องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 559

การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงทั้งหมดสิ้นสุดลงแล้ว ฮ่องเต้ฉินก็กลับพระราชวังพร้อมกองทัพ เมื่อกลับถึงพระราชวังแล้วก็ได้ออกพระราชโองการ เพื่อบัญชาให้องค์ชายทั้งสามคนดูแลอาณาจักร

ฉินหวังฉินชง องค์ชายใหญ่เป็นผู้นำกองทัพ ดูแลเรื่องการทหาร

อ๋องอวี่ องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ ดูแลเรื่องธุรกิจและการเมือง

อ๋องเหยียน องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียน ดูแลเรื่องชาวเมือง

ทั้งสามคนมีหน้าที่ดูแลแตกต่างกันไป มีกำหนดการดำเนินการ มีกลยุทธ์ที่ดีในการปกครองอาณาจักร ไม่จำเป็นต้องส่งสาส์นกราบทูล สามารถเริ่มดำเนินการก่อนรายงานได้

พี่น้องร่วมใจกันพัฒนาอาณาจักรฉินให้เจริญขึ้น แต่จะว่าไปก็แปลก ตั้งแต่มีการออกหมายพระราชโองการแล้วฮ่องเต้ฉินก็หายไปเลย ราวกับเกษียณแล้วยังไงอย่างงนั้น ไม่มีการถามไถ่เรื่องพระราชสำนักอีก แม้แต่พระราชสำนักช่วงเช้าเขาก็ไม่เข้าร่วม คนส่วนใหญ่คิดว่าเพราะการกบฏของเหล่าโอรสในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อฮ่องเต้ฉินอย่างหนัก

แต่มีเพียงฉินเหยียนที่รู้และเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของท่านพ่อ มันไม่ใช่เพียงเพราะลูกชายจะฆ่าพ่อหรอก การกระทำที่ทรยศเช่นนี้ทำให้ฮ่องเต้ฉินรู้สึกท้อใจไม่มากก็น้อย

เขาเป็นถึงฮ่องเต้ แต่กลับไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้เลย ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของฉินเหยียน นั่นทำให้ฮ่องเต้ฉินรู้สึกว่าตนเองเหมือนหุ่นเชิด ดังนั้นเขาจึงทำการเกษียณ แม้ว่าจะไม่ได้เกษียณอย่างเป็นทางการ แต่การมอบดินแดนออกไป หากเวลาผ่านไปนาน การเกษียณก็จะเป็นไปตามนั้น

ฉินเหยียนรู้ว่าท่านพ่อคิดจะทำอะไร หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปฉินเหยียนก็ต้องสืบทอดบัลลังก์ จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ฉินเหยียนจะต้องเข้าเฝ้าท่านพ่อให้เร็วที่สุด จะไม่ยอมสืบทอดบัลลังก์เด็ดขาด

เพียงแต่ไม่คิดว่าท่านพ่อจะเด็ดเดี่ยวมากถึงเพียงนี้ ฉินเหยียนขอเข้าเฝ้าหลายครั้งเขาก็ไม่ยอมพบ ต่อให้ฉิยเหยียนเอาเหล้าที่ดีที่สุดมาขอเข้าเฝ้าก็ยังคงไม่พบเช่นเคย

ด้วยความหมดหนทางฉินเหยียนจึงแอบนัดพบฉีเยี่ยนเอ๋อร์แล้วถามว่า “ช่วงนี้ท่านพ่อเป็นอะไร เหตุใดจึงไม่พบข้า?”

ฉีเยี่ยนเอ๋อร์เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตอบตามความจริงว่า

“ฝ่าบาทตรัสเพียงว่าไม่พบ โดยเฉพาะหากเป็นท่านอ๋องเพคะ อย่างไรก็ไม่พบเด็ดขาด ปกติแล้วยังมีการเล่นหมากรุกกับขันทีเกาเป็นครั้งคราว แต่พอได้ยินว่าอ๋องเหยียนเสด็จมา ฝ่าบาทก็รีบปิดประตูเลยเพคะ หากไม่จากไปก็ไม่ยอมออกมาเพคะ”

ฉินเหยียนขมวดคิ้ว “ข้าทำอะไรให้เขาโกรธรึ?”

เมื่อคิดแล้ว ในเมื่อท่านพ่อไม่ยอมพบเขา เช่นนั้นเขาก็จะดึงดันเฝ้าอยู่หน้าประตูตำหนักหย่างซิน พอยืนแล้วก็ผ่านไปเป็นเวลาสามคืนสามวัน

ในระหว่างนั้นเมื่อฉีเยี่ยนเอ๋อร์และขันทีเกาเห็นอ๋องเหยียนเด็ดเดี่ยวเช่นนั้น ทั้งคู่ก็คอยเป่าหูฮ่องเต้ฉินอยู่ครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้ผล ราวกับว่าฮ่องเต้ฉินใจแข็งดังก้อนหิน หลบหน้าฉินเหยียน

วันนี้เวลากลางคืน

ท้องฟ้ามืดครึ้มและมีฟ้าร้องสนั่น ลมแรงทำให้เกิดฝนตกหนักและเทลงมา ฉินเหยียนยังคงอุ้มเหล้าไหหนึ่งเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นลมฝนก็ไม่อาจห้ามไม่ให้ให้เขายืนอยู่หน้าตำหนักหย่างซินได้

ในตำหนัก

ฉีเยี่ยนเอ๋อร์คอยชะเง้อหน้ามอง นางเป็นห่วงอ๋องเหยียนอย่างมาก นางทุบไหล่ให้ฮ่องเต้ฉินแล้วพยายามช่วยพูด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์