พ่อครัวอ้วนไม่คิดว่าฉินเหยียนจะจริงจัง เขากลืนน้ำลายและกล่าวอย่างประหม่าว่า
"ท่าน ท่านจะถามอะไรหรือขอรับ?"
ฉินเหยียนรีบถามอย่างรวดเร็วว่า
"ครอบครัวเจ้ามีกี่คน?"
"แปดคน"
พ่อครัวอ้วนก็รีบตอบกลับเช่นกันด้วยเกรงว่าหากตอบช้าจะถูกตัดศีรษะ
"บิดาแซ่อะไร?"
“แซ่จาง"
"มารดาอายุเท่าไหร่?"
"เจ็ดสิบสาม"
"มีลูกหรือไม่?"
"บุตรชายสอง บุตรสาวหนึ่ง!"
"หงหลูชื่อมีหม้อกี่ใบ?"
"สามใบ!"
"ทูตของอาณาจักรจ้าวให้เงินเจ้าเท่าใด?"
"ห้าสิบตำลึง!"
มุมปากของฉินเหยียนโค้งขึ้นเล็กน้อย
"อ้อ! ที่แท้อาณาจักรจ้าวก็ซื้อตัวเจ้าด้วยเงินห้าสิบตำลึงนี่เอง"
เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นบนหน้าผากของพ่อครัวอ้วน การถามและการตอบคำถามอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ทำให้เขาไม่มีเวลาคิดและพลั้งปากพูดไปโดยไม่ทันระวัง
"ไม่มี ไม่ใช่! ใต้เท้า ข้าพูดผิดไป!"
"เจ้าไส้ศึก ยังจะแก้ตัวอีกหรือ!"
พ่อครัวอ้วนพยายามอธิบายอย่างเต็มที่
"ใต้เท้า ใต้เท้า โปรดฟังข้าอธิบายก่อน ข้ามิใช่ไส้ศึกจริงๆ!"
ดูจากท่าทางของเขาแล้วไม่ใช่ไส้ศึกก็บ้าแล้ว
พ่อครัวอ้วนผู้นี้นับว่าทำตัวเองแท้ๆ
ฉินเหยียนคิดไว้แล้วว่าหงหลูซื่อไม่สงบสุข หากไม่มีไส้ศึกงานเลี้ยงเมื่อคืนก่อนจะมีทหารผู้บริสุทธิ์เลือดสาดกระเซ็นมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร
ยังไม่ทันที่เขาจะมีโอกาสเอ่ยปาก ดาบก็ปาดไปที่คอของเขาแล้ว
พ่อครัวอ้วนชุ่มไปด้วยเลือดทันที
"อา!"
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างอุทานด้วยความตกใจ แม้แต่รักษาการเสนาบดีหงสหลูซื่อยังตกใจจนหน้าซีด และเหงื่อเย็นๆก็ไหลอาบหลังของเขา
ฉินเหยียนชี้ดาบไปที่ร่างของพ่อครัวอ้วนที่นอนอยู่บนพื้นและกล่าวเตือนว่า
"นี่ก็คือจุดจบของผู้ที่เป็นไส้ศึก"
ทุกคนต่างมิกล้าเงยหน้าขึ้น แต่ละคนตกใจจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ฉินเหยียนคิดในใจว่า
คนกลุ่มนี้แต่ละคนล้วนมีปัญหา เก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน ค่อยสอบสวนทีละคนภายหลัง
มีเรื่องสำคัญที่เร่งด่วนในตอนนี้ ฉินเหยียนชี้ไปที่รักษาการเสนาบดีหงสหลูซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้น และกล่าวว่า
"เจ้ามานี่"
รักษาการเสนาบดีหงหลูซื่อสะดุ้งเมื่อชื่อของเขาถูกเรียกจึงกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า
"อา? ข้าหรือ?"
"เรียกเจ้ามาเจ้าก็มา มัวพูดไร้สาระอยู่ได้ รีบพาข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ข้าต้องการสอบปากคำทูตแห่งอาณาจักรจ้าว"
รักษาการเสนาบดีหงหลูซื่อไม่กล้าลังเลและลุกขึ้นยืนทันทีพลางกล่าวอย่างนอบน้อมว่า
"ขอรับ ข้าจะพาท่านไป!"
เขาเดินนำทางฉินเหยียนอยู่ด้านหน้า
เมื่อเข้าไปในห้องโถงของหงหลูซื่อแล้ว ฉินเหยียนก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบายๆและวางขาลงบนโต๊ะพลางมองดูของตกแต่ในห้องโถงใหญ่ สิ่งของเหล่านั้นเรียบง่ายซึ่งถูกใจเขา
รักษาการเสนาบดีหงหลูซื่อมองดูท่านั่งของฉินเหยียนพลางคิดในใจว่า มีท่าทางแห่งองค์ชายที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต่างจากพวกอันธพาลข้างถนน ทว่าเขามิกล้าแสดงความไม่พอใจในใจออกมาแม้สักนิด และยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง
ฉินเหยียนสงสัยว่าเขาเข้ามาในห้องโถงได้สักพักแล้วเหตุใดจึงไม่มีคนนำชามาให้ จึงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า
"ข้าเพิ่งเข้ารับตำแหน่งและเป็นหัวหน้าของพวกเจ้า แม้แต่ชายังไม่ยกมาให้หรือ?"
รักษาการเสนาบดีหงหลูชื่อรีบอธิบายว่า
"เรียนใต้เท้า พ่อครัวเพิ่งถูกท่านสังหารไป คิดว่าหากต้องการดื่มชาเกรงว่าจะต้องรอพ่อครัวใหม่เข้ารับตำแหน่งขอรับ"
ฉินเหยียนรู้สึกกระอักกระอ่วนทันที เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
เขาจึงโบกมือและกล่าวว่า
"ช่างเถอะ ช่างเถอะ คราวหน้าข้าจะนำนางกำนัลมาชงชาเอง"
"เจ้าพาคนไปนำทูตของอาณาจักรจ้าวทั้งหมดมาหาข้า ข้าจะสอบปากคำด้วยตัวเอง"
"ขอรับ!"
รักษาการเสนาบดีหงหลูซื่อตกใจกลัวและนำทางองครักษ์ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
หลังจากนั้นไม่นานองครักษ์ก็นำเหล่าทูตของอาณาจักรจ้าวที่ถูกมัดไว้มายังเบื้องหน้าฉินเหยียน
"คุกเข่า!"
เหล่าทูตของอาณาจักรจ้าวคุกเข่าเป็นแถวด้วยสีหน้าโกรธจัด หากสายตาสามารถสังหารคนได้ เวลานี้ฉินเหยียนคงจะถูกพวกเขาสังหารไปแล้วเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
ฉินเหยียนกล่าวด้วยท่าทางขี้เล่นว่า
"ถามอะไรพวกเจ้าสักหน่อย ขอเพียงพวกเจ้าพูดความจริงข้ารับรองว่าจะมีของดีๆให้พวกเจ้ากินดื่ม"
ในบรรดาทูตของอาณาจักรจ้าวเหล่านั้นมีทูตที่มีหนวดเคราผู้หนึ่งกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า
"จะฆ่าจะแกงก็เชิญเลย ผู้ที่ขมวดคิ้วข้าว่ามิใช่วีรบุรุษ!"
มุมปากของฉินเหยียนยกขึ้น
"โอ้ หัวแข็งไม่เบานี่ ข้าชอบคนเช่นนี้ น่าสนใจ"
ทูตผู้มีหนวดเครากล่าวอย่างสูงส่งว่า
"ก็แค่รอยแผลบนศีรษะ หากเก่งนักเจ้าก็สังหารพวกข้าเสียสิ!"
ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวคนอื่นๆต่างก็เย้ยหยันในใจ
ให้ตายเถอะ เจ้ารนหาที่ก็อย่าพาพวกเราไปด้วยสิ
ในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ต่างก็เห็นอยู่ว่าคนบ้าผู้นี้สังหารคนอย่างบ้าคลั่ง เจ้ายังจะยั่วยุเขา นี่ไม่ใช่รนหาที่หรือ
"เจ้าคนบ้า เจ้าสังหารทูตจะต้องถูกผู้คนในใต้หล้าหัวเราะเยาะ! เจ้าสังหารสิ เจ้ากล้าสังหารไหม!"
ทูตคนอื่นๆต่างก็ก้มศีรษะด้วยเกรงว่าเสียงร้องตะโกนอย่างเอ็ดตะโรของผู้กล้าคนนี้จะนำความเดือดร้อนมาสู่พวกเขา
เมื่อฉินเหยียนเห็นท่าทางของเหล่าทูตแห่งอาณาจักรจ้าวก็เม้มริมฝีปาก
คนขี้ขลาดกลุ่มหนึ่งและคนมุทะลุหนึ่งคน เอ๋ ไม่ถูกสิ เมื่อวานคนมุทะลุได้ถูกฆ่าฟันไปแล้ว เขาจะอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร?
"นี่ เจ้าใครกัน เมื่อวานเจ้าไม่เห็นข้าสังหารผู้คนหรือ?"
ชายผู้มีหนวดเคราหัวเราะเยาะ ร้องตะโกนอย่างเอ็ดตะโรว่า
"เมื่อวานข้าท้องเสียจึงมิได้เข้าร่วมงานเลี้ยง หากข้าอยู่ที่นั่นจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน ข้าจะหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆและป้อนให้สุนัข!"
"อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!"
เมื่อคิดดีแล้วฉินเหยินจึงไม่พูดเรื่องไร้สาระ เขาถือดาบและเดินไปข้างหน้า
"พวกข้าไม่บอกอะไรทั้งสิ้น!"
"สังหารข้าสิ เมื่อสิบแปดปีผ่านไปข้าก็จะยังคงเป็นวีรบุรุษ!"
ฉินเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาว่า
"ยังปากแข็งอีกด้วย!"
"การที่เจ้าไม่กลัวตายมิได้หมายความว่าพวกเขาไม่กลัวตายนะ อีกอย่างข้าสามารถทำตามความปรารถนาของเจ้าโดยการหันเจ้าเป็นชิ้นๆ เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าเจ้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง มิสู้....."
"พู่!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
เห็นเขาว่ามี 700 กว่าตอน จริงไหมครับ ละดูที่ไหนได้ครบทุกตอนครับ...
กำลังสนุกรอตอนต่อไป...
รอตอนต่อไป...
จะต่ออีกภาคเมื่อไร...
มีชื่อ ENG มั้ย...
ใช้แอปอะไรอ่านแบบยาวๆครับ...
สนุกมาก อยากดูแบบคนเล่นเลย...
สนุก น่าติดตาม รอตอนต่อไป ครับ...
รออ่านครับ สนุกมาก...
สนุกน่าติดตาม...