ฉินเหยียนคาดการณ์ไว้แล้วว่าไท่ฟู่จะเลือกทำเช่นนี้ จึงได้ค่อยๆพูดว่า
“คนเรามีชีวิตอยู่จะต้องมีหน้ามีตา ต้นไม้ก็ยังต้องมีเปลือก ไท่ฟู่เองก็เช่นกัน อย่างไรการที่รุ่งโรจน์มาทั้งชีวิตจนแก่ชราแล้ว เขาเองก็ไม่อยากทิ้งความอับอายไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์เพราะวางแผนแย่งชิงบัลลังก์ หลังจากที่ตายไปแล้วหรอก ตราบใดที่ยังไม่ถึงทางตันสุดท้าย เขาก็ไม่มีทางเสี่ยงแน่นอน”
จ้าวจีเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆพูดว่า “เมื่อก่อนข้ามักคิดว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตรานั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย คิดไม่ถึงเลนว่ากลับมีประโยชน์มากเช่นนี้ สามารถทำให้ผู้คนยอมประนีประนอมเพื่อชื่อเสียงได้”
ฉินเหยียนกอดอกแล้วพูดตรงๆว่า “แน่นอนอยู่แล้ว อย่างไรทั้งชีวิตของคนเรา ไม่ว่าใครก็อยากจะมีชื่อเสียงอันดี ได้จารึกเป็นประวัติศาสตร์จดจำไปตลอดกาล ไม่มีใครอยากจะทิ้งความอับอายเอาไว้หรอก”
องค์ชายเจ็ดเปลี่ยนเรื่องแล้วถามขึ้นว่า “ตอนนี้ไท่ฟู่น่ะรอดแล้ว แล้วต่อไปเราจะทำอย่างไรกันต่อดี?”
ฉินเหยียนพูดอย่างคาดเดายากว่า “ไม่ต้องร้อนใจไปอีกสิบวันข้างหน้าจะเกิดช่วงตื่นตระหนก ช่วงนี้ยังมีตัวแปร รอดูกันต่อไปเถิด!”
......
เมืองหลวงอาณาจักรฉิน
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์เปลี่ยนแปลงไป ด้วยความพยายามของนาง นางสามารถเปลี่ยนจากอีกากลายเป็นหงส์ได้ สามารถได้รับการเลื่อนขั้นถึงสามระดับภายในหนึ่งวัน โดยเลื่อนจากต๋าอิ้งเป็นกุ้ยเหรินได้ นั่นถือเป็นความรวดเร็วในการเลื่อนขั้นมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แม้แต่หัวหน้ากิจการพระราชวังอย่างขันทีเกาที่อยู่เคียงข้างฝ่าบาทเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุเช่นกัน ทำได้เพียงต้องส่งสิ่งของที่กุ้ยเหรินควรจะมีให้ฉีเยี่ยนเอ๋อร์ ขณะนี้ฉีเยี่ยนเอ๋อร์กำลังถูกปรนนิบัติอยู่
ขันทีเกายกชุดเครื่องกุ้ยเหรินมายังเบื้องหน้าของฉีเยี่ยนเอ๋อร์ เขายิ้มแย้มยินดีว่า
“ขอแสดงความยินดีกับกุ้ยเหรินด้วย ถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้ยเหรินตั้งแต่อายุสิบหกเช่นนี้ ฝ่าบาทยังได้มอบตำหนักจงชุ่ยให้แก่ท่านโดยเฉพาะด้วย เป็นคนแรกเลยที่ได้รับความโปรดปรานเช่นนี้!”
ตั้งแต่ถูกแต่งตั้งฉีเยี่ยนเอ๋อร์ก็ดูสง่างามและมีเกียรติทันที นางหันมองตนเองในกระจกแล้วแตะต่างหูพร้อมพูดสบายๆว่า
“ก็แค่กุ้นเหรินเท่านั้น มิมีเรื่องอะไรต้องภาคภูมิใจหรอก ศีรษะของเจ้าและข้าต่างก็ยังอยู่บนไหล่กันทั้งนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะหล่นลงมาทุกเมื่อเหมือนกัน”
ขันทีเกาสีหน้าประหลาดใจขึ้นทันที “เหตุใดกุ้ยเหรินจึงกล่าวเช่นนี้ล่ะ?”
ริมฝีปากสีแดงของฉีเยี่ยนเอ๋อร์พูดขึ้นอย่างคับแค้นใจว่า “ความลับที่ทุกคนล้วนรู้กันดีนั้น เพียงแต่ขันทีเกามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งในเรื่องนั้นจึงยังไม่รู้ก็เท่านั้น”
แม้ขันทีเกาจะเป็นขันทีคนหนึ่ง แต่การที่สามารถไต่ขึ้นมาถึงตำแหน่งหัวหน้ากิจการพระราชวังได้ในพระราชวังที่เต็มไปด้วยความลำบากนี้ ก็คงไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน แต่คำพูดของฉีเยี่ยนเอ๋อร์กลับทำให้เขามึนงงไปหมด เขาโค้งตัวแล้วประสานมือคารวะพร้อมถามขึ้นว่า
“ข้าโง่เขลานัก ขอความกรุณากุ้ยเหรินอธิบายแก่ข้าทีเถิด”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์ยังคงส่องกระจกอยู่ นางแตะต่างหูแล้วพูดช้าๆว่า “แม้ไท่ฟู่จะขอกลับไปยังถิ่นเกิดแล้ว แต่อำนาจในราชสำนักยังคงอยู่เช่นเดิม ต่อให้ตัวไม่อยู่ที่นี่ ตราบใดที่เขาอยากจะก่อกบฏ ด้วยกำลังของเขาก็ยังคงสามารถเปลี่ยนราชวงศ์ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...