องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 155

มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวฉี่หมิง

“เจ้าโง่หรือข้ากันแน่ที่โง่? ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าให้อย่าง เป้าหมายของข้าคือยื้อเวลาออกไปจนกว่าทหารหนึ่งแสนนายจะบุกเข้ามาได้ ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะยังหัวเราะได้อยู่ไหม!”

ในเวลานี้ไท่ฟู่หัวเราะไม่ออกเลยจริงๆ หากเชลยศึกสี่หมื่นคนจงใจยื้อเวลาเอาไว้ แม้ว่าทหารของอาณาจักรฉินตั้งใจจะสู้กับพวกเขาจริงๆ เกรงว่าคงใช้เวลาพอสมควรในการปราบพวกเขา

หากเป็นเช่นนี้ เมื่อกองทัพที่แข็งแกร่งของอาณาจักรจ้าวจำนวนหนึ่งแสนคนมาถึงเมืองจริงๆ แล้วล่ะก็ กองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ยื้อเวลาในสงคราม โอกาสชนะก็น้อยลง สีหน้าของไท่ฟู่พลันน่าเกลียดในทันที

ฉินเหยียนที่ได้ยินจ้าวฉี่หมิงพูดจบ รู้สึกว่าคำพูดที่เขาพูดออกมานั้นช่างน่าเกลียดอะไรเช่นนี้ จึงพูดออกไปตรงๆว่า

“เจ้าจะให้เชลยศึกสี่หมื่นคนนี้สละชีวิตเพื่อยื้อเวลาให้แก่เจ้าหรือ?”

จ้าวฉี่หมิงเหลือบมองไปที่ทหารฝั่งอาณาจักรจ้าวที่ไม่มีอาวุธในมือในสนามรบ แล้วพูดอย่างดูถูกว่า

“คนพวกนั้นเป็นนายทหารในกองทัพที่พ่ายแพ้ ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย แทนที่จะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่รอดเพื่อให้อาณาจักรจ้าวต้องอับอาย ให้พวกเขาตายเสียยังดีกว่า เพื่อเป็นเกียรติของพวกเขาที่ได้ภักดีต่ออาณาจักรจ้าว!

ฉินเหยียนเองก็มองไปที่คนเหล่านั้นเช่นกัน ทหารสี่หมื่นชีวิตนี้ ชีวิตของพวกเขากลับไร้ค่าในสายตาของอัครเสานาบดีจ้าว เขาเห็นชีวิตพวกเขาเป็นแค่ผักปลาก็เท่านั้น

เขาส่งเสียงเฮอะออกไป และพูดเสียงดังกับทหารอาณาจักรจ้าวในสนามว่า

“เจ้าได้ยินที่อัครเสนาบดีจ้าวพูดออกมาแล้วใช่หรือไม่!”

“ในสายตาของเขา ชีวิตของพวกเจ้าสี่หมื่นคนนี้ก็เป็นแค่ผักปลาเท่านั้น!”

“ชีวิตที่ไร้ค่าของพวกเจ้าเป็นได้แค่เครื่องมือที่ใช้เพื่อยื้อเวลาให้แก่อาณาจักรจ้าวก็เท่านั้น!

คำพูดของจ้าวฉี่หมิงเมื่อครู่ บรรดาทหารอาณาจักรจ้าวต่างได้ยินอย่างชัดเจน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหารฝ่ายโจมตี มักทำเรื่องเสี่ยงอันตรายในทุกวัน เผชิญหน้ากับความโหดร้าย คนตายตายเกลื่อนกลาด เต็มใจสละชีพในสนามรบ นี่เป็นเรื่องปกติมาโดยตลอด

นี่คือชะตากรรมของพวกเขา พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่เพื่อปกป้องประเทศและบ้านเมือง นี่ถือเป็นเกียรติของพวกเขาที่ได้ตายในสนามรบ

แต่วันนี้ในฐานะที่เป็นทหารฝั่งพ่ายแพ้ พวกเขาถูกใช้เป็นเกราะกันกระสุนแทน นั่นทำให้พวกเชลยศึกรู้สึกเสียใจยิ่งนัก

ฉินเหยียนยังคงพูดอย่างขุ่นเคือง

“พวกเจ้าทุกคนล้วนมีเลือดเนื้อ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในสนามรบมานับไม่ถ้วน เจ้าสวมชุดเกราะและต่อสู้อย่างเต็มใจกับศัตรูในสนามรบ นี่ถึงจะเป็นความหมายที่แท้จริงของชีวิตพวกเจ้า!”

“แทนที่จะเป็นเหมือนตอนนี้ สวมเสื้อผ้าฝ้ายธรรมดาๆ ไร้ซึ่งอาวุธ อีกทั้งยังต้องเสียสละชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์!”

“ข้าสามารถให้โอกาสพวกเจ้าได้ ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ขัดขืน ยกมือขึ้นยอมแพ้และวางอาวุธลง ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

คำพูดที่มีน้ำใจเช่นนี้ ทำให้บรรดาเชลยศึกรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ ราวกับว่าในเวลานี้ มีเพียงฉินเหยียนคนเดียวเท่านั้นที่ใส่ใจชีวิตของพวกเขา

พวกเขารู้สึกได้ทันทีว่า นอกเหนือจากแผนการและอุบายต่างๆ แล้ว ยังมีความรู้สึกจริงใจปนอยู่ในนั้นด้วย

เชลยศึกอาณาจักรจ้าวมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ฉินเหยียนพูดถึงที่อยู่ในใจเขาออกมา แม้แต่ก้อนหินและท่อนไม้ที่อยู่ในมือยังสั่นคลอนเล็กน้อย

จ้าวฉี่หมิงเองยังสังเกตเห็นว่าอารมณ์และความรู้สึกของบรรดาทหารกำลังสั่นคลอน จึงตะโกนออกไปว่า

“พวกเจ้านี่มันโง่จริงๆ!”

“มัวแต่ยืนบื้อทำไมอยู่ ความภักดีต่ออาณาจักรนี่สิถึงจะเป็นเกียรติแก่ชีวิตพวกเจ้า รีบลงมือเสียเดี๋ยวนี้!”

“ใครที่กล้าฝ่าฝืน ข้าจะสั่งประหารสามชั่วโคตร! ลงมือ!”

เสียงของจ้าวฉี่หมิงดังก้องไปทั่วเวิ่นเฉิงเป็นเวลานาน แต่ทหารในสนามรบกลับลังเลใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์