ไฟไหม้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเผชิญกับไฟนี้ กำลังของคนก็ไม่เป็นประโยชน์นัก ไม่ว่าจะพยายามดับไฟแค่ไหนก็ไม่สำเร็จ ไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสตระกูลซ่งต่างพากันร้อนรนอย่างมาก พวกเขายืนล้อมอยู่ห่างๆ แล้วตะคอกให้คนรับใช้ดับไฟ
“ไปดับไฟทางนั้น!”
“เจ้าคนไร้ประโยชน์ เจ้าโง่ รีบไปเอาน้ำมา!”
เหล่าคนรับใช้รีบร้อนวุ่นวายไปหมด ไม่กล้าหยุดพักเลยแม้แต่นาทีเดียว พวกเขาวิ่งเข้าไปท่ามกลางควันไฟหนาแน่นเพื่อดับไฟอย่างสุดกำลัง แต่ทว่าคนรับใช้ที่ทำการดับไฟนั้นยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ประกอบกับลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมาด้วยแล้ว ทำให้ไฟลุกลาม อาคารโดยรอบเองก็เริ่มลุกไหม้อย่างรุนแรง
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลซ่งสำลักควันไฟจนลืมตาไม่ขึ้น พวกเขาปิดปากปิดจมูก ไอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วพูดอย่างสงสัยว่า
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดคนดับไฟจึงน้อยลงเรื่อยๆ?”
ผู้นำผู้อาวุโสที่อาการสาหัสแต่แรกแล้วสำลักควันไฟจนหายใจไม่ออก เขาพยายามพูดว่า
“อย่าพูดไร้สาระ รีบดับไฟเร็วเข้า!”
เมื่อสิ้นเสียงแล้ว หลังคาหลังหนึ่งทางทิศตะวันออกก็พังทลายลงมาอย่างเสียงดัง ทำให้เหล่าผู้อาวุโสตระกูลซ่งตกใจจนขวัญกระเจิง
ไฟลุกโชนอย่างรุนแรงจนทำให้เมืองหลวงสว่างไสวในยามค่ำคืน ไฟยังคงลุกไหม้ต่อไปเป็นเวลาหลายชั่วโมงตลอดทั้งคืน จนกระทั่งฟ้าสาง ทั่วท้องฟ้าในเมืองหลวงก็เต็มไปด้วยหมอกควัน
อย่างไรก็ตาม ภายใต้แสงยามเช้า จวนตระกูลซ่งได้ถูกมอดไหม้จนเหลือแค่ซากปรักหักพัง สุดท้ายมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษชิ้นสุดท้ายก็ถูกไฟลุกไหม้จนเป็นเถ้าถ่าน
บนถนนนอกจวนบรรพบุรุษตระกูลซ่ง เหล่าผู้อาวุโสตระกูลซ่งมีสภาพราวกับสุนัขไร้บ้าน สภาพควันเต็มตัว ดำเกรียมไปหมดเหมือนขอทานชรา ยืนโดดเดี่ยวอยู่นอกลาน ไม่มีแม้กระทั่งคนรับใช้เลยแม้แต่คนเดียว จ้องมองจวนบรรพบุรุษที่กลายเป็นซากปรักหักพังอย่างเหม่อลอย
“หมดสิ้นแล้ว ทุกอย่างหมดสิ้นแล้ว......”
“พรึบๆ” นกพิราบส่งข่าวสีขาวกระพือปีกบินไปยังเขตซุ่นชิ่ง บินข้ามผ่านภูเขาและแม่น้ำ ทุ่งนาและบ้านไร่ ไม่นานก็ได้มาถึงยังเขตซุ่นชิ่ง กลับมายังห้องของฉินเหยียน
ต้าหย่งไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เมื่อเห็นนกพิราบส่งข่าวมาถึงก็รีบหยิบเม็ดข้าวสารมากำหนึ่ง เพื่อล่อให้นกพิราบส่งข่าวบินมาลงบนฝ่ามือ
เขานำจดหมายออกมาจากขาของนก แล้ววิ่งไปยังห้องของฉินเหยียนอย่างดีอกดีใจ เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วประสานมือคารวะรายงานว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จดหมายนกพิราบของอวี่ชินหวังมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ประตูห้องเปิดออก
เสี่ยวเยว่วิ่งลุกล้มคลุกคลานออกมา สีหน้าร้อนรนและซึมเศร้า เห็นได้ชัดว่าไม่ได้นอนหลับมาทั้งคืน
“แม่นางเสี่ยวเยว่ขอรับ”
“โชคดีเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเยว่รีบกล่าวทักทายกลับ นางรับจดหมายมาแล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านในห้อง
ขณะนี้ฉินเหยียนได้ตื่นแล้ว เขากำลังชำระกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีสิบสองปิ่นหิรัญย์คอยปรนนิบัติ
เสี่ยวเยว่รีบวิ่งโซเซเข้ามาแล้วล้มลงตรงเบื้องหน้าของฉินเหยียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...