องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 138

แม้ว่าสงครามระหว่างฉินและจ้าวครั้งนี้ฉินเหยียนจะได้รับชัยชนะ ทว่าเขาก็รู้อยู่ในใจว่าอาณาจักรจ้าวจะไม่ยอมรามืออย่างแน่นอน หากคิดจะสกัดกั้นการรุกรานครั้งต่อไปของอาณาจักรจ้าวเขายังต้องทำอะไรบางอย่าง

จากนั้นฉินเหยียนก็นำเหล่าทหาร ชาวนา และคนงานเข้ายึดครองด่านถงกวาน จากนั้นเดินไปรอบๆด่านถงกวานเพื่อตรวจสอบภูมิประเทศ

จ้าวจือหย่าถามอย่างไม่เข้าใจว่า

"ท่านอ๋องเพคะ ด่านถงกวานนี้ถูกน้ำท่วมเสียหายไปแล้ว ยังหมายจะสร้างใหม่หรือเพคะ?"

ฉินเหยียนยิ้มพลางตอบว่า

"ข้าต้องการจะบูรณะ มิใช่สร้างใหม่"

จ้าวจือหย่าขมวดคิ้วเล็กน้อย

"บูรณะ?"

ฉินเหยียนป้ายปลายจมูกของนางเบาๆ

"เมื่อบูรณะเสร็จเจ้าก็จะรู้เอง"

จากนั้นจึงหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาจากพื้นดินและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

แม้ว่าจะมีกิ่งไม้อยู่โดยรอบเป็นจำนวนมาก ทว่าที่ถูกน้ำท่วมขังจนใช้การไม่ได้ก็มีมากนัก เพียงงอเบาๆก็หักแล้วนับประสาอะไรกับจะเอามาสร้างบ้าน นั่นจะเปราะบางเกินไป

จากนั้นเขาก็หยิบหินสีเทาบนพื้นขึ้นมาและใช้มือถูเบาๆ จึงพบว่ามันคือหินปูน!

เมื่อเงยหน้ามองไป พื้นผิวที่ถูกน้ำท่วมเผยให้เห็นหินปูนอยู่มากพอซึ่งหินปูนนี้เป็นวัสดุสำคัญในการทำคอนกรีต

สิ่งนี้ทำให้ฉินเหยียนปิติเป็นอย่างมาก เขาสั่งต้าจ้วง ต้าหย่ง และต้าซานทันที

"ต้าหย่ง เจ้าพาคนไปรวบรวมสิ่งเหล่านี้บนพื้นขึ้นมาแล้วบดให้เป็นผง รวบรวมให้ได้มากที่สุด ยิ่งมากยิ่งดี!"

"ต้าจ้วง เจ้าพาคนไปเก็บทราย ละเอียดหน่อยจะดีที่สุด มีเท่าไหร่เอามาให้หมด"

"ต้าซาน เจ้าพาคนไปเก็บก้อนหิน ไม่ต้องเอาชิ้นใหญ่จนเกินไป และหามาเยอะๆ!"

พวกเขาทั้งสามคุกเข่าข้างเดียวทันที

"พะยะค่ะ กระหม่อมจะไปทำเดี๋ยวนี้!"

ทั้งสามแบ่งทหารออกเป็นสามกลุ่ม และนำคนของพวกเขาไปสกัดและรวบรวมสิ่งของ

องค์ชายใหญ่ฉินชงที่ทำตามคำสั่งของฉินเหยียนนำไส้ศึกหญิงและเหล่าเชลยศึกของอาณาจักรจ้าวมาถึงล่าช้า

เมื่อเห็นเนินทรายและกองกรวดสามกองวางอยู่ที่หน้าด่านถงกวานองค์ชายใหญ่ฉินชงก็ถามอย่างสงสัยว่า

"น้องสิบสี่ เจ้าเอากรวดมากมายเช่นนี้มาทำอะไรหรือ?"

เวลานี้ฉินเหยียนสวมหมวกฟางและถือพลั่วยืนอยู่หน้ากองกรวดและกล่าวว่า

"สิ่งนี้มีประโยชน์มากนะเสด็จพี่ใหญ่ ท่านมิใช่อยากเห็นว่าในแดนสวรรค์ที่ข้ากล่าวถึงนั้นใช้อะไรสร้างบ้านหรือ วันนี้ข้าจะพาพวกท่านเปิดโลกทัศน์สักหน่อย"

เมื่อกล่าวจบฉินเหยียนก็พับแขนเสื้อขึ้นและกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า

"ทุกคนฟังให้ดีนะ ข้าจะสอนพวกเจ้าทำคอนกรีต ขั้นตอนต่อไปนี้พวกเจ้าจำให้ดี!"

เหล่าขุนนางต่างก็รีบปลอบประโลมทันที

"ฝ่าบาท โปรดระงับโทสะพะยะค่ะ!"

ฮ่องเต้จ้าวกำหมัดแน่นแล้วกัดฟันพลางกล่าวว่า

"ไอ้พวกไม่เอาถ่าน ล้วนเป็นเศษสวะ! ถูกอาณาจักรฉินตีพ่ายโดยไม่ใช้ทหารแม้แต่คนเดียว ไอ้พวกหมูโง่!"

"อาณาจักรฉินต้องการให้ข้าใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อไถ่เศษสวะพวกนั้นกลับมา นี่มิใช่เป็นการดูถูกว่าอาณาจักรจ้าวของข้าไร้ผู้มีฝีมือหรือ!"

"อาณาจักรฉินเล็กๆถึงกับกล้ามานั่งขี้บนหัวของข้า สามหาวนัก!"

เดิมทีฮ่องเต้จ้าวมีความมั่นใจมากว่าจะชนะศึกสงครามครั้งนี้ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกฉินเหยียนสังหารโดยไม่ทันระวัง กองทัพหนึ่งแสนคนพ่ายแพ้โดยไม่ทันได้ต่อสู้ ความโกรธในใจนี้แทบจะทำให้เขากระอักเลือด

ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ทั่วทั้งราชสำนักมีผู้เสนอว่า

"ฝ่าบาท พวกเรามิสู้เพิ่มกำลังทหารและบุกโจมตีเมืองหลวงของพวกมันเถิดพะยะค่ะ!"

เมื่อกล่าวคำพูดนี้ออกไป ขุนนางในราชสำนักบางคนก็คัดค้านทันทีว่า

"อย่าเพิ่งใจร้อนโดยเด็ดขาด เราไม่รู้ว่าอาณาจักรฉินใช้เวทมนต์อันใด หากพวกเราวู่วามเกรงว่าจะมีโอกาสสูญเสียอย่างหนัก มิสู้พวกเราส่งทูตไปดูทีท่าเสียก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายนะพะยะค่ะฝ่าบาท"

แม้ว่าฮ่องเต้จ้าวจะโกรธแต่เวลานี้มิอาจหุนหันพลันแล่นจริงๆ หลังจากระงับอารมณ์และครุ่นคิดสักครู่เขาก็คิดว่ามิอาจวู่วามได้ ในเมื่ออาณาจักรฉินต้องการให้เขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อไถ่คนของเขา มิสู้ส่งฑูตไปดูทีท่าของอาณาจักรฉินก่อนแล้วจึงตัดสินใจ ดังนั้นจึงสั่งการว่า

"ที่ขุนนางทุกท่านกล่าวมาก็มีเหตุผล ในการรบครั้งแรกนี้พวกเราประเมินศัตรูต่ำเกินไป ในเมื่ออาณาจักรฉินเชิญให้พวกเราไปไถ่ผู้คน เช่นนั้นพวกเราอาณาจักรจ้าวต้องให้เกียรตินี้ ถ่ายทอดราชโองการของข้า ส่งจ้าวฉี่หมิง อัครเสนาบดีแห่งอาณาจักรจ้าวไปที่อาณาจักรฉินทันที!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์