ฝูกงกงเอากล่องเล็กใส่เศษดาวตกสีแดงให้กับหยุนหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา อีกสามวันข้าน้อยจะมาเอาเศษดาวตกคืน”
ตอนนี้เจาเหรินตี้ยังไม่รู้ นี่เป็นการตัดสินใจที่เขาจะเสียใจที่สุด
เมื่อฝูกงกงกลับไปแล้ว หยุนหลิงรีบเอาเศษดาวตกออกมาวางบนโต๊ะ
นางปิดหน้าต่าง แสงภายในห้องมืดลง เศษดาวตกสีแดงขนาดเท่ากำปั้นทารกเปล่งแสงอ่อนๆ ดุจไข่มุกราตรีธรรมชาติ งดงามอย่างมาก
เป็นครั้งแรกที่เซียวปี้เฉิงเห็นหินก้อนนี้ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับรูปลักษณ์ที่ไร้ที่ติราวกับหยก
ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า ลึกๆแล้ว เขารู้สึกว่าหินก้อนนี้ดูเหมือนจะดึงดูดใจเขาอย่างอธิบายไม่ถูก
บางทีอาจเป็นเพราะเศษดาวตกดวงนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต เซียวปี้เฉิงจึงไม่คิดมาก
“ยัยปีศาจ เจ้าบอกว่าเศษดาวตกนี้ดีสำหรับการฝึกตนของเจ้า เจ้าเอามาใช้ฝึกตนยังไง?”
หยุนหลิงกำลังพยายามเชื่อมพลังระหว่างพลังจิตกับเศษดาวตกอย่างช้าๆ พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่ไม่สามารถควบคุมได้
“ปกติเพียงใช้พลังจิตเชื่อมกับเศษดาวตก จากนั้นรวบรวมตั้งจิตทำสมาธิก็ได้แล้ว”
เศษดาวตกแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรต่อบุคคลธรรมดา มีเพียงพลังจิตและพลังจิตที่มีศักยภาพเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษของมัน
บนใบหน้าเซียวปี้เฉิงฉายแววสับสน พร้อมพูดขึ้นว่า “เชื่อมกัน....? อะไรคือพลังจิต อะไรคือทำสมาธิ?”
คำที่แปลกประหลาดเหล่านี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“จะพูดว่าอย่างไรดีล่ะ....พลังจิตก็เหมือนอย่างพลังปีศาจหรือพลังเทพในความคิดของเจ้า การทำสมาธิก็คิดการนั่งทำสมาธิ ส่วนการเชื่อมสัมผัสกัน ก็คือการใช้ใจไปสัมผัสถึงการมีอยู่ของมัน ให้มันรู้จักสัมผัสถึงเจ้า”
หยุนหลิงอธิบายตามแบบที่เซียวปี้เฉิงสามารถเข้าใจได้
หินก้อนนี้จะสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของคนได้ยังไง?
เซียวปี้เฉิงรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อ หากเขาไม่เคยเห็นแสงที่น่าขนลุกเหล่านั้นด้วยตาของเขาเองมาก่อน จะต้องเห็นว่าหยุนหลิงเป็นเหมือนพวกมิจฉาชีพข้างนอกพวกนั้นแน่
ตอนนี้เซียวปี้เฉิงสงสัยในความเป็นมาอย่างลึกลับของหยุนหลิงอย่างมาก คิดถึงก่อนหน้านี้ที่นางใช้เส้นไหมสีขาวเรืองแสงเพื่อรักษาไท่ซ่างหวง ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ