องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 139

ด่านถงกวาน

สองสามวันมานี้ฉินเหยียนทำงานในสถานที่ก่อสร้างร่วมกับชาวนา คนงาน และเหล่าเชลยศึกแห่งอาณาจักรจ้าวโดยไม่เคยหยุดพัก

เวลานี้ร่างของเขาเหมือนกับมนุษย์ดินเหนียวซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนที่เป็นองค์ชายผู้แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา

เป็นอย่างมาก เพื่อที่จะได้เห็นในเร็ววันว่าหอสูงเทียมเมฆก่อสร้างอย่างไรตามที่ฉินเหยียนกล่าว สองสามวันมานี้องค์ชายใหญ่ฉินชงจึงอยู่ข้างกายฉินเหยียนโดยตลอด

ส่วนองค์ชายเจ็ดฉินหยู่แม้ในใจจะไม่เต็มใจทำ แต่เพื่อที่จะประจบประแจงฉินเหยียนเขาจึงทำได้เพียงทำงานอย่างเศร้าหมอง

หลังจากที่ยืนหยัดมาเป็นเวลานานเขาก็รู้สึกว่ากระดูกเหนื่อยล้าจนแทบจะแหลกสลาย และในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงเข้าไปหาฉินเหยียนและถามว่า

"ข้าว่านะน้องสิบสี่ งานเหล่านี้เจ้าก็ปล่อยให้คนชั้นต่ำเหล่านี้ทำไปเถิด เหตุใดจึงต้องลงมือทำอย่างยากลำบากเช่นนี้ด้วยตัวเองเล่า"

ฉินเหยียนปาดเหงื่อบนศีรษะออก พลางยืดตัวขึ้นและกล่าวว่า

"คำพูดนี้ของเสด็จพี่เจ็ดไม่ถูกต้อง ทุกคนเกิดมาล้วนเท่าเทียมกัน จะแบ่งแยกผู้เหนือกว่าและผู้ด้อยกว่าได้อย่างไร"

ทันทีที่คำพูดนี้กล่าวออกมา ชาวนา คนงาน และเชลยศึกแห่งอาณาจักรจ้าวที่ทำงานอยู่รอบๆก็มองมาที่ฉินเหยียนด้วยแววตาที่แปลกประหลาดทันที

องค์ชายเจ็ดฉินหยู่ก็ตกตะลึงเช่นกัน เขายังคิดว่าฉินเหยียนเหนื่อยจนเพี้ยนจึงกล่าวคำพูดเหลวไหลที่ว่าทุกคนล้วนเท่าเทียมกันเช่นนี้ออกมา

"ข้าว่าเจ้าควรพักผ่อนจริงๆเสียแล้ว เพราะเหนื่อยจึงเริ่มพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ หากทุกคนเท่าเทียมกันใต้หล้าจะไม่วุ่นวายหรือ"

องค์ชายใหญ่ฉินชงก็รู้สึกว่าสิ่งที่องค์ชายเจ็ดกล่าวนั้นถูกต้อง ดังนั้นจึงหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่และกล่าวว่า

"นั่นน่ะสิน้องสิบสี่ พวกเราเกิดมาในราชวงศ์ ดังนั้นสถานะย่อมสูงศักดิ์ ผู้ที่เกิดมาต่ำต้อยและเป็นทาสจะมาเปรียบเทียบกับพวกเราได้อย่างไร!"

ฉินเหยียนส่ายศีรษะและพึมพำว่า

"โธ่เอ๋ย พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าในยุคของข้าสรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยกสถานะสูงต่ำ"

ทุกคนต่างก็ประหลาดใจ

"ว่าอย่างไรนะ? ไม่มีการแบ่งแยกสถานะสูงต่ำหรือ?"

องค์ชายใหญ่ฉินชงไม่อยากจะเชื่อ

ฉินเหยียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมพลางกวาดตามองทุกคนและกล่าวอย่างจริงจังว่า

"ในยุคนั้นไม่เพียงแต่ไม่มีสถานะที่แตกต่างกัน ทุกคนยังรักใคร่ปรองดองช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และทุกคนล้วนใช้ชีวิตภายใต้ ระบบสังคมที่เท่าเทียมกัน"

"เด็กชายและเด็กหญิงล้วนสามารถไปศึกษาเล่าเรียนได้เมื่อถึงวัยเรียน"

ในเวลานี้เหล่าไส้ศึกหญิงก็หยุดสิ่งที่พวกนางกำลังทำอยู่พลางกระพริบตาและกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า

"สตรีก็สามารถไปสถานศึกษาได้ด้วยหรือ?"

ฉินเหยียนยืนยันว่า

"เมื่ออยู่ในตำแหน่งสูงอย่าก้าวร้าวผู้อื่น เมื่ออยู่ในตำแหน่งต่ำอย่าประจบประแจงผู้อื่น เมื่อหว่านความเมตตาก็จะได้รับความเมตตา เมื่อหว่านความเคารพจึงจะได้รับความเคารพ"

"ดังคำกล่าวที่ว่า หากยากแค้นก็ดูแลตนเอง หากร่ำรวยก็ช่วยเหลือใต้หล้า หากอยู่เหนือผู้อื่นก็ควรปฏิบัติต่อผู้อื่นดังเช่นมนุษย์ หากอยู่ใต้ผู้อื่นก็ควรปฏิบัติต่อตนเองในฐานะมนุษย์"

คำพูดเหล่านี้ทำให้อารมณ์ของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขายังมีความปรารถนาอย่างลึกซึ้งต่อสังคมที่เท่าเทียมกันดังที่ฉินเหยียนกล่าว และยังมีความชื่นชมเลื่อมใสฉินเหยียนเป็นอย่างมาก

จ้าวจือหย่าที่อยู่ด้านข้างฟังทั้งน้ำตา หากวันหนึ่งฉินเหยียนสามารถสืบทอดบัลลังก์ได้นางก็เชื่อว่าฉินเหยียนจะเป็นฮ่องเต้ผู้ปราดเปรื่อง

ต้าซาน ต้าหย่ง และต้าจ้วงคุกเข่าลงและกล่าวพร้อมกันว่า

"ข้าน้อยจะจงรักภักดีต่ออ๋องเหยียนผู้เป็นเทพจนกว่าชีวิตจะหาไม่พะยะค่ะ!"

เหล่าทหารชั้นยอดก็กล่าวขึ้นพร้อมกันว่า

"ข้าน้อยจะจงรักภักดีต่ออ๋องเหยียนจนกว่าชีวิตจะหาไม่พะยะค่ะ!"

มุมปากของฉินเหยียนยกขึ้นเล็กน้อยและให้สัญญาว่า

"ทุกคนวางใจได้ ขอเพียงติดตามข้าด้วยความจงรักภักดีข้ารับรองว่าทุกคนจะมีของดีๆกิน! เร่งมือกันเถิด เสร็จเร็วจะได้พักเร็ว!"

"ขอรับ!"

ทุกคนต่างก็ฮึกเหิม จอบและพลั่วในมือต่างก็เคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้นยิ่งขึ้น และความเร็วในการก่อสร้างก็เร็วขึ้นมากเช่นกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์