องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 136

"ข้าจะบอกอะไรพวกเจ้า การควบคุมอสนีบาตและการเรียกวารีแห่งสวรรค์ที่พวกเจ้าเห็นนั่นเป็นเพียงกลอุบายเล็กน้อยที่ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงในอาณาจักรแห่งสวรรค์"

"ที่ที่ข้าเคยใช้ชีวิตอยู่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าที่สูงเทียมเมฆ"

หลิ่วเชียนเชียนและเหล่าไส้ศึกหญิงต่างส่งเสียงอุทานออกมา

"ว้าว นั่นมิใช่ที่ที่เหล่าเทพเซียนอาศัยอยู่หรอกหรือ!"

ฉินเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า

"มันดีกว่าที่ที่เทพเซียนอาศัยอยู่เสียอีก ไม่ใช่ว่าข้าคุยโวให้พวกเจ้าฟังนะ ที่แห่งนั้นไม่เพียงแต่สามารถลงไปในมหาสมุทรเพื่อจับเต่าและขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเก้าเพื่อคว้าจันทราได้เท่านั้น นั่นหมายถึงการเล่นรอบสวรรค์และหมุนตัวไปบนก้อนเมฆก็ยังง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก!"

"ว้าว! เก่งกาจเกินไปแล้วกระมัง!"

ฉินเหยียนกล่าวต่อว่า

"ลองยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดก็แล้วกัน พวกเราจากเมืองหลวงเดินทางมายังด่านเจียยวี่ต้องใช้เวลาเดินหลายวันกว่าจะถึง หากเราอยู่ในอาณาจักรแห่งสวรรค์แล้วใช้เวลาไม่เกินเท่านี้ก็ถึงนานแล้ว!"

ฉินเหยียนกล่าวพลางชูนิ้วสามนิ้วขึ้นมา

หลิ่วเชียนเชียนเดาว่า

"ไม่เกินสามวัน?"

ฉินเหยียนแสร้งทำเป็นส่ายศีรษะอย่างลึกลับ

เหล่าไส้ศึกหญิงเดาอย่างกล้าหาญว่า

"หรือว่าไม่เกินสามชั่วยาม?"

ฉินเหยียนส่ายศีรษะอีกครั้งและกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า

"ไม่เกินสามเค่อ!"

ทุกคนที่ห้อมล้อมอยู่รอบฉินเหยียนต่างก็สูดหายใจเข้า

"ว่าอย่างไรนะ! สามเค่อ!"

"สวรรค์ เร็วถึงเพียงนี้เชียว แม้แต่คิดข้ายังไม่กล้าคิดเลย!"

แม้แต่องค์ชายใหญ่ที่เพิ่งฝังตัวอยู่ในหมู่สตรีและร่วมพูดคุยด้วยก็อดไม่ได้ที่จะอุทานว่า

"น้องสิบสี่ ในเมื่อเจ้ายอดเยี่ยมถึงเพียงนี้เจ้าจะสามารถเปลี่ยนให้ต้าฉินของพวกเราแข็งแกร่งดังที่เจ้าเล่าได้หรือไม่?"

มิใช่ว่าฉินเหยียนไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน เพียงแต่การจะทำให้สมัยโบราณก้าวล้ำกลายเป็นสมัยปัจจุบันโดยอาศัยความแข็งแกร่งของเขาเพียงผู้เดียว คงจะล้อกันเล่นกระมัง

เมื่อเล่าถึงข้อดีของยุคสมัยปัจจุบันมามากมายเช่นนี้ ฉินเหยียนก็รู้สึกคิดถึงอยู่บ้างจริงๆ เขาถอนหายใจเล็กน้อยและส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า

"เฮ้อ หนทางยังอีกยาวไกล"

ในเวลานี้แม่ทัพก็เข้ามาคุกเข่าลงพลางประสานมือและกล่าวว่า

"ทูลอ๋องเหยียน เชลยศึกจากอาณาจักรจ้าวทั้งหมดสี่หมื่นคนถูกจับไว้หมดแล้ว ท่านอ๋องจะให้จัดการกับคนพวกนี้อย่างไรพะยะค่ะ"

องค์ชายเจ็ดฉินหยู่สั่งอย่างดุเดือดว่า

"ยังจะต้องกังวลทำไม ฆ่าพวกมันเสียให้หมดก็สิ้นเรื่อง!"

ฉินเหยียนรีบห้ามปรามและกล่าวว่า

"ไม่ๆๆ เรื่องสังหารควรทำให้น้อยลง ล้วนเป็นบาปทั้งสิ้น ท่านว่าใช่หรือไม่เสด็จพี่เจ็ด"

ทันทีที่องค์ชายเจ็ดฉินหยู่ได้ยินฉินเหยียนปฏิเสธที่จะสังหาร เช่นนั้นผู้ใดจะกล้าไม่เชื่อฟังเขา นั่นไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ

"เสด็จพี่สิบสี่ ข้าจะอยู่ด้านหน้านำทางให้ท่าน!"

หลังจากกล่าวจบเขาก็เฆี่ยนม้าแล้วนำหน้าไป

ในขณะที่ฉินเหยียนกำลังจะออกเดินทาง ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าในเวลาที่สำคัญเช่นนี้จะลืมนางไปได้อย่างไร จึงหันไปกล่าวว่า

"มาเถอะทาสหญิงของข้า ฉากนี้จะขาดคนสำคัญเช่นเจ้าไปได้อย่างไร"

ก่อนที่จ้าวจีเอ๋อร์จะตอบรับฉินเหยียนก็ดึงนางขึ้นไปบนหลังม้าแล้ว และกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า

"จับแน่นๆล่ะ ช่า!"

ม้าควบออกไปและร่างของจ้าวจีเอ๋อร์ก็แกว่งไปมา นางกลัวจนหลับตาปี๋และกอดเอวของฉินเหยียนไว้แน่นด้วยเกรงว่าจะตกจากหลังม้า

มีองค์ชายเจ็ดเป็นผู้นำทาง หลังจากนั้นไม่นานฉินเหยียนก็มาถึงที่ที่เชลยศึกของอาณาจักรจ้าวอยู่ เขาตบมือของจ้าวจีเอ๋อร์และกล่าวว่า

"นี่ กอดเสียแน่นเช่นนี้ไม่กลัวว่าจะเดือดร้อนหรือ?"

จ้าวจีเอ๋อร์จึงลืมตาขึ้นและพบว่าถึงที่นั่นแล้ว มือของนางยังกอดฉินเหยียนไว้แน่น ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและรีบปล่อยมือ

ฉินเหยียนยิ้มเยาะและลงจากหลังม้าก่อน จากนั้นจึงอุ้มจ้าวจีเอ๋อร์ลงมา

ในเวลานี้มือทั้งคู่ของเชลยศึกของอาณาจักรจ้าวถูกมัดไว้ด้านหลัง พวกเขาต่างก็คุกเข่าลงบนพื้นทีละคน เชลยศึกมากกว่าสี่หมื่นคนอยู่รวมตัวกัน ฉากนั้นเรียกได้ว่างดงามนัก

เชลยศึกของอาณาจักรจ้าวบางคนไม่ยอมจำนนจึงตะโกนว่า

"หากมิใช่เพราะฟ้าดินไม่เป็นใจกองทัพแห่งอาณาจักรจ้าวของข้าจะแพ้ให้กับคนชั่วช้าเช่นพวกเจ้าอาณาจักรฉินได้อย่างไร!"

"พูดได้คำเดียวว่าพวกเราโชคไม่ดีจึงเสียเปรียบพวกเจ้าอาณาจักรฉิน!"

"หากเก่งนักพวกเจ้าก็ปล่อยพวกข้าเสีย แล้วพวกเรามาต่อสู้กันสักครั้งด้วยดาบและหอก พวกข้าจะไม่แพ้อย่างแน่นอน!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์