ในสมัยโบราณการตัดผมหมายถึงการออกบวช
คนโบราณเน้นย้ำว่าเนื้อหนังมังสารวมถึงเส้นผมได้รับมาจากบิดามารดามิอาจทำลาย
แต่ในเวลานี้ฉินเหยียนตัดผมแทนการตัดศีรษะเพื่อพิสูจน์ความจริงใจของตน การกระทำเช่นนี้ทำให้ชาวประชาต่างก็ตกใจ
ในสายตาของทุกคนหมายความว่าต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ต่อสู้เรื่องทางโลก ไม่คิดเรื่องราชสำนัก ไม่แสวงหาอำนาจ และจะเป็นผู้สูงส่งที่ละซึ่งทางโลก
เดิมทีชาวบ้านต้องการเลือกอ๋องเหยียนเป็นจักรพรรดิและสถาปนาราชวงศ์ใหม่ ทว่าพวกเขามิได้คิดถึงปัญหาจากมุมมองของอ๋องเหยียน และถึงกับบีบบังคับจนเขาต้องตัดผมและไม่ยุ่งเรื่องทางโลกอีกต่อไป
ชาวบ้านต่างโทษตนเอง
"ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกเรา เป็นเพราะพวกเราบีบบังคับ!"
"พวกเราเห็นแก่ตัวเกินไป คิดแต่เรื่องของตนเองเท่านั้น ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของอ๋องเหยียน พวกเราผิดอย่างมหันต์!"
ชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างระเบียงต่างเศร้าโศกเสียใจ บางคนน้ำตาไหล บางคนสะอื้นเบาๆ บางคนไม่อาจควบคุมอารมณ์และร้องไห้ออกมาเสียงดัง
แม้แต่เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ที่มาด้วยกันก็ยังตื่นตระหนกกับการกระทำเมื่อครู่ของฉินเหยียน
ไม่คาดคิดว่าอ๋องเหยียนจะเป็นผู้ที่สามารถรักษาความเมตตากรุณา ความชอบธรรม ความเหมาะสม ภูมิปัญญา และความศรัทธายึดมั่นในคำสั่ง เขาไม่สนใจความเป็นความตายและตัดผมแทนการตัดศีรษะเพียงเพื่อจะพิสูจน์ความจริงใจของเขา
ผู้ที่คำนึงถึงใต้หล้าทั้งยังมีความสามารถและกลยุทธ์อันยอดเยี่ยมมิใช่กษัตริย์ผู้ปรีชาที่พวกเขาอยากจะติดตามไปครอบครองใต้หล้าด้วยหรอกหรือ!
เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าชายองค์อื่นๆในราชสำนัก พวกเขาล้วนไร้ประโยชน์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และเห็นความสำคัญของอำนาจของราชวงศ์มาเป็นอันดับแรก ให้ความสำคัญกับอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อเทียบกับอ๋องเหยียนแล้วพวกเขายังสู้สุนัขและสุกรไม่ได้เลย
ทว่าสุดท้ายแล้วราชสีห์ที่มีความเห่อเหิมทะเยอทะยานกลับตกต่ำถึงเพียงนี้
เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ที่ตามมาต่างรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก พวกเขาเสียใจอย่างสุดซึ้ง เสียใจว่าเหตุใดจึงมิได้มองการประพฤติตนของอ๋องเหยียนให้ชัดเจนเสียก่อน ทว่าเวลานี้สายเกินไปแล้วที่จะพูดอะไร
พวกเขาแต่ละคนต่างส่ายศีรษะ ถอนหายใจ ทุบหน้าอกและกระทืบเท้าเพื่อระงับอารมณ์ในใจโดยไม่ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมา
ชั่วขณะหนึ่งเมืองใหม่ทั้งเมืองก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า และทั้งเมืองต่างก็ร้องไห้อย่างขมขื่น
ฉินเหยียนลงมาจากระเบียงของหอหม่านฮวา ในมือถือผมสีดำ เมื่อสายลมพัดผ่านผมบนศีรษะของเขาที่ขาดไปก็ยิ่งเพิ่มความอ้างว้างขึ้นมาอีกหลายส่วน
เขายืนอยู่เบื้องหน้าองค์ชายใหญ่ สองมือถือผมที่ตัดออกมา
องค์ชายใหญ่ฉินชงตกตะลึงเป็นอย่างมาก สองมือที่ถือพระราชโองการสั่นอย่างควบคุมมิได้ คิ้วของเขาบิดเบี้ยวพลางจ้องไปที่ฉินเหยียนอย่างเคร่งขรึม และกล่าวด้วยเสียงอันเบาว่า
"เจ้าเล่นละครหนักเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!"
ฉินเหยียนมองเข้าไปในดวงตาที่สงสัยขององค์ชายใหญ่ จากนั้นยิ้มอย่างขมขื่นและจนปัญญาพลางกล่าวว่า
"ตัดผมยังดีเสียกว่าตัดศีรษะ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะรักษาชีวิตของข้าเอาไว้ได้"
องค์ชายใหญ่ฉินชงถอนหายใจ และกล่าวว่า
"หยิบกล่องผ้ามา!"
แม่ทัพที่อยู่ข้างกายรีบมอบกล่องผ้าให้ทันที
ภายใต้สายตาของทุกคนฉินเหยียนนำผมที่ตัดออกมาวางลงไปในกล่องผ้า
จากนั้นก็คุกเข่าลง และกล่าวเสียงดังว่า
"หม่อมฉันขอบพระทัยในพระเมตตาของเสด็จพ่อพะยะค่ะ!"
เมื่อเห็นอ๋องเหยียนรับราชโองการมาจากองค์ชายใหญ่ ชาวบ้านทั้งเมืองก็มิอาจระงับความโศกเศร้าในใจไว้ได้อีกต่อไปและ ร้องไห้เสียงดังออกมา
คล้ายกับว่าพวกเขาต้องการระบายความอยุติธรรมและความคับข้องใจทั้งหมดออกมาแทนอ๋องเหยียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...