องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1063

แม้ว่าในอาณาจักรฉินมีแม่ทัพ แต่ไม่มีใครสามารถปกป้องแนวเขตชายแดนและสกัดกั้นศัตรูที่มาจากทุ่งหญ้าได้เลยสักคน

เขามีแม่ทัพที่แข็งแกร่งอย่างแม่ทัพหวังเจี่ยนและหลี่ซิ่น แต่เขาขาดขุนศึกแบบหลี่กวาง ที่สามารถประจำทางเหนือและทำให้โจรทุ่งหญ้าเกรงกลัวได้

นั่นคือเหตุผลที่เขาขอให้จางฝูค้นหาคนที่มีพรสวรรค์ดังกล่าว

จางฝูยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า

“เรื่องนี้... เกรงว่าจะหาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

เขาหยุดแล้วพูดต่อ

“ท่านอ๋อง หากตอนนี้ไม่มีทหารข้ายังพอคิดหาวิธีได้ ตอนนี้พวกเราคุมประชาชนได้สองเมืองในถูเหอแล้ว อีกทั้งยังเป็นมิตรกับอาณาจักรฉินมากขึ้น บางคนคิดอยากจะเป็นทหารพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ท่านอ๋อง ท่านเองก็ทราบดีว่าพวกเราเป็นเขตพื้นที่คนยากจน คนส่วนใหญ่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเข้ากองทัพเลยพ่ะย่ะค่ะ”

จางฝูถอนหายใจอย่างหมดหนทางและพูดว่า

“อีกอย่างหากพบคนๆ ขึ้นมาจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่ามีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นแม่ทัพหรือไม่ หากต้องการหาใครสักคนที่คอยปกป้องเขตชายแดนได้ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระพ่ะย่ะค่ะ”

คำพูดของจางฝูทำให้ฉินเหยียนปวดหัว ดูเหมือนว่าเขาต้องใช้เวลาคิด

ในเวลานี้ หูของฉินเหยียนกระตุกเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาหยุดและมองไปข้างหนึ่ง

“ท่านอ๋อง? เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เมื่อจางฝูเห็นดังนั้นเขาถามออกไปทันที

ฉินเหยียนส่ายหน้าเพื่อบอกว่าเขาสบายดี

เพราะในเวลานี้ เขาสังเกตเห็นม้าตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาจากระยะไกล

ดูท่าแล้วต้องเป็นผู้ส่งสารของพี่เจ็ดจากเมืองเสิ่นมาส่งข่าวให้อย่างแน่นอน

ในไม่ช้า ผู้ส่งสารก็มาถึง ลงจากหลังม้าและคุกเข่าลงต่อหน้าอ๋องเหยียนและพูดด้วยความเคารพ

“เข้าเฝ้าอ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนยิ้มและพูดว่า “ลุกขึ้นมาเถิด มีข่าวจากเมืองเสิ่นมาหรือ?”

ผู้ส่งสารรายงานว่า “ท่านอ๋อง อ๋องอวี่ส่งจดหมายมาให้กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

“เอ๋? นำจดหมายมาให้ข้า” ฉินเหยยีนตอบ

ผู้ส่งสารรีบหยิบจดหมายออกมาแล้วส่งให้ฉินเหยียน

ฉินเหยียนเปิดและอ่านิเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไปจนน่าเกลียดมากขึ้น

“ท่านอ๋อง เกิดเรื่องอะไรหรือ?” จางฝูเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฉินเหยียนอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

“ฉินเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า

“ไม่เป็นอะไร ข้าต้องกลับไปที่จวนเจ้าเมืองก่อน หากเจ้ามีธุระอย่างอื่นรีบไปทำเถิด”

จางฝูตอบกลับ “พ่ะย่ะค่ะ เดินทางปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”

...

เมื่อกลับมาถึงจวนเจ้าเมือง ฉินเหยียนรีบเข้าไปยังห้องหนังสือ สั่งให้คนเรียกจ้าวจือหย่าให้เข้าพบ

ทันทีที่จ้าวจือหย่าเปิดประตูเข้าไป นางพลันเห็นสีหน้าเศร้าของอ๋องเหยียน

“ท่านอ๋อง มีเรื่องไม่สบายใจหรือเพคะ?” นางถามออกไปอย่างติดตลก

หากเกิดเรื่องขึ้นกับลูกบุญธรรมของเขา ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน

“ตอนนี้จะทันหรือ? พี่เจ็ดส่งจดหมายกลับมาให้ข้าบอกว่าเรื่องเกิดขึ้นเมื่อสองสามวันที่แล้ว รอพวกเราตอบกลับเมืองเสิ่น ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว”

ฉินเหยียนลูบหน้าตนเองอย่างหงุดหงิด

นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก หากไม่จัดการให้ดีจะส่งผลกระทบทั้งเยี่ยนเป่ยได้

เขาไม่มีเวลาจัดการกับเรื่องนี้ แม้ว่าเขารู้ว่าแม่ทัพสือไม่พอใจกับเรื่องนี้แน่

แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่ชาง เขาควรกลับไป เขาต้องกลับไป เช่นนี้ฝั่งเยี่ยนเป่ยจะต้องถูกหยุดเอาไว้ก่อน

จ้าวจือหย่าขมวดคิ้วและพูดว่า

“เมื่อก่อนข้าเคยคิดว่าหลี่ชางเป็นเด็กที่ทำงานได้อย่างสุขุมรอบคอบ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร?”

ฉินเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาอธิบายว่า

“เขาเป็นคนจิตใจดี อีกอย่างเป็นคนฉลาด การเคลื่อนไหวของตระกูลจางและชนเผ่านวี่ห์เจินแล้ว เขาคาดเดาว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ในเส้นทางขนเสบียงที่เทือกเขาเยี่ยนอย่างแน่นอน”

“เพื่อที่หยุดเรื่องทั้งหมด เขาต้องการโจมตีเจ้อหลี่มู่เหมิงให้ได้ ขอแค่เจ้อหลี่มู่เหมิงถูกทำลาย ก็สามารถมั่นใจได้ว่าชนเผ่านวี่ห์เจินจะไม่สร้างปัญหาลับหลังเราอีก และมีเพียงตระกูลจางเท่านั้นที่คิดร้ายกับเรา”

หลังจากที่ฉินเหยียนอธิบาย จ้าวจือหย่าก็อึ้งไป

หลังจากที่เงียบอยู่นาน นางพูดออกมาหนึ่งประโยคว่า

“ไม่สิ กองทัพสามพันคน คิดอยากต่อสู้กับเจ้อหลี่มู่เหมิงที่พวกชาวตาดยังสู้ไม่ได้น่ะหรือ?”

“ใช่ เด็กคนนี้ทำข้าอึ้งมากเลยทีเดียว” ฉินเหยียนกางมือออกมอย่างจนปัญญา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์