องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 292

สรุปบท ตอนที่ 292 อาหารค่ำมื้อสุดท้าย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์

ตอน ตอนที่ 292 อาหารค่ำมื้อสุดท้าย จาก องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 292 อาหารค่ำมื้อสุดท้าย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติกโบราณ องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ ที่เขียนโดย Namfon เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ทหารพยักหน้า และตอบตามความเป็นจริงว่า

"ขอรับ องค์ชายเจ็ดถูกคุมขังอยู่ที่จงเหรินฝู่ อยู่ข้างๆท่านนี่เอง"

ฉินเหยียนกล่าวอย่างใจกว้างว่า

"ส่งอาหารไปที่เสด็จพี่เจ็ดของข้า อีกสักครู่ข้าจะไปหาเขาเพื่อพูดคุยกันสักหน่อย"

เหล่าทหารต่างก็ตกตะลึงชั่วครู่ แล้วขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า

"ที่นี่คือจงเหรินฝู่ ไม่สามารถเยี่ยมเยียนกันได้ พวกท่านมิอาจไปมาหาสู่กัน!"

จ้าวจือหย่าจึงหยิบเงินออกมาแล้วเดินไปยัดใส่มือทหาร

"ท่านทหาร โปรดช่วยเหลือเหลือสักหน่อยเถิด!"

ทหารประเมินน้ำหนักเงินในมืออีกครั้งทันใดนั้นใบหน้าก็เผยความปิติ เพราะเห็นแก่เงินเหล่านี้จึงยอมผ่อนปรนและกล่าวว่า

"คุยกันได้คุยกันได้ องค์ชายเจ็ดถูกคุมขังอยู่ลานใกล้ๆท่านนี่เอง อยากจะไปหาก็บอกพวกเราได้พวกท่านไปได้ตลอดเวลา"

ฉินเหยียนโบกมือ และกล่าวว่า

"ได้ พวกเจ้าไปเถิด เมื่อเตรียมอาหารเสร็จแล้วข้าก็จะไปทันที!"

"ขอรับ"

เมื่อเหล่าทหารออกมาจากห้องของฉินเหยียนแล้วก็มองไปที่เงินในมืออีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า

"จะว่าไปองค์ชายสิบสี่นี่ใจกว้างกว่าองค์ชายเจ็ดเยอะเลย!"

............

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่รอมานานแต่ก็ไม่มีผู้ใดตอบ เขายังคงยืนอยู่ข้างหน้าต่างและรออย่างกระตือรือร้น

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ตกลงผู้ใดถูกคุมขัง หรือว่าจะเป็นเจ้าแปด?"

"ทางที่ดีควรขังเขา คนน่ารำคาญเช่นนั้นอาศัยฮองเฮาใช้ตำแหน่งและอำนาจในทางมิชอบ คุมขังเขาไว้ก็ดี!"

ในขณะที่เขากำลังพึมพำประตูของลานก็เปิดออก และทหารกลุ่มหนึ่งก็เข้ามา

พวกเขาไม่ได้พูดอะไรมากเพียงเปิดกล่องอาหารที่พวกเขานำมาและวางอาหารเลิศรสไว้บนโต๊ะอาหารขององค์ชายเจ็ดฉินอวี่

ที่วางบนโต๊ะมีทั้งไก่นึ่ง เป็ดย่าง ปลาย่าง และขาหมู อาหารจานหลักรวมสี่อย่าง และยังมีของว่างชั้นยอดที่หาได้เฉพาะในวังเท่านั้น

เมื่อองค์ชายเจ็ดฉินอวี่เห็นก็เบิกตากว้าง เขาอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้วและได้มอบเงินให้กับทหารเหล่านั้นเพื่อที่จะได้กินอาหารง่ายๆ เวลานี้เมื่อเห็นอาหารอันโอชะเหล่านี้เขาก็น้ำลายไหลจนหยุดไม่ได้

ในขณะที่เขากำลังปลื้มปิติอยู่นั้นเองจู่ๆเขาก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นเรื่องไม่ปกติจะต้องมีลับลมคมในอย่างแน่นอน หรือว่านี่จะเป็นอาหารค่ำมื้อสุดท้าย?

เมื่อคิดถึงตรงนี้สมองขององค์ชายเจ็ดฉินอวี่ก็ว่างเปล่า ร่างของเขาแกว่งไปมาและเอนตัวพิงกำแพงพลางกล่าวปนน้ำเสียงร้องไห้ว่า

"เสด็จพ่อยังต้องการจะสังหารข้าหรือนี่!"

ร่างของเขาเหมือนลูกหนังที่ลมรั่ว เขาทรุดตัวลงกับพื้นตามแนวกำแพง และดวงตาเขาก็ไร้แววทันที

และในเวลานี้เอง

ฉินเหยียนก็เดินถือเหล้าไหหนึ่งเข้ามา

"ฆ่าเฆ่ออะไรกัน วันๆรู้แต่จะฆ่าจะแกง เจ้ากลัวความตายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?"

"ตึง" ฉินเหยียนวางไหเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรง

เสียงนี้ทำให้องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ตกใจ และความคิดของเขาก็กลับมาสู่ความเป็นจริง เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นฉินเหยียนยืนอยู่เบื้องหน้า นัยน์ตาของเขาก็เกิดประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันที

"เสด็จพี่สิบสี่!"

ฉินอวี่โผไปหาฉินเหยียนทันทีแล้วกอดขาเขาพลางร้องไห้ และกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า

"เสด็จพี่! ในที่สุดท่านก็มาช่วยข้าแล้ว!........"

"เฆี่ยนต่อไป ถามต่อไป! หากไม่สารภาพก็เฆี่ยนมันให้ตาย!"

"ขอรับ!"

.......

ณ คุกหลวง กรมอาญา

ผู้คุมถือแส้และกระบองพลางทรมานแม่ทัพทั้งสามอย่างไม่หยุดหย่อน

ทหารคนหนึ่งหยิบเหล็กร้อนออกมาจากไฟถ่านแล้วนาบลงบนร่างของคนคนหนึ่ง

"อ๊า!"

เมื่อเหล็กร้อนสัมผัสกับผิวหนังก็เกิดเสียงกรีดร้องทันที และกลิ่นเนื้อไหม้ก็อบอวลไปในอากาศ

"ขอเพียงเจ้าสารภาพก็จะไม่ต้องทรมานเช่นนี้ เหตุใดพวกเจ้าจึงต้องทำเช่นนี้เล่า!"

ใบหน้าของแม่ทัพหวางกระตุกด้วยความเจ็บปวด เขาเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากและจ้องมองไปที่ผู้คุม

"ตอนที่ฆ่าสังหารศัตรูอยู่ที่ชายแดนเจ้ายังเล่นโคลนอยู่เลย เจ้าก็เป็นเพียงสุนัขที่ชุบเลี้ยงโดยขุนนางโฉด เอาสิ! ทำต่อเลย!"

สีหน้าของผู้คุมเปลี่ยนไป เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและกล่าวว่า

"เจ้ากล้าด่าข้าเช่นนั้นรึ!"

"เจ้ามันแย่ยิ่งกว่าสุนัข เมื่อสุนัขกระดิกหางเจ้านายมันยังลูบสองสามที แต่หากเจ้ากระติกหางเจ้านายกลับรังเกียจ ฮ่าๆๆ....."

ผู้คุมโกรธมาก เขาพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็ยกเหล็กในมือขึ้นและนาบลงไปอีกครั้ง

"ฉ่า"

"อ๊า......"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์