พอเซียวปี้เฉิงได้ยินเสียงนี้ ก็รีบยกศีรษะออกจากอ้อมอกของหยุนหลิงอย่างรวดเร็ว สีหน้าแดงระเรื่ออย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“ทำไมอยู่ ๆ เจ้าถึงมาที่นี่ได้?”
เหตุการณ์น่าอายเมื่อสักครู่ถูกคนรอบข้างเห็น น้ำเสียงเซียวปี้เฉิงจึงเจือไปด้วยความเซ็งเล็กน้อย
ฉู่หยุนหานกลับเข้าใจผิด คิดว่าเซียวปี้เฉิงไม่อยากพบนาง
สีหน้านางซีดเล็กน้อย ตัวสั่นเทา รวบรวมกำลังเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ข้าได้ยินจากพี่ใหญ่ว่า ท่านพี่กับพี่เขยกลับจากวังหลวงแล้วจึงมาเยี่ยมเยียนเสียหน่อย……”
ฉู่หยุนหานมาสืบสถานการณ์จวนจิ้งอ๋องโดยเฉพาะ
คราวก่อนนางจงใจสั่งให้คนปล่อยข่าวเรื่องหยุนหลิงทำเยียนอ๋องบาดเจ็บให้หวงกุ้ยเฟยทราบ เพื่อจะยืมมืออีกฝ่ายระงับความโอหังของหยุนหลิง เพื่อนางกับมารดาจะได้มีโอกาสวิจารณ์เรื่องผิงชี
แต่คนทั้งสองพอเข้าวังก็ไปเสียหลายวัน ระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นพวกนางไม่มีเส้นสายพอจึงไม่ได้ข่าวอะไร
“ครั้งนี้พี่ปี้เฉิงกับวี่จือเข้าวังไปเป็นเวลานาน หม่อมฉันคิดถึงเหลือเกิน ไม่ทราบว่าถูกภารกิจอันใดรั้งตัวท่านไว้?”
กระทั่งเซียวปี้เฉิงกลับมาที่จวน ฉู่หยุนหานจึงทราบว่าเยียนอ๋องก็กลับมาที่จวนจิ้งอ๋องด้วยจึงประหลาดใจขึ้นมาทันใด
หากหวงกุ้ยเฟยโทษเซียวปี้เฉิงกับหยุนหลิงขึ้นมาจริง ๆ ย่อมไม่อนุญาตให้เยียนอ๋องติดตามมาด้วย ระหว่างนี้ต้องเกิดเรื่องที่เหนือความคาดหมายของพวกนางแน่
พอฉู่หยุนหานเตือน เซียวปี้เฉิงก็นึกถึงเรื่องที่องค์หญิงหกถูกยุยงให้ฟ้องขึ้นมาในทันที สภาพจิตใจของเขาสับสนในฉับพลันจากนั้นก็กลับสู่ปกติอย่างรวดเร็ว
“เสด็จปู่หกล้ม ข้ากับหยุนหลิงจึงอยู่ปรนนิบัติรักษาในวัง”
สีหน้าเซียวปี้เฉิงเฉยชา น้ำเสียงฟังไม่ออกถึงอารมณ์ใด ๆ
ฉู่หยุนหานได้ยินเขาเรียกฉู่หยุนหลิงอย่างสนิทสนม ดวงตาก็ฉายประกาย อดกำนิ้วมือแน่นไม่ได้
“เช่นนั้นตอนนี้เสด็จปู่ดีขึ้นแล้วหรือ?”
“ดีหรือไม่ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
หยุนหลิงเลิกคิ้วขึ้น ขัดจังหวะการทักทายของนางกับเซียวปี้เฉิง “ทำไมเจ้าเข้ามาโดยไม่เคาะประตู และก็ไม่บอกกล่าวกันสักคำ คิดว่าเป็นบ้านตัวเองหรือไง?”
คำพูดเช่นนี้ของหยุนหลิงไร้ซึ่งความเกรงใจอย่างยิ่ง ฉู่หยุนหานยังไม่ทันได้เอ่ยคำใด เย่เจ๋อเฟิงที่เฝ้าอยู่นอกประตูก็อดใจไม่ไหวเอ่ยปากปกป้องนาง
“หยุนหานโตมากับท่านอ๋อง แน่นอนความสัมพันธ์ย่อมต่างจากคนอื่น อีกทั้ง 2 ปีมานี้นางก็ช่วยงานอาจารย์หลินซินมาโดยตลอด รักษาอาการป่วยให้กับท่านอ๋องทั้ง 2 ท่านอ๋องจึงอนุญาตให้นางเข้าออกจวนจิ้งอ๋องตามอำเภอใจโดยไม่ต้องรายงาน”
สีหน้าหยุนหลิงเฉยเมยมองดูเย่เจ๋อเฟิงสักพัก
ต่อหน้านางอีกฝ่ายมีท่าทีห่างเหิน ทำตัวอนุรักษนิยม ตอนปกป้องฉู่หยุนหานกลับไม่เห็นกฎเกณฑ์ที่ต้องเคารพอยู่ในสายตา
ลู่ชีก็ซื่อบื้อ ไม่รู้จักที่ตายช่วยขัดขึ้นมาว่า “นั่นสิพระชายา คุณหนูรองไม่ใช่คนอื่น เมื่อก่อนท่านอ๋องเคยบอกว่า ให้คุณหนูรองเห็นจวนจิ้งอ๋องเป็นเหมือนบ้านตัวเองเสีย อีกอย่างท่านกับคุณหนูรองก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ก็ยิ่งไม่ต้องแบ่งแยก!”
เวลานี้ เฉินหมัวมัวรีบตามหลังตงชิงมา
ตั้งแต่ฉู่หยุนหานย่างก้าวเข้ามาในจวนจิ้งอ๋อง ตงชิงก็ได้กลิ่นความตึงเครียดมาแล้ว
คนจวนจิ้งอ๋องทั้งจวนต่างอยู่ข้างฉู่นหยุนหาน มีเพียงไท่ซ่างหวงกับเฉินหมัวมัวเข้าข้างคุณหนู นางไม่กล้ารบกวนไท่ซ่างหวง ได้แต่ไปฟ้องเฉินหมัวมัว
พอมาถึงก็ได้ยินลู่ชีพูดจาไม่ยั้งคิด สีหน้าเฉินหมัวมัวเปลี่ยนเล็กน้อย ตงชิงโกรธแทบตาย จ้องลู่ชีตาเขม็ง หยุนหลิงกลับไม่โกรธ นางยิ้มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง ไร้ระเบียบแบบแผนเช่นนี้ผู้อื่นจะหัวเราะเยาะเอาได้”
พอเย่เจ๋อเฟิงได้ยินนางพูดเช่นนี้ สีหน้าเปลี่ยนดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ