เบื้องหน้านั้นคือสุสานขนาดใหญ่ของวีรบุรุษที่กำลังก่อสร้างอยู่ มันถูกต้นไม้ล้อมรอบ น้ำเขียวป่าขจี เป็นตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ยอดเยี่ยม มันดูยิ่งใหญ่และอลังการมากจนดูเหมือนเป็นสถานของพวกชนชั้นปกครอง
หยางจิ่นซิ่วอดกลั้นความตื่นเต้นในใจแล้วรีบเดินไปเบื้องหน้าของศิลาที่เขียนประวัติผู้ตายเอาไว้แล้วอ่านมัน
“แม้จะจบชีวิตลงก็ยากที่จะชดเชย ลมเหนือโชยชายฝั่งแม่น้ำ ดวงใจเต็มไปด้วยความกังวลที่มีต่ออาณาจักร ยังคงจงรักภักดีต่ออาณาจักร สุสานแห่งแม่ทัพอาณาจักรจ้าว หยางจ้ายซิ่น”
ทันทีที่อ่านนางก็รู้ได้เลยว่านี่คือกวีที่เขียนถึงพ่อของนาง นางน้ำตาคลอ เมื่อได้รับการยืนยันอย่างไม่ต้องสงสัยว่าสุสานนั้นเป็นของพ่อจริงๆ นางก็สะอึกสะอื้นแล้วน้ำตาก็ไหลรินลงมาทันที
นางคุกเข่าลงกับพื้นแล้วยื่นมือไปสัมผัสศิลาสุสานที่สลักตัวอักษรไว้ นางตะโกนอย่างเจ็บปวดใจว่า
“พ่อคะ! ลูกมาช้าไป ลูกมันไม่รักดี!”
นางก้มศีรษะกราบกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่สนใจอะไรเลย ราวกับว่ากำลังระบายความขมขื่นและความเจ็บปวดออกมาด้วยวิธีนี้
ฉินเหยียนยืนอยู่ข้างๆโดยไม่รบกวนนาง ข้าหันหน้ากลับไปหาองครักษ์ส่วนพระองค์แล้วกระซิบอะไรบางอย่าง
หยางจิ่งซิ่วร้องไห้สะอึกสะอื้น ในหัวของนางปรากฏภาพความทรงจำที่แสนอบอุ่นของนางและพ่อไม่หยุด นึกถึงตอนนางอายุสามขวบ พ่อของนางก็สอนนางใช้อาวุธแล้ว
การฝึกฝนวันแล้ววันเล่า การร่ำเรียนหนังสือ เรียนรู้ยุทธวิธีทางทหารและยุควสันตสารท
จำได้ว่าในปีที่อายุเจ็ดขวบนางก็เห็นเหล่าแม่นางคนอื่นๆล้วนสวมชุดกระโปรงและเล่นดนตรีวาดรูปกัน นั่นทำให้นางอิจฉามาก ด้วยเหตุนี้นางจึงได้ทะเลาะกับพ่อขึ้นมา ถามพ่อว่าเหตุใดนางจึงไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างแม่นางคนอื่นๆได้ เหตุใดต้องคอยหมั่นฝึกฝนวิชาอาวุธทุกวัน
แต่ทว่าสีหน้าของพ่อกลับไม่มีความเข้มงวดเหมือนในตอนฝึกฝนเลย รู้สึกเหมือนมีความเมตตาและไร้กำลัง
“เมื่อล้างเครื่องสำอางสีแดงออกแล้วเปลี่ยนชุดทหาร กระโดดขึ้นหลังม้าพร้อมอาวุธ ใครกล่าวว่าหญิงสาวต่ำต้อยกว่าบุรุษ วีรสตรีจะต้องทำให้ต้องตกตะลึง!”
“จิ่นซิ่วเจ้าจงจำเอาไว้ เจ้าคือบุตรสาวแห่งตระกูลหยาง เป็นผู้เสียสละที่กล้าหาญและยุติธรรม ไม่แบ่งแยกหญิงชาย ล้วนต้องอุทิศชีวิตให้กับสงคราม ถูกลิขิตให้ปกป้องอาณาจักร คอยเฝ้าดูแลดินแดนอาณาจักรจ้าว นี่คือชะตากรรมของตระกูลหยาง ละเป็นชะตากรรมของเจ้าด้วย”
คำพูดของพ่อตอนพูดคุยกับนางนั้นเต็มไปด้วยความเพียรพยายาม นั่นทำให้หยางจิ่นซิ่วจดจำไว้ได้เป็นอย่างดี และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานางก็ไม่มีความคิดอื่นๆ และฝึกฝนอย่างจริงจังตลอดมา ด้วยการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวดของพ่อ ในที่สุดก็ได้เป็นทหารหญิงที่ถือว่ามีชื่อเสียงบ้างในค่ายทหาร
ในการออกชิงด่านถงกวานคืนนี้นางก็มั่นใจในตัวพ่ออย่างมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้พ่อจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว ในคืนที่ได้ข่าวว่ากองทัพอาณาจักรจ้าวพ่ายแพ้โดยตายกันยกกอง นางก็อยากจะถืออาวุธแล้วควบม้าฝ่าเข้าด่านถงกวานเพื่อล้างแค้นให้แก่พ่อทันที
แต่ทางเมืองหลวงห้ามไม่ให้ใครเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น ยางจึงต้องรอจนถึงวันนี้ จึงจะมีโอกาสมารับศพของพ่อ หยางจิ่วซิ่นร้องไห้อยู่นาน เพียงแค่นึกถึงชะตากรรมที่พ่อได้บอกกับนาง นึกถึงคนที่ฆ่าพ่อยังมีชีวิตอยู่ นางไม่มีทางล้มลงเช่นนี้เด็ดขาด
นางสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเช็ดน้ำตา ค่อยๆลุกยืนขึ้นอย่างโซเซ
ฉินเหยียนเดินเข้าไปอยากจะช่วยพยุงแต่กลับถูกนางปัดทิ้งอย่างแรง
“อย่ามาแตะตัวข้า!” หยางจิ่วซิ่นผลักออกอย่างแค้นเคือง นางตะคอกห้ามให้หยุด แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังมหาศาล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...