เช้าวันรุ่งขึ้น เซียวปี้เฉิงจัดองครักษ์ประจำตัวไปรับคำสั่งที่เรือนหลั่นชิง
ผู้ที่มาอายุราว ๆ 20 ปี ดวงตาคมราวกระบี่คิ้วเรียวราวหางดาวเคราะห์ ดวงตาทั้งคู่ฉายประกาย ฝีเท้ามั่นคง ดูก็รู้ว่าเป็นผู้มีวรยุทธ
“กระหม่อมเย่เจ๋อเฟิง ถวายพระพรพระชายา!”
เย่เจ๋อเฟิง บุตรชายคนเดียวของหลินซิน
เขาอายุน้อยกว่าเซียวปี้เฉิงไม่กี่เดือน แม้จะเป็นศิษย์น้องของเซียวปี้เฉิง แต่ก็เป็นศิษย์พี่ของฉู่หยุนหาน
หยุนหลิงมองเย่เจ๋อเฟิงตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของอีกฝ่ายก็มองนางอย่างไม่เคอะเขิน ในสายตาเต็มไปด้วยความเฉยชากับแววการสำรวจ
“ข้าได้ยินท่านอ๋องเล่าว่าพวกท่านเติบโตมาด้วยกัน สนิทสนมเป็นมือเป็นเท้าให้กัน กระนั้น ต่อไปในจวนก็ต้องมากพิธีรีตอง”
เย่เจ๋อเฟิงนับว่าเป็นคนเก่งที่มีไม่มากนัก หยุนหลิงฟังลู่ชีเล่าว่า ตอนที่เขาร่วมรบกับเซียวปี้เฉิง ก็ต่อสู้ ทำผลงานไม่น้อย
เพียงแต่เขาไม่ชอบวงการราชการมาแต่ไหนแต่ไร ชอบถือกระบี่ท่องไปในยุทธภพเพียงลำพัง ดังนั้นจึงไม่เคยรับการแต่งตั้งตำแหน่งขุนนางใด ๆ
กิริยาของหยุนหลิงยังนับว่าสุภาพอ่อนน้อม การที่เขาต้องมาเป็นองครักษ์เล็ก ๆ ประจำตัวของนางถือว่าเบียดบังความสามารถของเขาไม่น้อย
เย่เจ๋อเฟิงมือกุมกระบี่คารวะ สีหน้าเฉยเมย “บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง กระหม่อมมิบังอาจก้าวข้ามแม้แต่ครึ่งก้าว”
เสียดายที่ท่าทีของอีกฝ่ายเหมือนจะไม่รับน้ำใจเลย
เซียวปี้เฉิงเคยเอ่ยว่า คนอย่างเย่เจ๋อเฟิงสง่างามไร้พันธนาการ ไม่คร่ำครึถูกข้อบังคับผูกมัดที่สุด
ท่าทีในตอนนี้ เห็นชัด ๆ ว่ายังไม่ยอมรับนาง ค่อนไปทางเยียนอ๋องกับพวก ยังโกรธเคืองที่นางทำลายการอภิเษกของเซียวปี้เฉิงกับฉู่หยุนหาน
หยุนหลิงยักไหล่ไม่มากความอีก นำห่อยากับอุปกรณ์ฝังเข็มที่เตรียมไว้มายังเรือนเยี่ยนหุย
เย่เจ๋อเฟิงเดินตามอารักขานางอยู่ข้างหลังไม่ห่างโดยไม่เอ่ยคำใด ๆ
เยียนอ๋องนั่งอยู่บนรถเข็นพอดี หลินซินก็รออยู่นานแล้ว
“นี่คือห่อยาสำหรับแช่เท้า แช่ครึ่งชั่วยามทุกเช้าเย็น ก่อนแช่เท้าให้นวดขาก่อนเป็นเวลา 1 เค่อ (15นาที) แช่เสร็จจึงค่อยฝังเข็ม”
หยุนหลิงรู้เรื่องขาของเยียนอ๋องเป็นอย่างดี อาการของเจ้าหนูตอนนี้ยังไม่เข้าขั้นวิกฤต ก่อนหน้าเพราะถูกพิษเย็นขัดขวาง จึงเป็นเหตุให้มีความลำบากในการรักษา
ตอนนี้พิษเย็นได้ถูกขจัดออกไปแล้ว เพียงแค่ต้องอาบยาตามเวลาทุกวันควบคู่ไปกับการนวดฝ่าเท้าที่พิเศษและการฝังเข็ม การฟื้นฟูสมรรถภาพอยู่ที่ว่าช้าหรือเร็ว
เยียนอ๋องอดใจไม่ไหวเอ่ยว่า “หญิงชั่ว ถ้าข้าอยากจะยืนขึ้นอีกครั้ง ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?”
“ขอเพียงท่านต่อสู้ด้วยตัวท่านเอง ขยันทำกายภาพ ครึ่งปีก็เพียงพอแล้ว”
ฟังน้ำเสียงยืนยันของหยุนหลิงที่ดูท่าทางมั่นใจ เยียนอ๋องจึงสงบความเร่าร้อนในใจลงได้
เยียนอ๋องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “ในวันที่ข้ายืนได้จะไม่ลืมบุญคุณของเจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อก่อนเขาเคยเกลียดฉู่หยุนหลิง แต่วันนั้นตวนอ๋องพูดถูกว่านางไม่เคยทำเรื่องผิดต่อพระองค์เลย
กลับตรงกันข้าม ฉู่หยุนหลิงยังกำจัดพิษเย็นให้เขา แล้วยังช่วยไท่ซ่างหวงให้พ้นจากคนใกล้ตาย บัดนี้ยังรักษาขาทั้งคู่ของเขาและดวงตาของเซียวปี้เฉิง ถือว่ามีพระคุณใหญ่หลวงต่อพวกเขา
เขาไม่ใช่คนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี
“ข้าขอให้สัญญาในที่นี้ รับปากเจ้าหนึ่งเรื่อง ภายหน้าหากมีอะไรให้ข้าไปทำ ขอแค่ไม่ใช่เรื่องฆ่าคนวางเพลิง เมื่อรับปากแล้วจะทำให้ได้”
หยุนหลิงก็ไม่เกรงใจเขา “เช่นนั้นหม่อมฉันขอจดค่ายารักษาของท่านไว้ก่อนละกัน”
จากนั้นนางก็มองไปยังหลินซิน “อาจารย์หลิน ใน 3 วันนี้ข้าจะนวดฝ่าเท้าให้เจ้าหนูนี่ก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยขอให้ท่านลงมือแทนข้าต่อ เมื่อถึงเวลาฝังเข็มข้าจะมาอีกที”
การฝังเข็มต้องใช้พลังพลังวิญญาณกระตุ้น หลินซินไม่สามารถทำแทนได้ แต่นวดให้ได้
หลินซินพยักหน้า ตั้งอกตั้งใจดูหยุนหลิงนวดให้เยียนอ๋อง จดจำทักษะแต่ละขั้นในทุกวันของนางเอาไว้
ทักษะการนวดเฉพาะเหล่านั้น หลินซินไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต แต่พอไตร่ตรองอย่างละเอียด กลับสัมผัสได้ถึงความละเมียด ทำให้ผู้ที่ได้เห็นตาสว่าง ทะลุปรุโปร่ง
จิตใจของนางวุ่นวาย แม้จะรู้สึกไม่ดีต่อฉู่หยุนหลิง แต่อดยอมรับไม่ได้ว่า ทักษะการแพทย์ของอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่านาง
การฝังเข็มให้เยียนอ๋องครั้งนี้ไม่ได้เสียพละกำลังเท่าไหร่ หยุนหลิงเก็บอุปกรณ์ฝังเข็มแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังเรือนผู้ป่วยหมายเลข 2 เซียวปี้เฉิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ