องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 57

แสงจากคมดาบส่องประกาย และแขนที่เปื้อนเลือดก็หลุดปลิวไป

"อ๊า!"

เสียงกรีดร้องอันโหยหวนของชายผู้มีหนวดเคราดังก้องไปทั่วทั้งหงหลูซื่อ

ทูตหลายคนของอาณาจักรจ้าวพลันตกตะลึง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

แม้แต่ผู้รักษาการเสนาบดีหงหลูซื่อที่เพิ่งเห็นการสังหารของฉินเหยียนก็อดมิได้ที่จะหดม่านตาของเขา

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าฉินเหยียนจะตัดมือขวาของ ทูตผู้มีหนวดเคราต่อหน้าต่อตาพวกเขาจริงๆ!

เมื่อถูกฉินเหยียนตัดแขนของเขาด้วยดาบ ทำให้เขากลิ้งไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวดจนพูดไม่ออก

ฉินเหยียนหยิบมือที่ถูกตัดขึ้นมาและชูให้ทูตคนอื่นๆของอาณาจักรจ้าวดู

"ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า เพื่อให้เจ้าดูว่าข้าจะได้ข่าวสารที่ข้าต้องการมาได้อย่างไร"

“เจ้าสารเลว เก่งนักก็สังหารข้าเสียสิ!"

ผู้กล้าแห่งอาณาจักรจ้าวยังคงต่อต้าน แต่ถูกองครักษ์ส่วนตัวควบคุมและขัดขวางมิให้เขาได้สมหวัง

เขาโยนมือที่ถูกตัดออกไปยังเบื้องหน้าของขุนนางฝ่ายบุ๋นของอาณาจักรจ้าวพลางโบกมือและกล่าวว่า

"พาพวกเขาไปและแยกห้องขัง ข้าจะสอบปากคำพวกเขาทีละคน!"

เมื่อผู้กล้าถูกลากออกไปเขาก็ตะโกนว่า

"พวกเราชาวจ้าวล้วนเป็นผู้กล้า เราจะไม่ยอมก้มหัวให้เจ้าเป็นอันขาด หากเจ้าสังหารข้าก็ยังจะมีผู้กล้าอีกนับพันนับหมื่น มาล้างแค้นให้กับข้า!"

อย่างไรก็ตามเราขุนนางฝ่ายบุ๋นแห่งอาณาจักรจ้าวคนอื่นๆต่างก็สาปแช่งอยู่ในใจ เจ้าคนบ้าบิ่น ต้องการจะทำร้ายให้พวกข้าตายจึงจะรามือจริงๆหรือ

หากเจ้าอยากจะรนหาที่ ไม่ต้องพาพวกข้าไปด้วยหรอก

ฉินเหยียนเช็ดคราบเลือดบนดาบพลางสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

"อีกสักครู่ข้าจะสอบปากคำเดี่ยว หากผู้ใดกล้าที่จะกล่าวความเท็จ ข้าก็จะตัดนิ้วหนึ่งนิ้ว เมื่อตัดหมดทั้งสิบนิ้วแล้วก็จะเฉือนหู ตัดมือ และตัดเท้าจนกลายเป็นมนุษย์สุกร!"

เมื่อเหล่าทูตแห่งอาณาจักรจ้าวได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาทั้งคู่ก็เบิกกว้างด้วยรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!

"พาพวกเขาไป!"

"ขอรับ!"

องครักษ์สองสามคนก้าวออกมาด้านหน้าและพาทูตแห่งอาณาจักรจ้าวแยกย้ายกันไปคุมขังยังห้องต่างๆ

ฉินเหยียนเรียกองครักษ์มาหา และกระซิบสองสามประโยค

องครักษ์เข้าใจทันทีและมองดูฉินเหยียนราวกับว่าเขาเป็นยอดคน

ฉินเหยียนมีสีหน้าภาคภูมิใจโดยไม่ปิดบัง

คนกลุ่มนี้กล้าไม่พูดความจริงหรือ?

พูดเป็นเล่นไป เขาฉินเหยียนเป็นถึงสายลับชั้นยอด การสอบปากคำนั้นเป็นความสามารถพิเศษของเขา

ฉินเหยียนมาที่ห้องของทูตผู้มีหนวดเคราก่อน

เวลานี้ชายผู้มีหนวดเคราดูซีดเสียวและเหนื่อยล้า เขาลากมือที่ขาดพลางพิงอยู่ที่มุมห้อง

ฉินเหยียนก้มมองดูเขา

"ทำเช่นนี้เพื่ออะไรกัน บอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้ออกมา ไม่เพียงแต่เจ้าจะสามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดแต่ยังได้รับทองคำร้อยตำลึงอีกด้วย เหตุใดจึงไม่ตักตวงความสุขเล่า?"

ทูตผู้มีหนวดเคราหลับตาและกล่าวด้วยเสียงที่ไร้เรี่ยวแรงโดยไม่แม้แต่จะมองฉินเหยียนว่า

"เจ้าอย่าฝันไปเลย ข้าไม่พูดอะไรทั้งนั้น ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น"

ฉินเหยียนรู้ดีว่าเขาเป็นคนหัวแข็งและไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาในเวลานี้ จึงโบกมือให้องครักษ์

องครักษ์รีบก้าวออกมาข้างหน้า และใช้ผ้าที่เตรียมไว้ยัดเข้าไปในปากของทูตผู้มีหนวดเครา

"เช่นนั้นเจ้าก็จงรอดูเถิดว่าคนอื่นจะทรยศอาณาจักรจ้าวอย่างไร"

เมื่อฉินเหยียนกล่าวจบ

ก็ได้ยินองครักษ์ที่ยืนอยู่ตรงประตูตะโกนไปที่ทางเดินว่า

"ห้องหมายเลขหนึ่งสารภาพแล้ว ให้รางวัลทองหนึ่งร้อยตำลึง!"

ชายผู้มีหนวดเคราลืมตาขึ้นทันที และยังมิทันฉุกคิดชั่วครู่ นี่คิดจะทำอะไร?

อย่างไรก็ตามทูตแห่งอาณาจักรจ้าวที่อยู่ในห้องอื่นๆก็อดมิได้ที่จะสั่นสะท้าน

"สารภาพแล้ว มีคนสารภาพแล้ว?"

นาทีนี้เหล่าทูตของอาณาจักรจ้าวต่างก็มีเหงื่อออกที่หลัง พวกเขาล้วนเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นเป็นผู้ศึกษาเล่าเรียน และไม่เคยอยู่ในสนามรบมาก่อนจะเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาได้อย่างไรกัน ในใจรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

เวลานี้ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวที่ถูกขังอยู่ในห้องหมายเลขสองที่อยู่ถัดไปก็มีเหงื่อผุดอยู่บนหน้าผาก

"ปัง"

ฉินเหยียนเปิดประตูเข้ามา ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวที่อยู่ในห้องหมายเลขสองตกใจมากจนล้มลงกับพื้น

องครักษ์ยกเก้าอี้มาและฉินเหยียนก็นั่งลงบนเก้าอี้สบายๆ เขาไขว้ขาและกล่าวอย่างผ่อนคลายว่า

"ไหนมาคุยกันหน่อยซิ ครั้งนี้ที่อาณาจักรจ้าวของพวกเจ้ามาอภิเษกสมรสเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีนั้น วางแผนจะทำอะไร ซุ่มโจมตีไปกี่คนแล้ว บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้ออกมา รางวัลทองหนึ่งร้อยตำลึงและยังมีของดีๆให้เจ้ากินเจ้าดื่ม หากเจ้าไม่บอกก็จงกลายเป็นมนุษย์สุกรเสีย!"

ในขณะที่กล่าวเขาก็ทำท่าทางเตรียมที่จะหั่นเขา แม้ว่าทูตในห้องหมายเลขสองจะหวาดกลัว แต่เพื่อภารกิจของอาณาจักรจ้าว เขาจึงยืนหยัดที่จะไม่พูดอะไร

"เจ้า ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นจริงๆ!"

ฉินเหยียนเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วและไม่โกรธ เขาโบกมือและทหารยามก็นำอาหารอันโอชะมายื่นที่เบื้องหน้าของทูตในห้องหมายเลขสอง

เบื้องหน้าของทูตแห่งอาณาจักรจ้าวในห้องหมายเลขสองสว่างขึ้นทันที แต่เขาก็มิได้ตอบสนอง

จากนั้นองครักษ์ก็ยกทองคำหนึ่งร้อยตำลึงเข้ามาซึ่งส่งประกายจนเกือบจะทำให้เขาตาบอด

ฉินเหยียนถามต่อว่า

"ว่าอย่างไร ขอเพียงเจ้าพูดออกมา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของเจ้า"

เสียงของฉินเหยียนดูเหมือนจะสามารถทำให้คนสับสน ทูตที่อยู่ในห้องหมายเลขสองเกือบจะอดไม่ได้จนต้องยอมแลกเปลี่ยน ทว่าสติสัมปชัญญะสุดท้ายก็หยุดเขา จากนั้นเขาจึงยืนกรานด้วยใบหน้าที่เศร้าว่า

"ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น เจ้าจะให้ข้าพูดอะไรเล่า!"

ฉินเหยียนเชิดคางขึ้น

องครักษ์รีบก้าวไปข้างหน้าและปิดปากทูตในห้องหมายเลขสองทันที

หลังจากนั้นจึงตะโกนตรงทางเดินว่า

"ห้องหมายเลขสองสารภาพ มอบรางวัลทองหนึ่งร้อยตำลึง!"

เมื่อทูตของอาณาจักรจ้าวที่อยู่ในห้องอื่นๆได้ยินว่ามีคนสารภาพติดๆกัน ในใจของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มสั่นคลอน

"สารภาพอีกคนแล้ว เราจะทำอย่างไรกันดี!"

"หากสารภาพก็เท่ากับทรยศชาติ ตายไปก็ไม่มีหน้าไปพบ บรรพบุรุษ!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์