บทที่ 33 ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ – ตอนที่ต้องอ่านของ องค์ชายาหมื่นพิษ
ตอนนี้ของ องค์ชายาหมื่นพิษ โดย หลิงหลิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 33 ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ายินดีใหญ่โตเรื่องหนึ่ง ข้าจะกลับไปจวนบอกข่าวดีนี้ให้ท่านพ่อกับพี่ชายทราบ ให้พวกเขาได้ดีใจด้วย”
ฉู่หยุนหานรักษารอยยิ้มบนใบหน้าให้เหมาะสมไม่ให้บิดเบี้ยวอย่างที่สุด ทำให้เหมือนดีใจออกมาจากใจ
“วันหน้าตอนมาเยี่ยมท่านพี่ ข้าจะเตรียมของขวัญมาแสดงความยินดีด้วยอย่างแน่นอน”
เอ่ยปากหาเหตุแบบขอไปทีแล้วฉู่หยุนหานก็กลับไป
นางอยู่จวนจิ้งอ๋องต่อไปไม่ไหวแม้แต่นาทีเดียวแล้ว เพราะเกรงจะควบคุมตัวเองไม่อยู่กระโจนเข้าไปฉีกรอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนหลิง
เย่เจ๋อเฟิงขมวดคิ้วมองไปยังข้างหน้า สีหน้าไม่สามารถบดบังความกังวลได้ “หยุนหาน!”
แสงแดดรำไรสาดผ่านเศษใบไม้ลงมา ด้านหลังของฉู่หยุนหานดูแล้วช่างวังเวงใจ
สิ้นเสียงเรียกของเขา สีหน้าเซียวปี้เฉิงฉายแววสับสนแล้วก็เลือนหายไปเปิดปากเอ่ยว่า “เจ๋อเฟิง เจ้าคุ้มครองนางกลับไปยังจวนเหวินกั๋วกงที”
สายตาของหยุนหลิงมองไปยังใบหน้าของเซียวปี้เฉิงอย่างไม่ตั้งใจ นัยน์ตาแฝงไปด้วยความครุ่นคิด
แม้ว่าเมื่อสักครู่เจ้าบอดจะพูดคุยอยู่กับนาง แต่ท่าทางยังมีเยื่อใยต่อฉู่หยุนหานอยู่
นั่นน่ะสิ ยังไงเขาก็รักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก
ฉู่หยุนหานเดินออกจากลานเรือนอย่างรวดเร็ว จนมาถึงประตูใหญ่จวนจิ้งอ๋องจึงสงบนิ่งลงได้
หลังจากได้สติคืนมา นางก็คิดถึงคำพูดของเซียวปี้เฉิงที่นางข้ามไปเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที
เมื่อสักครู่หากฟังไม่ผิด เซียวปี้เฉิงบอกว่าหยุนหลิงกำลังรักษาเขากับเยียนอ๋องอยู่?
“หยุนหาน!ข้ามาส่งเจ้ากลับจวน”
ฉู่หยุนหานเหลียวหันกลับมาเห็นเย่เจ๋อเฟิงก็ตั้งสติ “ศิษย์พี่ พี่ปี้เฉิงบอกว่า ต่อไปให้พี่สาวถวายการรักษานี่เรื่องราวเป็นมายังไง?”
“เห็นท่านแม่ข้าบอกว่า เป็นพระบัญชาของฝ่าบาท”
นัยน์ตาของฉู่นหยุนหานฉายแววความตกใจ “พระบัญชาของฝ่าบาท?”
“ถูกต้อง”
สายตาของเย่เจ๋อเฟิงสับสนเล็กน้อย เห็นชัด ๆ ว่าเขาไม่ชอบหยุนหลิง แต่ก็นับถือนางอย่างจริงใจ
“พิษเย็นของท่านเยียนอ๋อง ฉู่หยุนหลิงก็เป็นผู้รักษาให้หาย ไม่เพียงเท่านี้ หลายวันก่อนไท่ซ่างหวงหกล้มเหมือนคนตายทั้งเป็น ขนาดท่านแม่ข้าเองยังจนปัญญา ฉู่หยุนหลิงกลับใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วยามก็ทำให้ไท่ซ่างหวงฟื้นได้”
พอได้ยินเช่นนี้ฉู่หยุนหานก็ตกใจจนหน้าถอดสีทันที
“อะไร?”
คิดไม่ถึงว่าฉู่หยุนหลิงจะมีฝีมือการแพทย์?ทำไมนางไม่เคยรู้มาก่อน?
“หากไม่ได้ยินจากปากท่านแม่ของข้า ข้าก็ไม่เชื่อว่าฉู่หยุนหลิงจะมีฝีมือการแพทย์สูงเช่นนี้”
เย่เฟิงเข้าใจแค่ว่าฉู่หยุนหานตกใจเรื่องที่หยุนหลิงมีฝีมือการแพทย์สูงส่ง แต่เมื่อรู้ว่าเขาได้ยินว่าหยุนหลิงปลุกไท่ซ่างหวงที่เหมือนคนตายให้มีชีวิตได้ การแสดงออกทางสีหน้าจึงดูจะเกินกว่าอีกฝ่าย
“หลังจากฝ่าบาททรงทราบ จึงมีพระบัญชาให้ฉู่หยุนหลิงรับผิดชอบรักษาพวกเขาสองคน เห็นฉู่หยุนหลิงอ้างว่า ขอเวลาแค่ 2 เดือนก็สามารถทำให้เซียวปี้เฉิงมองเห็น และทำให้ท่านเยียนอ๋องลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง”
เบื้องหน้าฉู่หยุนหานมืดลงทันที
หากเซียวปี้เฉิงได้เห็นแสงตะวันอีกครั้งจริง เช่นนั้นที่นางทำทุกวิถีทางผลักเขาให้กับฉู่หยุนหลิงจะไม่กลายเป็นเรื่องขบขันหรอกหรือ?
“พี่ปี้เฉิง……”
เสียง “โครม” ดังสนั่นขึ้นในหัวของนาง ไม่ได้ยินคำใด ๆ แม้แต่คำเดียว กลับถึงจวนเหวินกั๋วกงด้วยความงุนงงตลอดทาง
หลังจากเย่เจ๋อเฟิงกลับไปจึงค่อยมีสติ รีบเร่งคลุกคลานไปยังเรือนของเหลียนฮูหยิน
การไปจวนจิ้งอ๋องวันนี้ ข่าวการตั้งครรภ์ของหยุนหลิงกับฝีมือการแพทย์ของนางสองข่าวนี้ ดุจดั่งสายฟ้าฟาดลงพสุธาจนสตินางต้องกระเจิง
……
ณ จวนจิ้งอ๋อง
พอฉู่หยุนหานกลับไป เซียวปี้เฉิงก็เอ่ยว่า “หมัวมัวไปทำงานเถิด หยุนหลิงนางจะรักษาดวงตาให้ข้า ส่วนเสด็จปู่ยังต้องการให้ท่านดูแล”
เขาถอนใจเบา ๆ เปลี่ยนเรื่องคุยว่า “มีอะไรให้น่าดีใจ?”
แม้จะมองไม่เห็น เซียวปี้เฉิงกลับฟังน้ำเสียงมีความสุขของหยุนหลิงออก
“อุตส่าห์มีคนใส่ใจข้า แน่นอนข้าก็ต้องดีใจสิ”
เซียวปี้เฉิงกำลังเพลิดเพลินกับการนวดของหยุนหลิงก็เลิกคิ้วขึ้น “ไม่ค่อยมีคนสนใจเจ้าหรือ?”
“เมื่อก่อนก็มีสองสามคนน่ะ ตอนนี้ไม่อยู่กันแล้ว”
น้ำเสียงของหยุนหลิงแฝงความเศร้าไม่อาจสัมผัสได้ อันที่จริงนางเป็นคนที่อ่อนไหวต่อรายละเอียดเล็กน้อยง่ายมาก
คนที่ใส่ใจนางอย่างแท้จริงในชาติก่อน คือเจ้าหนึ่งกับพวกที่เติบโตมาด้วยกันในองค์กร
เซียวปี้เฉิงกลับเข้าใจคำพูดนางผิด นึกว่านางพูดถึงมารดาผู้ให้กำเนิดกับเหล่าไท่จวิน
“ปกติหากเจ้าคิดถึงบ้านขึ้นมาก็ให้ลู่ชีส่งเจ้ากลับจวนเหวินกั๋วกงก็ได้”
อยู่ ๆ เซียวปี้เฉิงก็คิดขึ้นมาได้ว่า แม้หยุนหลิงจะเป็นบุตรีเพียงผู้เดียวของภรรยาเอกในจวนเหวินกั๋วกง แต่กลับไม่เป็นที่โปรดปรานตั้งแต่เด็กเพราะปานบนใบหน้า
ไม่ว่าซื่อจื่อเฒ่าหรือพี่ใหญ่ฉู่หยุนเจ๋อ เหมือนลำเอียงเอ็นดูฉู่หยุนหานกันหมด ที่คนภายนอกชื่นชมกันก็คือนาง เมื่อเอ่ยถึงหยุนหลิง ส่วนใหญ่มีแต่ตำหนิกับหัวเราะเยาะ
เซียวปี้เฉิงคิดว่า มิน่านางจึงรู้สึกปักใจต่อตวนอ๋องเพราะคำพูดไม่กี่คำที่ปกป้องนาง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ๆ เขาก็ไม่สบายใจขึ้นมา
หยุนหลิงเบะปาก “ไม่มีธุระอะไรข้าก็ไม่กลับไปหาเรื่องไม่สบายใจหรอก คราวหน้าทะเลาะกับท่านพ่ออีกข้าไม่รับรองว่าจะควบคุมตัวเองได้”
ไม่แน่อาจจะรื้อหลังคาจวนเหวินกั๋วกงทิ้งเลยก็ได้
เซียวปี้เฉิงยังจำพฤติกรรมนักเลงเสเพลครั้งก่อนของนางได้ จนอดขำไว้ไม่อยู่
พอเห็นสภาพ หยุนหลิงก็เอ่ยด้วยความสงสัยว่า “เจ้าบอด ที่แท้เจ้าก็หัวเราะเป็น ข้านึกว่าหน้าเจ้าเป็นอัมพาตซะอีก”
เจ้าหมาหนุ่มไร้ประโยชน์ตัวนี้แม้จะน่าต่อย แต่พอยิ้มขึ้นมาก็ดูดีทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ