ ถ้ารู้สึกเจ็บปวด อย่างนั้นต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่งก่อนถึงจะดี
“ไม่วิงเวียนแล้วก็ไม่ปวด แต่กลับรู้สึกเบาหวิว”
เซียวปี้เฉิงก็ประหลาดใจ ไม่รู้ว่านางใช้วิชามารอะไร หลังจากเจ็บปวดอย่างรุนแรงในเวลาสั้น ๆ เขาก็รู้สึกศีรษะส่วนหน้าปลอดโปร่งผ่อนคลายกว่าที่เคย
หยุนหลินเลิกคิ้วมองเซียวปี้เฉิงสักพัก ในสายตาสะท้อนความประหลาดที่ไม่อาจปกปิดได้
นึกไม่ถึงว่าสมรรถภาพทางกายและทางใจของเจ้าบอดจะสูงส่งเช่นนี้ นี่ถ้าเอาไปไว้ที่องค์กรต้องเป็นเป้าในการปลูกฝังที่สำคัญอย่างแน่นอนอน และสามารถฝึกพลังวิญญาณออกมาได้สำเร็จแน่
“ก็ดี อย่างนั้นหม่อมฉันจะฝังเข็มให้” หยุนหลิงดึงมงกุฎผมของเขาออก ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม “แต่ผมของท่านเป็นอุปสรรคเล็กน้อย ถ้ายังไงข้าโกนออกให้ท่านก่อนดีกว่า แล้วข้าจะทำน้ำยาปลูกผมให้ท่าน ใน 3 เดือนก็ยาวกลับมาแล้ว”
ใบหน้าเซียวปี้เฉิงก็ดำทะมึนเหมือนก้นหม้อขึ้นมาทันที “ข้าจะคิดว่าเจ้าฉวยโอกาสล้างแค้นได้ไหม?”
โกนเป็นเจ้าโล้น?แล้วเขาจะมีหน้าไปพบผู้คนมั๊ย?
“อ้อ จริงสิ ข้าลืมไป พวกท่านพิถีพิถันกับรูปร่างผิวพรรณเส้นผมที่ได้รับจากบิดามารดา จะเที่ยวโกนหัวไม่ได้”
เซียวปี้เฉิงแอบคิดในใจ ฉู่หยุนหลิงเป็นนางมารจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะพูดอย่างนี้ได้ยังไง
“ในเมื่อไม่สามารถโกนได้ ข้าจะมัดให้ท่านก่อน จะได้ไม่ขวางการฝังเข็มของข้า”
เซียวปี้เฉิงไม่มีความเห็น ทั้งที่ฉู่หยุนหลิงทำเพื่อรักษาดวงตาของเขาได้สะดวก
หยุนหลิงจับเส้นผมดำที่เงางามเหมือนเส้นไหมของเซียวปี้เฉิง เมื่อนึกถึงคำที่เขาแขวะนางเมื่อสักครู่ สายตาก็ขยับเล็กน้อย มุมปากโค้งขึ้น แผนร้ายก็ปรากฏขึ้น
เจ้าบอดตัวดี เป็นปฏิปักษ์กับข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้อย่าหาว่านางไร้ความปรานีก็แล้วกัน!
เซียวปี้เฉิงรู้สึกถึงนิ้วเรียวยาวของนางผ่านเส้นผมของเขา สัมผัสหนังศีรษะและหลังใบหูเป็นช่วง ๆ ที่ ๆ ปลายนิ้วผ่านราวกับมีกระแสไฟทำให้เสียวซ่าน กระตุ้นให้เขารู้สึกสั่นไหวแปลก ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน หยุนหลิงก็หยุดเคลื่อนไหว
“ท่านอ๋อง ข้าจะเริ่มฝังเข็มแล้วนะ ท่านอย่าขยับไปมาเด็ดขาด”
เซียวปี้เฉิงผ่อนคลายลมหายใจออก ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า เขามักจะรู้สึกว่าเสียงของหยุนหลิงแปลก ๆ เหมือนกลั้นขำไว้อย่างนั้น
“ข้ารู้”
หยุนหลิงชื่นชมผลงานชิ้นเอกของนางอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เริ่มฝังเข็มบนจุดฝังเข็มแต่ละจุด
หยุนหลิงไม่พูดอะไรอีก ในเข็มแต่ละเล่มผนวกพลังวิญญาณอยู่ เวลาฝังเข็มจำเป็นต้องรวบรวมพลังวิญญาณ จดจ่อกับจิตใจ
เซียวปี้เฉิงหลับตาทำสมาธิ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดหยุนหลิงก็ดึงเข็มที่มีอยู่บนศีรษะเขาทั้งหมดออก
หยุนหลิงบิดขี้เกียจ อ้าปากหาวจนน้ำตาไหล พูดไม่เป็นภาษาว่า “หิวจะแย่แล้ว เจ้าบอด พวกเรารีบไปกินข้าวเย็นกันเถอะ”
อาจเป็นเพราะตั้งครรภ์เป็นเหตุ ทุกครั้งที่เสียพลังวิญญาณไป ร่างกายก็จะหิวจนทนไม่ไหว ไม่รู้ว่าเจาเหรินตี้จะส่งจี้อุกาบาตมาเมื่อไหร่
เซียวปี้เฉิงลืมตาทั้งคู่ด้วยจิตใต้สำนึก เกิดความตกใจ
สายตาของเขาเหมือนจะสว่างกว่าเมื่อก่อน ในสายที่พร่ามัว เห็นเงาตะคุ่มรำไรเยอะขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ