ฉินเหยียนมองสิ่งที่หลิวเชียนเชียนบันทึกมา หนังสือบันทึกเรื่องราวของผู้คนเล่มหนาๆนั้น ยิ่งเขาอ่านมันมากเท่าไหร่สีหน้าของเขาก็ยิ่งดูแย่มากขึ้น
“ดูท่าแล้วในอาณาจักรจ้าว ชีวิตของราชวงศ์ถึงจะเป็นชีวิตสินะ ชีวิตของผู้อื่นก็เป็นเพียงเครื่องมือที่นำมาทำให้บัลลังก์มั่นคงเท่านั้น”
หลิวเชียนเชียนเองถอนหายใจยาวๆ “แล้วเหล่าชาวเมืองจะทำอย่างไรได้ละเพคะ ไม่สามารถพูดเหตุผลได้ จำใจต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากต่อไปภายใต้อำนาจที่ใหญ่หลวง”
ฉินเหยียนปิดสมุดแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ที่ใดมีความกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อต้าน น้ำสามารถทำให้เรือแล่นได้ก็ทำให้เรือล่มได้ การที่ชาวเมืองจะลุกขึ้นต่อต้านเพราะความกดขี่นั้นเป็นเรื่องของเวลาแล้ว และสิ่งที่เราต้องทำก็คือช่วยเติมไฟให้พวกเขาสักหน่อย”
......
หลายวันต่อจากนั้น ฉินเหยียนก็ได้รวมประสบการณ์ส่วนตัวของเชลยศึกอาณาจักรจ้าวและเหล่าวีรบุรุษทั้งหนึ่งร้อยแปดนายในซ้องกั๋งเข้าด้วยกัน จัดวางโต๊ะและไม้ปลุกสติเอาไว้บนกำแพงเมือง เพื่อที่จะเล่าเรื่องสั้นๆในช่วงพักของเหล่าทหาร
“ครั้งที่แล้วได้กล่าวถึงว่าเหล่าชาวเมืองมีชีวิตอยู่อย่างลำบากอย่างมาก ขุนนางเอารัดเอาเปรียบและกดขี่พวกเขา ทำให้เหล่าชายชาตรีวีรบุรุษต้องถูกบังคับให้สมัครและอุทิศชีวิตให้แก่พระราชสำนัก แต่สุดท้ายกลับถูกคนร้ายปองร้าย หากไม่ว่าถูกศัตรูจับกุมเป็นเชลยศึก ก็ต้องถูกประหารชีวิตเพราะพ่ายแพ้”
“บรรดาผู้ที่เอาตัวรอดได้ไปต่างแดนและไปลี้ภัยในอาณาจักรอื่น พึ่งพาอาณาจักรอื่น ด้วยทักษะของพวกเขา พวกเขาจึงประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้รับความเจริญรุ่งเรือง กระทั่งได้เป็นเจ้าเมืองด้วยซ้ำ......”
ฉินเหยียนจงใจตั้งโต๊ะบนกำแพงเมือง เป้าหมายก็เพื่อให้เหล่าเชลยศึกได้ยินเรื่องเล่าของเขา ด้วยอิทธิพลจากสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินอยู่เป็นประจำหลายวันติดต่อกันนั้น หัวใจของเชลยศึกอาณาจักรจ้าวก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลตั้งนานแล้ว
และได้กระจ่างแล้วว่าต่อให้จะภักดีต่ออาณาจักรจ้าวแค่ไหน ราชวงศ์อาณาจักรจ้าวก็ไม่มีทางมอบรางวัลแก่พวกเขา ความดีความชอบของพวกเขาสุดท้ายก็จะถูกกลบทิ้ง
แทนที่จะอยู่อย่างโง่เขลาเบาปัญญา ถูกพวกคนร้ายฆ่าตายอย่างไม่รู้ตัว สู้หาวิธีอื่น เลือกทางออกให้กับตนเองจะดีกว่า และในขณะที่เรื่องเล่าของฉินเหยียนใกล้จะจบลงแล้ว หน่วยสอดแนมก็ได้เข้ามารายงาน
“อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ มีคณะทูตแห่งอาณาจักรจ้าวขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยียนเหลือบตามองไปยังประตูเมือง เป็นไปตามที่เขาคาดจริงๆ เขาหยิบไม้ปลุกสติแล้วทุบลงดังปัง
“เปิดประตูเมือง ต้อนรับคณะทูตอาณาจักรจ้าวเข้าเมือง”
เมื่อสิ้นคำสั่งแล้วประตูเมืองก็ค่อยๆถูกเปิดออก ผู้ตรวจการในคณะทูตอาณาจักรจ้าว จ้าวชี่ว์ปิ้นขี่ม้าสูงใหญ่แล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างโอหังถือดี เขาควบม้าเดินนำหน้าอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...