สีหน้าของฮ่องเต้ฉินดูไม่ได้อย่างถึงที่สุด ในโอกาสที่สำคัญเช่นนี้กลับเกิดเรื่องบ้าๆนี้ขึ้นมาได้ ทำให้อาณาจักรฉินต้องอับอายขายขี้หน้า
หากฉินเหยียนมิอาจพลิกสถานการณ์ได้ หลังจากงานเลี้ยงเขาจะต้องสังหารเจ้าสารเลวนี่ด้วยมือของเขาเองอย่างแน่นอน
ส่วนฮองเฮาฉินซวงหลานนั้นอยากดูการแสดงสนุกๆ นางไม่เชื่อว่าฉินเหยียนซึ่งเป็นผู้ไม่มีความรู้และไร้สามารถจะเอาชนะนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงวรรณกรรมได้
แม้แต่จ้าวจือหย่าก็ยังหนักใจแทนฉินเหยียน นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรจ้าวและเป็นผู้นำในแวดวงวรรณกรรมย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
หากคิดจะเอาชนะด้วยการประลองบทกวีนั้นยากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์
ฉินเหยียนสะบัดข้อมือและเก็บพัดพลางตอบอย่างเย่อหยิ่งว่า
"ประพันธ์บทกวีในเจ็ดย่างก้าวจะยากอะไร ท่านบอกมาเถิดว่าหัวข้อคืออะไร?"
นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรจ้าวคิดอยู่ชั่วครู่ บังเอิญเห็นกิ่งดอกท้อวางอยู่บนโต๊ะจัดเลี้ยงจึงเอ่ยขึ้นว่า
"อย่าหาว่าข้ารังแกเด็กเลย พวกเราเอาดอกท้อมาเป็นหัวข้อก็แล้วกัน!"
เขาแค่ต้องการทำให้ฉินเหยียนลำบากใจ หากใช้หัวข้อที่เป็นคำๆเดียว นั่นจะทำให้ง่ายจนเกินไป
บทกวีเจ็ดย่างก้าวนี้ไม่เพียงแต่จะต้องมีคำว่าดอกท้อสองคำนี้อยู่ในบทกวีเท่านั้น แต่ยังต้องประพันธ์ภายในเจ็ดย่างก้าวอีกด้วยซึ่งทำให้เป็นเรื่องที่ยากเสียยิ่งกว่ายาก
โดยไม่คาดคิดฉินเหยียนกลับหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า
"หัวข้อนี้ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ถึงเจ็ดย่างก้าว ข้าเพียงแค่อ้าปากก็ประพันธ์ออกมาได้แล้ว!"
คำพูดที่มั่นใจของฉินเหยียนนั้นน่าขบขันมากสำหรับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรจ้าว
"ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กอ่อนหัด ช่างน่าขันหนัก การประพันธ์บทกวีเจ็ดย่างก้าว ณ ที่แห่งนี้ แม้แต่คนทั่วไปยังทำไม่ได้ เจ้ากลับกล้า บอกว่าเพียงอ้าปากก็ประพันธ์ออกมาได้ เกรงว่าคงจะเป็นบทกวีหยาบๆที่ทำให้พวกเราหัวเราะเสียมากกว่ากระมัง!"
คำพูดนี้ทำให้เหล่าคณะทูตของอาณาจักรจ้าวในท้องพระโรงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
"ฮ่าๆๆ หรือว่าแวดวงวรรณกรรมของต้าฉินจะน่าหดหู่จนบทกวีหยาบๆก็กลายเป็นกระแสนิยมของเชื้อพระวงศ์ไปแล้ว?"
เหล่าขุนนางในราชสำนักของอาณาจักรฉินต่างก็ก้มศีรษะอย่างเงียบๆและถอนหายใจ
"ช่างน่าอับอายนัก ต้าฉินของเราเสียหน้าไปหมดแล้ว! เฮ้อ!"
ฟันกรามหลังของฮ่องเต้ฉินแทบจะหักและสายตาของเขาก็คล้ายกับจะกินฉินเหยียน
ฉินเหยียนเอามือไพล่หลังพลางยิ้มเยาะและกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า
"พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเจ้าฟังให้ดีก็แล้วกัน!"
"ในป้อมปราการดอกท้อมีกระท่อมดอกท้อ ในกระท่อมดอกท้อมีเทพธิดาดอกท้อ เทพธิดาดอกท้อปลูกต้นท้อ และเก็บดอกท้อเพื่อขายเป็นสุรา"
เมื่อกล่าวจบทั่วทั้งตำหนักเชียงกงต่างก็เงียบกริบทันที
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มของคณะทูตจากอาณาจักรจ้าวถึงกับแข็งค้างบนใบหน้า แต่ดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความตกใจ
มีเพียงจ้าวจือหย่าที่ทำลายความเงียบในท้องพระโรงออกมาก่อน
"บทกวีสี่บรรทัดนี้ปรากฏคำว่าดอกท้อถึงหกครั้ง!"
หลังจากนั้นทุกคนในท้องพระโรงก็ส่งเสียงอุทานออกมา
"องค์ชายสิบสี่ทำได้จริงๆ มิใช่บทกวีในเจ็ดย่างก้าว และก็มีใช่บทกวีในสามย่างก้าว เขาเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและประพันธ์บทกวี!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...