“อ้อ? ท่านอ๋องถึงกับเจาะจงมาขอโทษด้วยเรื่องนี้ ช่างให้ข้ารู้สึกประหลาดใจนัก!”
หยุนหลิงทำเป็นตกใจ เสียดสีค่อนขอด
เซียวปี้เฉิงมุมตากระตุก กำหมัดแน่น “ที่ข้ามา ยังมีอีกเรื่องที่ต้องการพูดกับเจ้า”
“เรื่องอันใด” หยุนหลิงกะพริบตาปริบ ถามอย่างทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
เซียวปี้เฉิงเล่าสถานการณ์ของเยียนอ๋องด้วยเสียงทุ้ม “ขาขวาของอวี้จือเจ็บรุนแรงมาก เจ้าไปฝังเข็มให้เขาเดี๋ยวนี้”
คล้ายหวั่นใจว่าฉู่หยุนหลิงจะไม่รับปากเพราะความขัดแย้งก่อนหน้านี้ ไม่รอให้นางเอ่ยปาก เซียวปี้เฉิงก็พูดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ชิงตัดหน้าก่อน
“เมื่อวานเจ้ารักษาให้อวี้จือ เป็นการทำคุณถ่ายโทษสมแก่เหตุผล อีกทั้งเขายังมีเมตตาใจกว้าง เก็บเรื่องนี้ไม่แพร่งพรายโดยเฉพาะ มิเช่นนั้นหากรู้ไปถึงหูหวงกุ้ยเฟย เจ้าก็ยากจะรอดพ้นจากโทษเป็น”
หยุนหลิงเลิกคิ้วนิดๆ นางย่อมไปรักษาขาที่ปวดเวลาอากาศหนาวของเยียนอ๋องอยู่แล้ว
เดิมก็ไม่ต้องขอร้องนาง แค่อธิบายไว้วานเป็นพอ แต่ท่าทีของเซียวปี้เฉิงทำให้นางไม่สบอารมณ์
แม้จะขุ่นเคืองอยู่ในใจ แต่หยุนหลิงก็ยังแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตร
“เยียนอ๋องปิดเรื่องเมื่อวาน ช่างมีเมตตาใจกว้างจริงๆ แล้วยังทำเพื่อคนบางคนด้วย คาดว่าท่านอ๋องน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ”
หยุนหลิงรู้จากความทรงจำ เซียวปี้เฉิงสูญเสียมารดาแต่ครั้งเยาว์วัย ภายหลังถูกส่งไปเลี้ยงดูกับหวงกุ้ยเฟย ด้วยเหตุนี้จึงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเยียนอ๋อง
แต่หลังจากเยียนอ๋องถูกลอบโจมตีพิการขาทั้งสองข้าง หวงกุ้ยเฟยก็พาลโกรธเซียวปี้เฉิง โยนความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่เขา บัดนี้ความสัมพันธ์มารดาบุตรตึงเครียดเต็มพิกัด
แม้คนที่ทำร้ายเยียนอ๋องคือฉู่หยุนหลิง แต่หากข่าวที่เยียนอ๋องได้รับบาดเจ็บในจวนจิ้งอ๋องแพร่ออกไป หวงกุ้ยเฟยต้องเอาเรื่องเซียวปี้เฉิงแน่นอน
ดังนั้นเยียนอ๋องจึงเจาะจงปิดเรื่องนี้
เป็นตามคาด หลังจากได้ยินอย่างนี้แล้ว เซียวปี้เฉิงก็นิ่งงัน
ฉู่หยุนหลิงมีสติปัญญาเหนือกว่าที่เขาจินตนาการ และไม่ตกใจกับคำพูดเล็กน้อย
หยุนหลิงสีหน้าราบเรียบ “ไม่ขอปิดบัง ข้าไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะแพร่ออกไปหรอก หากหวงกุ้ยเฟยรู้เข้า ข้าก็อาศัยการรักษาพิษเย็นทำคุณถ่ายโทษได้ แต่ต้องไม่เป็นผลดีกับท่านอ๋องแน่”
ไม่เพียงไม่ตกใจ กลับยังใช้จุดอ่อนข่มเขาอีก
เซียวปี้เฉิงรู้สึกหนักอึ้ง
ระหว่างเขากับฉู่หยุนหลิงมีเรื่องบาดหมาง ต่างเกลียดชังแค้นอีกฝ่ายถึงที่สุด หากนางจงใจทำให้ลำบาก เรื่องนี้เขาก็ไร้หนทางแก้ไขจริงๆ
หยุนหลิงสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย รู้ว่าเขามีความคิดในใจแล้ว จึงไม่วางมาดอีก
“ท่านอ๋องยังจะยืนทื่ออยู่ทำไม เจ้าเด็กนั่นเจ็บขนาดนั้น รีบพาข้าไปสิ”
เซียวปี้เฉิงอึ้ง “เจ้าจะไประงับความเจ็บให้อวี้จือ?”
เดิมทีเขากำลังรอให้ฉู่หยุนหลิงหาเรื่องเขา สุดท้ายนางกลับมีเหตุมีผล ไม่คิดทำอะไรทั้งนั้น?
“ก็ท่านเรียกให้ข้าไปมิใช่หรือ หรือท่านอ๋องคิดว่าข้าจะฉวยโอกาสหาเรื่องท่าน” หยุนหลิงกลอกตาขาวที่เซียวปี้เฉิงมองไม่เห็น
“จริงอยู่ ถ้าเมื่อกี้ท่านอ๋องไม่พูดอย่างนั้น หรือมีท่าทีที่ดีอีกหน่อย ข้าก็อาจไปกับท่านอ๋องแล้ว”
หยุนหลิงยิ้ม “แต่ไปตอนนี้ก็นับว่ายังไม่สาย แค่ลำบากท่านเยียนอ๋องต้องอดทนนานหน่อยเท่านั้น”
นางเปิดทางให้เซียวปี้เฉิงลง
“เป็นข้าที่มีความคิดดั่งคนเลวทรามแล้ว”
เซียวปี้เฉิงเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย เขามองร่างขมุกขมัวท่ามกลางโลกอันมืดมิดนั้น แววตามีความซับซ้อนเล็กน้อย
“ตามข้ากับลู่ชีมาเถอะ”
ตงชิงประคองหยุนหลิงที่มีบาดแผลเต็มตัว เดินตามเซียวปี้เฉิงไปทางเรือนเยี่ยนหุยเงียบๆ
นางทึ่งอยู่ในใจ คุณหนูรู้วิชาการแพทย์ถึงขนาดนี้เชียวหรือ!
มิน่าล่ะ เมื่อก่อนคุณหนูถึงชอบขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ห้ามให้คนเข้าใกล้ ทุกคนต่างคิดว่านางไม่อยากพบคนเพราะหน้าตาอัปลักษณ์ ที่แท้ก็ศึกษาการแพทย์อยู่นี่เอง
ตงชิงดีใจลิงโลด คุณหนูมีความสามารถเพียงนี้ วิกฤตตรงหน้าก็คลี่คลายได้แล้ว
สายฤดูใบไม้ผลิพรำๆ
ระหว่างทางไปเรือนเยี่ยนหุย ในที่สุดเซียวปี้เฉิงก็อดเอ่ยปากไม่ได้
“ฉู่หยุนหลิง เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ