ตั้งแต่ที่แม่ทัพหญิงเดินเข้าเมืองมา ฉินเหยียนก็คาดเดาได้บ้างแล้วจากสายตาของนาง รักใครก็รักคนหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย ฉินเหยียนมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งต่อหยางจิ่นซิ่ว
นางดูองอาจกลมกลืนกับสายลมอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ หรือรู้สึกว่านางมีความแตกต่างจากหญิงสาวทั่วไปที่อ่อนแอไร้กำลัง ผู้หญิงคนนี้อันตรายมาก นางดูแล้วเป็นผู้ที่ผ่านศึกสงครามมานับไม่ถ้วน ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
“แม่ทัพหญิงตระกูลหยาง ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
หยางจิ่นซิ่วไม่สนใจคำชื่นชมของฉินเหยียน และพูดตรงๆว่า “ที่ข้ามาที่ด่านถงกวานนี้ก็เพื่อมารับศพของบิดา จะทิ้งไว้ในที่รกร้างแล้วปล่อยให้พวกเจ้าเหยียดหยามมิเป็นอันขาด!”
ฉินเหยียนเองก็ไม่รีบแก้ต่าง แต่พูดเรียบๆว่า “อาณาจักรฉินของเราให้ความสำคัญต่อวีรบุรุษ ไม่มีทางเห็นชีวิตไร้ค่าอย่างที่ขุนนางอาณาจักรจ้าวทำ ต่อให้จะอยู่คนละฝ่าย อาณาจักรฉินของเราก็ไม่มีทางเหยียดหยามทหารอาณาจักรอื่น ดังนั้นแม่นางพูดเกินไปแล้วล่ะ”
จ้าวชี่ว์ปิ้งเจ้าจิ้งจอกแก่คนนี้รู้ความหมายที่ฉินเหยียนกล่าวมาดี จึงได้ตอบโต้กลับทันทีว่า
“เจ้ามิใช่คนอาณาจักรจ้าว แล้วเหตุใดจึงรู้ว่าอาณาจักรจ้าวของเราไม่ให้ความสำคัญต่อเหล่าทหารกันเล่า?”
ฉินเหยียนหลุดหัวเราะ “เจ้ามิใช่ข้าเสียหน่อย แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่รู้ อีกอย่างเจ้าแก่คนเลอะเลือนไปหรือมีความจำเพียงเจ็ดวิเหมือนปลากันรึ เมื่อครู่นี้เจ้าด่าทอต่อว่าทหารอาณาจักรจ้าว เพิ่งผ่านมาไม่ทันไรเหตุใดจึงจำไม่ได้แล้วล่ะ? หรือว่านี่คือการกระทำของอาณาจักรจ้าวที่อ้างว่าให้ความสำคัญต่อเหล่าทหารงั้นรึ?”
จ้าวชี่ว์ปิ้งถูกฉินเหยียนพูดจนไม่อาจต่อกรอะไรได้ เขาคิดคำที่จะตอบโต้ไม่ทันจึงได้ทำเสียงเย็นชาแล้วเปลี่ยนเรื่องว่า
“ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่าองค์ชายสิบสี่แห่งอาณาจักรจ้าวเป็นพูดจาปลิ้นปล้อน ช่างพูด วันนี้พอได้พบก็เป็นดังนั้นจริงๆ”
ฉินเหยียนแสร้งยิ้ม “ชมกันเกินไปแล้ว”
จ้าวชี่ว์ปิ้งยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วพูดต่อว่า “ในเมื่อได้พบกันแล้วงั้นข้าก็ไม่ขอเสียเวลาที่นี่ต่อไปแล้ว ข้ายังมีเรื่องราชการที่ต้องเข้าเมืองไปเจรจากับท่านพ่อของเจ้า เจ้าเป็นเพียงแค่องค์ชาย ตัดสินใจอะไรเกี่ยวกับอาณาจักรฉินไม่ได้เสียด้วย”
“อย่างไรการออกมาเยี่ยมเยือนในครั้งนี้ อาณาจักรจ้าวต้องเอาสิทธิ์การครอบครองด่านถงกวานคืน แทนที่จะให้ข้าเปลืองน้ำลายพูดต่อเช่นนี้ เจ้าถอยออกไปจากด่านถงกวานจะดีกว่า อาณาจักรจ้าวของเรารับประกันว่าจะปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป และยังคงรักษามิตรภาพอันดีต่ออาณาจักรฉินเช่นเดิม มิเช่นนั้นหากกองทัพนับล้านมาโจมตี พวกเจ้าจะรับมือไม่ไหว”
ฉินเหยียนหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ผู้ตรวจการจ้าวช่างมั่นใจเสียจริง”
จ้าวชี่ว์ปิ้งเห็นดังนั้นก็คิดว่าฉินเหยียนยอมแล้วจึงหัวเราะตามแล้วพูดว่า “อย่างไรข้าเองก็นึกถึงมิตรภาพสองปีกว่าของสองอาณาจักร ไม่อยากจะทำให้ต้องแตกหักกัน”
ฉินเหยียนหุบยิ้มแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เจ้าคำนวณดังมากจนลูกคิดแทบจะกระเด็นใส่หน้าข้าแล้ว หยุดมาแนวรักษาความสัมพันธ์กับข้าจะดีกว่า”
สีหน้าของจ้าวชี่ว์ปิ้งเองก็เย็นชาขึ้นมาในพริบตา “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เดิมทีด่านถงกวานก็เป็นดินแดนของอาณาจักรจ้าว!”
ฉินเหยียนพูดอย่างภูมิใจว่า “พวกเจ้าพ่ายแพ้ ส่วนพวกข้าก็เอาชนะมาได้ด้วยความสามารถ อย่าพูดจาไร้ยางอายว่าด่านถงกวานเป็นของอาณาจักรจ้าวอีกเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...