องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 137

"ใกล้จะตายอยู่แล้วยังจะปากดี ข้าว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อยากตายนักใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์เจ้า!"

หลังจากที่แม่ทัพแห่งอาณาจักรฉินกล่าวจบเขาก็เฆี่ยนตีเชลยศึกของอาณาจักรจ้าวอย่างเหี้ยมโหด

"เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่อสนีบาตและวารีแห่งสวรรค์โจมตีอาณาจักรจ้าวของพวกเจ้าเช่นนั้นหรือ ข้าจะบอกความจริงแก่เจ้าว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะพวกเรามีเทพบัญชาการ เพื่อที่จะเอาชนะพวกเจ้าได้โดยไม่ต้องใช้ทหารแม้แต่คนเดียว!"

เชลยศึกของอาณาจักรจ้าวพ่นเลือดออกมาและกล่าวว่า

"เจ้าพูดจาเหลวไหล หากเก่งนักก็เฆี่ยนข้าให้ตายเสียสิ เฆี่ยนข้าสิ!"

แม่ทัพแห่งอาณาจักรฉินตะคอกอย่างเย็นชาว่า

"เมื่อเป็ดสุกเหลือแต่ปากเท่านั้นที่ยังแข็งอยู่ หากอยากตาย วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง!"

ขณะที่กล่าวเขาก็เพิ่มน้ำหนักมือของเขาแล้วเฆี่ยนจนผิวและเนื้อแตก

เมื่อฉินเหยียนลงจากม้าก็เห็นฉากนี้ จึงรีบห้ามเขา

"ช้าก่อน หยุดเฆี่ยนได้แล้ว!"

เมื่อแม่ทัพแห่งอาณาจักรฉินเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นองค์ชายสิบสี่มาด้วยตนเองจึงหยุดทันที เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งพลางประสานมือและกล่าวว่า

"กระหม่อมคารวะอ๋องเหยียนพะยะค่ะ"

ฉินเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย

"ลุกขึ้นเถิด นี่มันเรื่องอะไรกัน?"

แม่ทัพแห่งอาณาจักรฉินตอบไปตามความจริงว่า

"ชาวจ้าวไม่ยอมจำนนทั้งยังบอกให้กระหม่อมเฆี่ยนเขาจนตาย กระหม่อมจึงลงมือทำตามความต้องการของเขาพะยะค่ะ"

ฉินเหยียนมิได้กล่าวอันใด แต่จ้องมองไปที่เชลยศึกของอาณาจักรจ้าวและกล่าวว่า

"นับว่าเป็นผู้กล้า"

เฉลยศึกของอาณาจักรจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

"ไม่ต้องให้เจ้าบอก แล้วเจ้าเป็นใคร!"

ทันทีที่กล่าวคำพูดนี้ออกมาแม่ทัพของอาณาจักรฉินก็ไม่พอใจและเตะเชลยศึกของอาณาจักรจ้าวอย่างรุนแรง

"บังอาจ อ๋องเหยียนของพวกเราเป็นผู้ที่เจ้าสามารถสามหาวด้วยได้อย่างนั้นหรือ เจ้าฟังข้าให้ดี ผู้นี้คืออ๋องเหยียน องค์ชายสิบสี่แห่งอาณาจักรต้าฉินของพวกเรา และเป็นเทพที่ควบคุมอสนีบาตและเรียกวารีแห่งสวรรค์จนกวาดล้างอาณาจักรจ้าวของพวกเจ้าในคราวเดียว!"

ฉินเหยียนอดมิได้ที่จะยกมุมปากขึ้นและเขาก็รู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ภายนอกเขาแสร้งทำเป็นสุขุมและกล่าวว่า

"เงียบไว้ เทพที่ไหนกัน ล้วนเป็นชื่อเสียงจอมปลอม"

"ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ข้าเป็นเซียนก็จะไม่สังหารผู้คนตามอำเภอใจ"

ฉินเหยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งในขณะที่กวาดตามองเชลยศึกของอาณาจักรจ้าวและกล่าวว่า

"สรรพสิ่งล้วนเท่าเทียม พวกเจ้าต่างก็ทำเพื่ออาณาจักร ต้องฟังคำสั่งทางทหาร การจะปล่อยพวกเจ้าไปก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้"

"ทว่า....."

เมื่อได้ยินว่ามีโอกาสรอดชีวิต เชลยศึกแห่งอาณาจักรจ้าวก็เบิกตากว้างและเงี่ยหูฟัง

ฉินเหยียนยิ้มอย่างเย็นชา

"ทว่าในเมื่อพวกเจ้าเป็นฝ่ายแพ้สงครามก็ต้องดูว่าฮ่องเต้จ้าวของพวกเจ้าจะยินดีจ่ายเงินจำนวนเท่าใดเพื่อไถ่ตัวของพวกเจ้ากลับไป"

ฉินเหยียนเรียกไส้ศึกหญิงสองร้อยคนมาและสั่งการว่า

"จากนี้ไปอาหารการกินของเชลยศึกของอาณาจักรจ้าวก็ให้พวกเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ"

เหล่าไส้ศึกหญิงเข้าใจว่าฉินเหยียนเชื่อใจพวกนางเป็นอย่างมากจึงปล่อยให้พวกนางติดต่อกับเชลยศึกของอาณาจักรจ้าวเหล่านั้นโดยไม่ติดใจเอาความเรื่องในอดีต

นับเป็นเกียรติของพวกนางที่ได้รับความไว้วางใจจากบุคคลที่เป็นเหมือนเทพเซียน แต่ละคนต่างก็เผยดวงตาที่เป็นประกายออกมาและกล่าวอย่างพร้อมเพียงว่า

"เพคะ! หม่อมฉันจะปฏิบัติตามคำสั่งเพคะ"

ฉินเหยียนกล่าวต่อว่า

"เวลาที่พวกเจ้าติดต่อกันในช่วงปกติ พยายามพูดคุยกับชาวจ้าวให้มากขึ้นและบอกพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งดีๆที่ข้าทำ อย่าปล่อยให้คนธรรมดาเหล่านี้ตบตา มนุษย์จะชนะสวรรค์ได้อย่างไร"

กำลังของมนุษย์จะต้านทานเทพได้อย่างไร

เหล่าไส้ศึกหญิงต่างก็เห็นความสามารถของอ๋องเหยียนด้วยตาของตนเอง ในสายตาของไส้ศึกหญิงฉินเหยียนก็คือเทพสูงสุด

ตลอดระยะเวลาที่ได้ติดต่อกันมานี้พวกนางเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าการยอมจำนนจึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

"พวกหม่อมฉันจะจดจำคำสั่งของอ๋องเหยียนเพคะ!"

ฉินเหยียนได้พบกับองค์ชายใหญ่ฉิงชงอีกครั้ง

"เสด็จพี่ใหญ่ อำนาจทั้งหมดในการจัดการกับเชลยศึกของอาณาจักรจ้าวขอมอบให้ท่าน ช่วยทำให้พวกเขารู้สึกถึงความอบอุ่นของบ้านเช่นเดียวกับเมื่อก่อน"

ด้วยประสบการณ์ในการโน้มน้าวไส้ศึกหญิงของอาณาจักรจ้าวก่อนหน้า องค์ชายใหญ่ฉินชงเข้าใจเป็นอย่างดีและตอบตกลงทันที

"เข้าใจแล้ว ข้าคุ้นเคยกับเรื่องนี้แล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด รับรองว่างานจะสำเร็จลุล่วงอย่างดี"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์