องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 56

พ่อครัวอ้วนไม่คิดว่าฉินเหยียนจะจริงจัง เขากลืนน้ำลายและกล่าวอย่างประหม่าว่า

"ท่าน ท่านจะถามอะไรหรือขอรับ?"

ฉินเหยียนรีบถามอย่างรวดเร็วว่า

"ครอบครัวเจ้ามีกี่คน?"

"แปดคน"

พ่อครัวอ้วนก็รีบตอบกลับเช่นกันด้วยเกรงว่าหากตอบช้าจะถูกตัดศีรษะ

"บิดาแซ่อะไร?"

“แซ่จาง"

"มารดาอายุเท่าไหร่?"

"เจ็ดสิบสาม"

"มีลูกหรือไม่?"

"บุตรชายสอง บุตรสาวหนึ่ง!"

"หงหลูชื่อมีหม้อกี่ใบ?"

"สามใบ!"

"ทูตของอาณาจักรจ้าวให้เงินเจ้าเท่าใด?"

"ห้าสิบตำลึง!"

มุมปากของฉินเหยียนโค้งขึ้นเล็กน้อย

"อ้อ! ที่แท้อาณาจักรจ้าวก็ซื้อตัวเจ้าด้วยเงินห้าสิบตำลึงนี่เอง"

เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นบนหน้าผากของพ่อครัวอ้วน การถามและการตอบคำถามอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ทำให้เขาไม่มีเวลาคิดและพลั้งปากพูดไปโดยไม่ทันระวัง

"ไม่มี ไม่ใช่! ใต้เท้า ข้าพูดผิดไป!"

"เจ้าไส้ศึก ยังจะแก้ตัวอีกหรือ!"

พ่อครัวอ้วนพยายามอธิบายอย่างเต็มที่

"ใต้เท้า ใต้เท้า โปรดฟังข้าอธิบายก่อน ข้ามิใช่ไส้ศึกจริงๆ!"

ดูจากท่าทางของเขาแล้วไม่ใช่ไส้ศึกก็บ้าแล้ว

พ่อครัวอ้วนผู้นี้นับว่าทำตัวเองแท้ๆ

ฉินเหยียนคิดไว้แล้วว่าหงหลูซื่อไม่สงบสุข หากไม่มีไส้ศึกงานเลี้ยงเมื่อคืนก่อนจะมีทหารผู้บริสุทธิ์เลือดสาดกระเซ็นมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร

ยังไม่ทันที่เขาจะมีโอกาสเอ่ยปาก ดาบก็ปาดไปที่คอของเขาแล้ว

พ่อครัวอ้วนชุ่มไปด้วยเลือดทันที

"อา!"

ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างอุทานด้วยความตกใจ แม้แต่รักษาการเสนาบดีหงสหลูซื่อยังตกใจจนหน้าซีด และเหงื่อเย็นๆก็ไหลอาบหลังของเขา

ฉินเหยียนชี้ดาบไปที่ร่างของพ่อครัวอ้วนที่นอนอยู่บนพื้นและกล่าวเตือนว่า

"นี่ก็คือจุดจบของผู้ที่เป็นไส้ศึก"

ทุกคนต่างมิกล้าเงยหน้าขึ้น แต่ละคนตกใจจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ฉินเหยียนคิดในใจว่า

คนกลุ่มนี้แต่ละคนล้วนมีปัญหา เก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน ค่อยสอบสวนทีละคนภายหลัง

มีเรื่องสำคัญที่เร่งด่วนในตอนนี้ ฉินเหยียนชี้ไปที่รักษาการเสนาบดีหงสหลูซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้น และกล่าวว่า

"เจ้ามานี่"

รักษาการเสนาบดีหงหลูซื่อสะดุ้งเมื่อชื่อของเขาถูกเรียกจึงกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า

"อา? ข้าหรือ?"

"เรียกเจ้ามาเจ้าก็มา มัวพูดไร้สาระอยู่ได้ รีบพาข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ข้าต้องการสอบปากคำทูตแห่งอาณาจักรจ้าว"

รักษาการเสนาบดีหงหลูซื่อไม่กล้าลังเลและลุกขึ้นยืนทันทีพลางกล่าวอย่างนอบน้อมว่า

"ขอรับ ข้าจะพาท่านไป!"

เขาเดินนำทางฉินเหยียนอยู่ด้านหน้า

เมื่อเข้าไปในห้องโถงของหงหลูซื่อแล้ว ฉินเหยียนก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบายๆและวางขาลงบนโต๊ะพลางมองดูของตกแต่ในห้องโถงใหญ่ สิ่งของเหล่านั้นเรียบง่ายซึ่งถูกใจเขา

รักษาการเสนาบดีหงหลูซื่อมองดูท่านั่งของฉินเหยียนพลางคิดในใจว่า มีท่าทางแห่งองค์ชายที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต่างจากพวกอันธพาลข้างถนน ทว่าเขามิกล้าแสดงความไม่พอใจในใจออกมาแม้สักนิด และยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง

ฉินเหยียนสงสัยว่าเขาเข้ามาในห้องโถงได้สักพักแล้วเหตุใดจึงไม่มีคนนำชามาให้ จึงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า

"ข้าเพิ่งเข้ารับตำแหน่งและเป็นหัวหน้าของพวกเจ้า แม้แต่ชายังไม่ยกมาให้หรือ?"

รักษาการเสนาบดีหงหลูชื่อรีบอธิบายว่า

"เรียนใต้เท้า พ่อครัวเพิ่งถูกท่านสังหารไป คิดว่าหากต้องการดื่มชาเกรงว่าจะต้องรอพ่อครัวใหม่เข้ารับตำแหน่งขอรับ"

ฉินเหยียนรู้สึกกระอักกระอ่วนทันที เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร

เขาจึงโบกมือและกล่าวว่า

"ช่างเถอะ ช่างเถอะ คราวหน้าข้าจะนำนางกำนัลมาชงชาเอง"

"เจ้าพาคนไปนำทูตของอาณาจักรจ้าวทั้งหมดมาหาข้า ข้าจะสอบปากคำด้วยตัวเอง"

"ขอรับ!"

รักษาการเสนาบดีหงหลูซื่อตกใจกลัวและนำทางองครักษ์ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

หลังจากนั้นไม่นานองครักษ์ก็นำเหล่าทูตของอาณาจักรจ้าวที่ถูกมัดไว้มายังเบื้องหน้าฉินเหยียน

"คุกเข่า!"

เหล่าทูตของอาณาจักรจ้าวคุกเข่าเป็นแถวด้วยสีหน้าโกรธจัด หากสายตาสามารถสังหารคนได้ เวลานี้ฉินเหยียนคงจะถูกพวกเขาสังหารไปแล้วเป็นร้อยเป็นพันครั้ง

ฉินเหยียนกล่าวด้วยท่าทางขี้เล่นว่า

"ถามอะไรพวกเจ้าสักหน่อย ขอเพียงพวกเจ้าพูดความจริงข้ารับรองว่าจะมีของดีๆให้พวกเจ้ากินดื่ม"

ในบรรดาทูตของอาณาจักรจ้าวเหล่านั้นมีทูตที่มีหนวดเคราผู้หนึ่งกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า

"จะฆ่าจะแกงก็เชิญเลย ผู้ที่ขมวดคิ้วข้าว่ามิใช่วีรบุรุษ!"

มุมปากของฉินเหยียนยกขึ้น

"โอ้ หัวแข็งไม่เบานี่ ข้าชอบคนเช่นนี้ น่าสนใจ"

ทูตผู้มีหนวดเครากล่าวอย่างสูงส่งว่า

"ก็แค่รอยแผลบนศีรษะ หากเก่งนักเจ้าก็สังหารพวกข้าเสียสิ!"

ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวคนอื่นๆต่างก็เย้ยหยันในใจ

ให้ตายเถอะ เจ้ารนหาที่ก็อย่าพาพวกเราไปด้วยสิ

ในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ต่างก็เห็นอยู่ว่าคนบ้าผู้นี้สังหารคนอย่างบ้าคลั่ง เจ้ายังจะยั่วยุเขา นี่ไม่ใช่รนหาที่หรือ

"เจ้าคนบ้า เจ้าสังหารทูตจะต้องถูกผู้คนในใต้หล้าหัวเราะเยาะ! เจ้าสังหารสิ เจ้ากล้าสังหารไหม!"

ทูตคนอื่นๆต่างก็ก้มศีรษะด้วยเกรงว่าเสียงร้องตะโกนอย่างเอ็ดตะโรของผู้กล้าคนนี้จะนำความเดือดร้อนมาสู่พวกเขา

เมื่อฉินเหยียนเห็นท่าทางของเหล่าทูตแห่งอาณาจักรจ้าวก็เม้มริมฝีปาก

คนขี้ขลาดกลุ่มหนึ่งและคนมุทะลุหนึ่งคน เอ๋ ไม่ถูกสิ เมื่อวานคนมุทะลุได้ถูกฆ่าฟันไปแล้ว เขาจะอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร?

"นี่ เจ้าใครกัน เมื่อวานเจ้าไม่เห็นข้าสังหารผู้คนหรือ?"

ชายผู้มีหนวดเคราหัวเราะเยาะ ร้องตะโกนอย่างเอ็ดตะโรว่า

"เมื่อวานข้าท้องเสียจึงมิได้เข้าร่วมงานเลี้ยง หากข้าอยู่ที่นั่นจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน ข้าจะหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆและป้อนให้สุนัข!"

"อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!"

เมื่อคิดดีแล้วฉินเหยินจึงไม่พูดเรื่องไร้สาระ เขาถือดาบและเดินไปข้างหน้า

"พวกข้าไม่บอกอะไรทั้งสิ้น!"

"สังหารข้าสิ เมื่อสิบแปดปีผ่านไปข้าก็จะยังคงเป็นวีรบุรุษ!"

ฉินเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาว่า

"ยังปากแข็งอีกด้วย!"

"การที่เจ้าไม่กลัวตายมิได้หมายความว่าพวกเขาไม่กลัวตายนะ อีกอย่างข้าสามารถทำตามความปรารถนาของเจ้าโดยการหันเจ้าเป็นชิ้นๆ เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าเจ้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง มิสู้....."

"พู่!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์