องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 446

“มีพ่ะย่ะค่ะ”

ท่านครูรายงานอย่างเคารพว่า “ไม่กี่เดือนมานี้เหล่านักเรียนของเมืองใหม่ต่างก็ขยันขันแข็ง ไม่เกียจคร้านเลยพ่ะย่ะค่ะ การทดสอบของมณฑลก่อนหน้านี้ มีผู้สอบผ่านมากกว่าสี่ร้อยคนพ่ะย่ะค่ะ”

“ผู้ที่อายุน้อยที่สุดมีเพียงอายุสิบหกปีเท่านั้น มากที่สุดไม่เกินสี่สิบปีพ่ะย่ะค่ะ ในนั้นยังมีนักเรียนหญิงกว่าหนึ่งร้อยคน เพียงแต่หากจะเข้าร่วมสอบราชการ......”

ความหมายนั้นไม่ต้องพูดก็รู้ดีอยู่แล้ว การที่ผู้หญิงเรียนหนังสือถือเป็นประวัติการณ์ หากเป็นการสอบในสถานศึกษายังดี เพราะอย่างไรก็เป็นการสอบเล็กๆที่สถานศึกษาของพื้นที่นั้นจัดขึ้นเอง

อย่างไรก็ตามการสอบราชการอย่างการสอบระดับมณฑล การสอบระดับเมืองหลวง การสอบระดับพระที่นั่ง ยังไม่เคยมีผู้หญิงที่สามารถเข้าสอบได้

ฉินเหยียนโบกมืออย่างไม่แยแส

“ไม่ใช่ปัญหา เรียกผู้เข้าสอบทั้งสี่ร้อยกว่าคนในการสอบระดับถิ่นมาให้หมด ข้าจะทดสอบด้วยตนเอง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ท่านครูเมืองใหม่ประสานมือคารวะแล้วก็ออกจากจวนเจ้าเมืองไปทันที

ฉินเหยียนและผู้ดูแลตรอกทั้งเจ็ดคุยกันเพลิดเพลิน เพื่อถามถึงสถานการณ์ระยะนี้

ผู้ดูแลคลังเสบียงรายงานเสบียงในคลังเสบียงในช่วงระยะนี้

“สถานเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด รวมถึงเลี้ยงหมู แกะ วัว ม้า ตั้งอยู่หลายแห่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ ด้วยแผนการที่ท่านอ๋องได้ชี้แนะ การพัฒนาการเลี้ยงสัตว์กำลังเฟื่องฟูและขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆพ่ะย่ะค่ะ”

“มูลของปศุสัตว์ในทุกวัน ส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้เป็นปุ๋ยด้านการเกษตรพ่ะย่ะค่ะ ส่วนฟางข้าวเก่าบางส่วนในทุ่งนาเองก็ได้ถูกนำมาใช้เลี้ยงปศุสัตว์พ่ะย่ะค่ะ การหมุนเวียนที่สมบูรณ์แบบนี้พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาหนึ่งปี คลังเสบียงมีเสบียงสิบกว่าปีสำหรับหนึ่งล้านคนพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนได้ยินรายงานแล้วก็ปรบมือชื่นชมเป็นรางวัลให้

“ดีมาก ดีมาก ชาวเมืองถือเรื่องอาหารการกินสำคัญเป็นอันดับแรก การได้ทานอย่างอิ่มท้องและมีเสื้อผ้าอุ่นๆสวมใส่ จึงจะทำให้สุขภาพแข็งแรง”

คนต่อไปคือผู้ดูแลสิ่งทอรายงานอย่างเคารพว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่อาณาจักรฉินจะเกิดสงคราม ก็ได้เปิดรับสมัครแรงงานหญิงที่เขตปกครองสิบหกเขตแห่งเยี่ยนหยุนตามรับสั่งของท่านเรียบร้อยแล้ว อุตสาหกรรมทอผ้าในอาณาจักรจ้าวมีความก้าวหน้า และผ้าเมฆก็ดีที่สุดในโลกพ่ะย่ะค่ะ”

“คนงานเหล่านี้ได้เข้าสู่การผลิตแล้ว อีกไม่นานอุตสาหกรรมผ้าของอาณาจักรฉิน ก็จะก้าวแซงอาณาจักรจ้าวไปได้ ทลายการผูกขาดตลาดผ้าเมฆ”

“ไม่เลว ไม่เลว......”

ฉินเหยียนชื่นชมอีกครั้ง จากนั้นก็หันหน้าไปออกคำสั่งเบาๆให้จ้าวจีเอ๋อร์ไปเรียกหลินซิ่วไฉมา

การรายงานยังคงดำเนินต่อไป จ้าวจีเอ๋อร์เดินออกไปหาคนอย่างรวดเร็ว

ห้องคนรับใช้

หลู่เจาเอาอาหารมาจากห้องครัวมาเล็กๆน้อยๆ แล้วรีบกลับไปยังห้อง

“สามี ทานอาหารได้แล้ว”

หลินซิ่วไฉกำลังค้นคว้าภาพบนกระดาษ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ขยับตัวเลย

“สามี มาทานก่อนเถิด”

หลู่เจานำอาหารมาวางเรียบร้อยแล้วน้ำเสียงของนางหงุดหงิดเล็กน้อย

“ท่านอ๋องบอกว่า การทานข้าวนั้นสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเก่งกาจเพียงใดก็ต้องทานข้าว หลายวันมานี้เจ้าผอมไปมาก”

“หากไม่อาจทำสิ่งที่ท่านอ๋องรับสั่งมาให้สำเร็จ ข้าก็ทานไม่ลงเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์